คอลัมน์ เริงโลกด้วยจิตรื่น : สุขสงบด้วย “เข้าใจ”

เพราะเป็นธรรมดาของโลกที่สรรพสิ่งล้วนต้องเปลี่ยนแปลงไป บางเรื่องที่ถูกใจแปรเป็นขัดใจ บางเรื่องเคยเป็นอย่างที่หวังแปรสู่เรื่องที่สร้างความผิดหวัง

ยามถูกใจ สมหวัง จิตใจก็ฟ่องฟู และหงุดหงิดเมื่อขัดใจ หดหู่เมื่อผิดหวัง

ทั้งขณะตื่นและหลับเอาเข้าจริงแล้วชีวิตกำหนดไม่ได้ว่าจะต้องเผชิญเรื่องราวที่สร้างอารมณ์แบบไหน

เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตนั้นไม่ได้เกิดตามความอยากให้เกิด แต่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่มาประกอบกัน

Advertisement

ปัจจัยที่มาประกอบขึ้นแป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ นั้น แบ่งได้เป็น 2 ประเภท โดยเอาตัวเราเป็นเครื่องมือในการแบ่ง คือ

ปัจจัยภายใน หมายถึงอะไรต่ออะไรที่เกิดจากเราเอง

กับปัจจัยภายนอก หมายถึงอะไรต่ออะไรที่เกิดจากคนอื่น

Advertisement

เพราะเป็นธรรมดาที่เรื่องราวที่เกิดจากเราเองอันเป็นปัจจัยภายในควรที่จะบังคับคอนโทรลให้เป็นไปตามที่อยากจะเป็นได้ง่ายกว่าปัจจัยภายนอกที่คนอื่น สิ่งอื่นมีอิทธิพลในการบังคับให้เป็นได้มากกว่า

ดังนั้น คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญชีวิตจึงมักเน้นย้ำที่การควบคุมตัวเองให้สร้างปัจจัยภายในที่จะตอบสนองความต้องการแทนที่จะไปวุ่นวายกับปัจจัยภายนอก

“ตัวเองยังเอาชนะไม่ได้แล้วจะเอาชนะใครได้”

กระนั้นก็ตามการควบคุมปัจจัยภายในแม้จะง่ายกว่า แต่บางครั้งกลับกลายเป็นเรื่องยากที่สุด กระทั่งผู้เชี่ยวชาญชีวิตเองบางคนยังสรุปว่า “ชนะตัวเองเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

เพราะไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ทั้งปัจจัยที่เกิดจากตัวเอง และปัจจัยจากภายนอกที่ส่งผลมากระทบ ทำให้ชีวิตส่วนใหญ่มักล่องลอยไปตามชะตากรรม ซึ่งก็คือการคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

นี่คือความธรรมดาของชีวิต ที่ไม่มีทางที่จะกำหนดความแน่นอนอะไรได้

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการดำเนินชีวิตอยู่ในความธรรมดาเช่นนี้แหมือนๆ กัน คนเรากลับแตกต่างกัน คล้ายกับว่าบางคนควบคุมทิศทางของชีวิตให้เดินหน้าสู่ความสำเร็จตามที่ต้องการได้ แต่คนจำนวนมากตื่นลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ชะตากรรมจะนำชีวิตไปทางไหน

คล้ายกับว่าเป็นอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงความแตกต่างอยู่ที่ “ความเข้าใจ”

คนที่คล้ายกับว่าคอนโทรลชีวิตตัวเองได้ คือคนที่มีความเข้าใจว่า “ชีวิตดำเนินไปด้วยปัจจัยต่างๆ ที่มาประกอบกัน” และมีสมาธิมากกว่าที่จะเห็นปัจจัยต่างๆ ที่มาประกอบกันและส่งผลเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ รู้ว่าความสำเร็จเกิดจากการรู้วิธีการจัดการปัจจัยที่มาประกอบกันนั้นให้เป็นไปในทางที่จะก่อผลในทิศทางที่ตั้งเป้าหมายเป็นความสำเร็จ

ส่วนคนที่รู้สึกว่าตื่นขึ้นมามีแต่ปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามยถากรรม คือ คนที่ไม่สามารถมองเห็นปัจจัยที่มาประกอบกันเป็นเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต เมื่อไม่รู้ไม่เข้าก็ทำให้ไม่สามารถจัดการปัจจัยต่างๆ ที่มาประกอบกันได้ มีแต่ต้องปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามยถากรรม

ในกลุ่มคนที่เข้าใจว่าชะตากรรมในทุกเรื่องราวเกิดจากการประกอบกันของปัจจัยต่างๆ และหากยิ่งมองเห็นปัจจัยเหล่านั้น อย่างสามารถประเมินผลได้ จะเป็นผู้ถูกมองว่าประสบความสำเร็จ หรือเป็นกลุ่มที่มีชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่า เพราะความรู้ ความเข้าใจ

คนที่ไม่มองไม่เห็นการประกอบกันของปัจจัย ไม่รู้ไม่เข้าใจความธรรมดาของเรื่องราวต่างๆ ยังเคยชินกับความอยากให้เป็นของตัวเอง แม้จะรู้ว่าไม่ค่อยมีอะไรที่เป็นไปตามที่อยาก ยังเที่ยววิงวอน ร้องขอ บนบานศาลกล่าว จะไม่มีความสงบในใจ เพราะต้องทุรนทุรายอยู่กับความยินดีที่สมหวัง โศกเศร้าใจเสียกับที่ไม่สมหวัง

ดังนั้น ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับอะไร หากหันมาตั้งสติเพื่อให้เกิดความเข้าใจในเหตุปัจจัยต่างๆ จัดการไปตามเหตุปัจจัยนั้นให้เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วมองการประกอบกันเป็นเรื่องราวต่างๆ ตามเหตุปัจจัยด้วยความเข้าใจความเป็นธรรมดา

บางเรื่องเป็นไปตามที่หวังก็ธรรมดา หรือบางเรื่องไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะมีเหตุปัจจัยที่เราจัดการไม่ได้ก็เห็นเป็นธรรมดา

แบบนี้ได้ก็สงบสุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image