ผู้เขียน | จันทร์รอน |
---|
สังคมอันหมายถึงการอยู่ร่วมกันของคนหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสังคมเล็กๆ ระดับครอบครัว หรือสังคมใหญ่ระดับประเทศ หรือใหญ่กว่านั้นก็ตาม
การให้คุณค่าว่าพฤติกรรมแบบไหนคือเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ย่อมสะท้อนว่าสังคมนั้นเป็นเช่นไร และจะนำพาการอยู่ร่วมกันให้เป็นไปแบบไหน
อยู่ร่วมกันอย่างสุขสงบ เท่าเทียมในโอกาส หรืออยู่ร่วมกันอย่างหวาดระแวง เอารัดเอาเปรียบ ใช้ความได้เปรียบกดข่มเพื่อนร่วมสังคมให้ยอมจำนน เป็นความสงบที่เกิดจากการยอมจำนนอย่างราบคาบ
ไม่ว่าสังคมใดก็ตาม หากยกย่องให้เกียรติกับผู้ใช้อำนาจที่เหนือกว่าอย่างใดอย่างหนึ่งไปในทางกดข่ม หรือด้อยค่าเพื่อนร่วมสังคมคนอื่น
ค่านิยมรวมๆ ของสังคมแบบนี้ จะเป็นการแข่งขันสะสมความเหนือกว่า และความสามารถในการกดข่มด้อยค่าเพื่อนร่วมสังคม
สภาวะที่จะตามมาของสังคมแบบนี้ก็คือ การชิงดี ชิงเด่น แข่งขัน ทำลายล้าง
แม้ในบางช่วงเวลาจะดูสงบ เพราะฝ่ายที่ได้เปรียบควบคุมฝ่ายที่เสียเปรียบได้อย่างราบคาบ ซ้ำยังครอบงำให้ยอมจำนนทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวได้สำเร็จ
แต่ความสงบจะคงอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ด้วยถึงที่สุดแล้วชีวิตมนุษย์นั่นยอมงอกเงย และพัฒนาไปสู่เสรีภาพ เช่นเดียวกับที่ยอดไม้ย่อมมุ่งชูใบหาแสงแดด
จิตวิญญาณของมนุษย์ถึงที่สุดแล้วจะไม่จำนนกับการถูกกดข่มด้อยค่า
นั่นหมายถึงสังคมที่ให้ค่ากับความเหนือกว่า อยู่ร่วมกันอย่างยอมรับการเอารัดเอาเปรียบจะสงบอยู่ได้ไม่นาน
ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะจากการช่วงชิงความได้เปรียบ การไม่ยินยอมให้กดข่ม ด้อยค่า หรือการหาทางล้มล้างกันและกัน เป็นสังคมแห่งการต่อสู้
คล้ายกับว่าสัญชาตญาณของสัตว์โลกจะเป็นเช่นนั้น ใครแข็งแกร่งกว่าย่อมเป็นใหญ่ ใครอ่อนแอกว่าจะต้องเป็นเหยื่อ
อย่างไรก็ตาม มนุษย์นั้นมีพัฒนาการที่ไปไกลกว่าการอยู่ร่วมกันโดยสัญชาตญาณเหมือนสัตว์อื่น
ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความพยายามมาตลอดที่จะสร้างสังคมที่ความสงบในความหมายของความสุข อันหมายถึงการอยู่ร่วมกันอย่างรื่นรมย์ เบิกบาน ไม่ถูกบีบคั้นด้วยการช่วงชิงความเหนือกว่า
รูปแบบที่ให้คุณค่ากับความเท่าเทียม อยู่ร่วมกันอย่างช่วยเหลือเจือจาน แบ่งปันกันและกัน จนถึงการมองเห็นองค์รวมว่าทุกชีวิตต่างเกี่ยวโยงถึงกันและกัน ส่งผลต่อกันและกัน หรือยิ่งกว่านั้นคือเห็นทุกชีวิตเป็นหนึ่งเดียว เป็นชีวิตเดียวกัน
การดูแลเพื่อให้เกิดความสุข จึงหมายถึงไปในทางที่จะดูแลทุกสิ่งอย่างทั้งตัวเอง รอบตัว และไกลออกไปให้ราบรื่นเรียบร้อย
เมื่อทุกสิ่งดำรงอยู่ในความสุขร่วมกัน
จะเป็นความสงบที่ถาวร
มีความพยายามที่จะให้การอยู่ร่วมกันของมนุษย์เป็นไปในทางนี้
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทางเลือกของคนส่วนใหญ่
มนุษย์ส่วนมากยังเดินไปในหนทางที่ถูกครอบงำด้วยสัญชาตญาณ อันหมายถึงกดข่มกันด้วยความเหนือกว่า และด้อยค่าไว้เพื่อรักษาความเหนือกว่าให้ยาวนานขึ้น
การต่อสู้จึงเหมือนไม่มีวันจบสิ้น
แม้คิดได้ อธิบายให้เห็นกันมาตลอดว่าหนทางที่จะอยู่ร่วมกันแบบสันติสุข และสังคมแห่งสันติภาพควรทำอย่างไร
ทว่าถึงที่สุด สันติภาพแม้เกิดขึ้นบ้างกลับน้อยนิด
สะท้อนจากการให้คุณค่าว่ายึดถืออะไรเป็นความสำเร็จของชีวิต ที่นับวันจะไปในทางให้เกียรติกับผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า มากกว่าจะให้เกียรติกับความดีงามในทางแบ่งปัน และวางตัวแบบเท่าเทียม
ด้วยเหตุนี้เอง ลึกลงไปในวิถีของสังคม มักไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นการช่วงชิง แข่งขัน
การสร้างความสุขสงบมักจะเป็นเรื่องการฝึกฝนส่วนตัว ให้เกิดขึ้นในสภาวะจิตของคนคนหนึ่ง แทนการสร้างให้เกิดขึ้นกับสังคมโดยรวม
ความสุขสงบในมิติของปัจเจก จึงมีอยู่จริงมากกว่ามิติของสังคม