เลือดสุพรรณ เดอะมิวสิคัล กับภารกิจ ‘เพื่อชาติ’

ละครเรื่องเลือดสุพรรณ ของหลวงวิจิตรที่มีการนำมาแสดงอยู่เสมอๆ ในภาพเป็นการแสดงของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 17 ตุลาคม 2556 (เผยแพร่ใน http://www.youtube.com เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2556

“เลือดสุพรรณ” เป็นคำที่เราท่านพูดกันติดปากเสมอ เมื่อต้องการชักชวนให้ผู้คนร่วมแรงร่วมใจกัน เนื้อเพลงเลือดสุพรรณท่อนหนึ่งที่ว่า “มาด้วยกัน มาด้วยกัน เลือดสุพรรณเอ๋ย เลือดสุพรรณเข้าประจัญ อย่าได้พรั่นเลย…” ก็ได้ยินและคุ้นหูมานาน

หาก “เลือดสุพรรณ” ยังมีภารกิจสำคัญที่หลวงวิจิตรวาทการ (พ.ศ. 2441-2505) ผู้ให้กำเนิดกำหนดให้มันมา

เลือดสุพรรณเป็นชื่อเพลงและละครเพลง ที่หลวงวิจิตรฯ สร้างขึ้น เพื่อสร้างความ “รักชาติ” ซึ่ง ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ นำเสนอไว้อย่างน่าสนใจในนิตยสาร “ศิลปวัฒนธรรม” ฉบับเดือนกันยายน กับบทความที่ชื่อว่า “เลือดสุพรรณ : ปลูกใจผู้หญิงไทย ให้รักชาติและลุกรบ”

เมื่อ หลวงวิจิตรฯ กลับมารับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศอีกครั้งใน พ.ศ.2476 (หลังจากลาออกไปในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475) ตามการชักชวนของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม และหลวงพิบูลสงคราม ไม่นานนักหลวงวิจิตรฯ ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมศิลปากรที่ตั้งขึ้นใหม่ โดยสังกัดกระทรวงธรรมการ ที่กรมศิลปากรนี้เอง หลวงวิจิตรฯ ได้รับมอบหมายให้สร้างละครและบทเพลงให้คนไทยเกิด “ความรัก และความสามัคคี” และนั่นคือที่มาของ “เลือดสุพรรณ”

Advertisement
หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ)
หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ)

ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ สืบค้นคำว่า “รัก” ในทรรศนะของหลวงวิจิตรฯ ซึ่งหลวงวิจิตรฯ เคยปาฐกถาเรื่องนี้ไว้ทางสถานีวิทยุศาลาแดงเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2473 คำว่า “รัก” หมายถึงการชอบในคนอื่นมากกว่าชอบในตนเอง คำว่า “รักชาติ” ของหลวงวิจิตรฯ นั้นคือ “ถ้ายังไม่พร้อมที่จะเสียสละสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมทั้งชีวิตของตัวให้ชาติได้แล้ว จะเรียกว่ารักชาติไม่ได้เลยเป็นอันขาด”

เลือดสุพรรณ จึงถ่ายทอด “ความรักชาติ” ตามความหมายนี้ของหลวงวิจิตรฯ

ด้วยเค้าโครงเรื่องที่เกิดความรักขึ้นในสงคราม เมื่อกองทัพพม่าบุกสยามและจับคนไทยในเขตเมืองสุพรรณเป็นเชลยใช้แรงงานในค่าย ซึ่งดวงจันทร์ (นางเอกและตัวเอก) และครอบครัวของเธอรวมอยู่ด้วย เชลยคนไทยถูกข่มเหงทารุณจากพม่าเสมอ แต่มังรายลูกแม่ทัพที่ดูแลค่ายแห่งนี้หลงรักเธอ จึงคอยให้ความช่วยเหลือ สุดท้ายมังรายช่วยเชลยคนไทยโดยปล่อยให้เป็นอิสระ ดวงจันทร์พาครอบครัวหลบหนี แล้วกลับไปหามังรายคนรัก แต่พบว่าเขาถูกพ่อตัวเองลงโทษประหารชีวิต ดวงจันทร์จึงย้อนกลับมาหาพ่อแม่ หากพวกท่านก็ถูกลอบสังหาร เธอจึงนำคนไทยเข้าต่อสู้กับพม่าจนตัวตายเช่นกัน

Advertisement

ละคร เลือดสุพรรณ เปิดการแสดงครั้งแรก พ.ศ.2479 ในโรงละครชั่วคราวที่ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเสา และยืมเต็นท์กับเก้าอี้จากค่ายทหาร เลือดสุพรรณได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมากซื้อตั๋วเข้าชม จนต้องขอกำลังตำรวจมาดูแลพื้นที่

pra02120959p3
(บน) ภาพภายในและภายนอกของโรงละครกรมศิลปากร (หอประชุมกรมศิลปากร) ที่สร้างขึ้นจากรายได้การขายตั๋วเข้าชมละครเลือดสุพรรณ (ภาพจาก Facebook เพจ National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) (ล่าง) เลือดสุพรรณ ที่มีการจัดพิมพ์ในวาระต่างๆ

หลวงวิจิตรฯ เองก็ติดต่อกับหน่วยงานราชการให้ให้การสนับสนุน เช่น ขอกระทรวงกลาโหมส่งนักเรียนนายร้อยเหล่าต่างๆ มาดูละคร, ขอกรมตำรวจส่งนักเรียนนายร้อยตำรวจมาชมละคร, เชิญ ส.ส. ที่มีบทบาทด้านงบประมาณในสภาผู้แทนราษฎรมาดูละคร ฯลฯ

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการจัดสรรงบประมาณก่อสร้างโรงเรียนนาฏดุริยางค์และครูอัตราจ้างที่มีเงินเดือนประจำ, รายได้จากละครเลือดสุพรรณทำให้เกิดโรงละครถาวร หรือหอประชุมศิลปากรขึ้น

ธำรงศักดิ์ยังตั้งคำถามใหญ่ 2 ประเด็น ที่น่าสนใจว่าละครเพลงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

คำถามหนึ่งคือ ทำไมจึงเป็น “เลือดสุพรรณ”

เมื่อพิจารณาฐานะความสำคัญของเมือง อยุธยา หรือกรุงเทพฯ ซึ่งเคยเป็น และเป็น “เมืองหลวง” น่าจะมีศักดิ์ศรีกว่า หากพิจารณาถึงวีรกรรมการต่อสู้ “บางระจัน” ก็มีภาษีกว่า แต่ทำไมหลวงวิจิตรฯ จึงไม่เขียนเลือดอยุธยา, เลือดกรุงเทพฯ, เลือดบางระจัน แต่เป็นเลือดสุพรรณ

คำถามหนึ่งคือ ทำไมให้ “ผู้หญิง” เป็นตัวเอกของเรื่อง

นอกจากปลุกใจผู้หญิงให้รักชาติ แล้วหลวงวิจิตรฯ คิดอะไรจึงสร้างตัวเอกในละครเพลงรักชาติให้เป็นผู้หญิง แทนที่จะเป็นชายชาติทหาร

ไม่ว่า “สุพรรณ” หรือ “ผู้หญิง” ที่หลวงวิจิตรฯ เลือกต้องมีนัยยะและหวังผลสัมฤทธิ์ ซึ่งไม่ธรรมดาแน่นอน

ดังที่เอกสารสโมสรศิลปวัฒนธรรมเสวนา ฉบับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า “เพราะในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย ตลอด 80 ปีที่ผ่าน ไม่มีงานของปัญญาชน หรือนักคิด นักเขียนใด ที่จะมีอิทธิพลซึมลึกและจำหลักหนักแน่นอยู่ในความรู้และความคิดของคนไทยเท่ากับงานของหลวงวิจิตรวาทการ…”

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ขอชวนท่านผู้อ่านโปรดติดตามคำตอบ และเนื้อหาทั้งหมดในนิตยสาร “ศิลปวัฒนธรรม”

เพราะถ้าจะเข้าใจประวัติศาสตร์ความคิดและการเมืองสมัยใหม่ ก็ต้องเข้าใจหลวงวิจิตรวาทการ และงาน “เพื่อชาติ” ของเขา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image