คอลัมน์ โลกสองวัย : คำตอบของน้องหนู

เรื่องของน้องหนูชอบงานศิลปะทั้งวาดเขียนและปั้นดินน้ำมัน สัปดาห์ต่อจากนั้น ในชั่วโมงศิลปะ คุณครูบอกว่าวันนี้เราจะปั้นดินน้ำมัน

น้องหนูเด็กชายคิดในใจ “ดีจัง” เขาชอบปั้นดินน้ำมัน และปั้นได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไดโนเสาร์ เครื่องบิน มนุษย์หิมะ เมื่อหยับดินน้ำมันออกมาจะลงมือปั้น เสียงคุณครูสั่งว่า

“เดี๋ยวก่อน ยังไม่ถึงเวลาเริ่ม” เมื่อคุณครูเห็นว่าทุกคนพร้อม จึงบอกว่าจะปั้นแจกันดอกไม้

น้องหนูคิดว่า “ดีจัง” จินตนาการรูปแจกันดอกไม้ในหัวใจ เป็นรูปทรงกระบอก สามใบ สามขนาด วางเรียงกัน แล้วหยิบดินน้ำมันสีเขียวสามเฉดสีออกมาปั้น

Advertisement

เสียงคุณครูสั่งอีกว่า “เดี๋ยวก่อน ครูจะปั้นให้ดู” แล้วคุณครูใช้ดินน้ำมันสีน้ำตาลปั้นแจกันคอคอด

“เอาละ ทีนี้เริ่มได้”

น้องหนูมองแจกันที่คุณครูปั้น แล้วดูแจกันตัวเอง เขาชอบแจกันของตัวเองมากกว่า แต่ไม่ได้บอกออกไป น้องหนูขยำแจกันของตัวเอง แล้วปั้นแจกันใบใหม่แบบคุณครู เป็นแจกันคอคอดสีน้ำตาล

Advertisement

เพียงไม่นาน น้องหนูรู้ว่าต้องรอ ต้องดู และต้องทำเหมือนที่คุณครูทำ จากนั้นน้องหนูเลิกทำอะไรต่อมิอะไรตามใจตัวเองคิด

ต่อมาครอบครัวของน้องหนูย้ายบ้านไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง น้องหนูต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนใหม่

วันนั้นคุณครูบอกว่า “วันนี้เราจะวาดรูปกัน”

“ดีจัง” น้องหนูคิดในใจแล้วรอให้คุณครูบอกว่าต้องทำอย่างไร

แต่คุณครูไม่พูดไม่บอกอะไร เดินดูรอบห้องมาถึงน้องหนูคนนั้น คุณครูถามว่าไม่อยากวาดรูปหรือ

“อยากครับ” น้องหนูเงยหน้าตอบคุณครู แล้วถามว่า “เราจะวาดรูปอะไรกันครับ”

คุณครูมองน้องหนูอย่างงงๆ บอกน้องหนูว่า “ครูไม่รู้ จนกว่าเธอจะวาดออกมา”

“วาดยังไง สีอะไรก็ได้หรือครับ” น้องหนูกึ่งถามกึ่งสงสัยด้วยเสียงสั่นเครือแบบไม่มั่นใจ

คุณครูบอกว่า “ใช่สิ ถ้าทุกคนวาดเหมือนกันหมด ใช้สีเดียวกันหมด แล้วครูจะรู้ได้ยังไงว่ารูปไหนเป็นของใคร เจ้าของรูปคิดยังไง”

น้องหนูฟังแล้วจึงพูดออกไปอย่างไม่สู้เข้าใจคำพูดของคุณครูนักว่า “ไม่รู้สิครับ”

ว่าแล้วน้องหนูก็ลงมือวาดรูปดอกไม้สีแดง ก้านสีเขียว

เป็นอันจบเรื่อง “ดีจัง” ของน้องหนูนักจินตนาการ

มาถึงอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของน้องหนูผู้หญิงอายุไม่มากนัก ยังเรียนชั้นประถมหนึ่งหรือสอง ไม่แน่ใจ

น้องหนูคนนี้อยู่กับครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะกันเป็นประจำ แม้ยังไม่ได้เลิกกัน แต่แทบไม่ได้อยู่ด้วยกัน

กระนั้นน้องหนูยังมีโอกาสไปเรียนพิเศษคือเต้นบัลเลต์เช่นเดียวกับเด็กหญิงวัยเดียวกันหลายคน

วันหนึ่งคุณครูฟ้าใสถามน้องหนูที่เรียนบัลเลต์ว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร

แน่นอน เสียงน้องหนูเด็กหญิงต่างแย่งกันตอบระเบ็งเซ็งแซ่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์

คุณครูฟ้าใสยิ้มกับความเป็นเด็กเล็กของน้องหนู แล้วบอกว่าให้ตอบทีละคน คุณครูถามใคร ให้คนนั้นตอบ คุณครูจะได้รู้ว่าใครอยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้น

คำตอบที่คุณครูได้รับมีหลากหลาย ทั้งอยากเป็นหมอ อยากเป็นพยาบาล อยากเป็นครู อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นนักเต้นบัลเลต์ อยากเป็นตำรวจ ทหาร อยากเป็นนู่นเป็นนี่ตามประสาเด็กน้อย บางคนบอกแล้วกลับเปลี่ยนใจตามเพื่อน บางคนเมื่อถามอีกครั้งว่าเป็นหมอ เป็นพยาบาล ไม่กลัวเข็มฉีดยาหรือ น้องหนูทำท่ากลัวแล้วเปลี่ยนใจ

ถึงน้องหนูคนนั้น เมื่อคุณครูฟ้าใสถาม เธอตอบอย่างมั่นใจว่า อยากเป็นเด็ก ด้วยเหตุผลอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ (คำตอบนี้มีใครเคยคิดบ้างไหมว่าจะได้ยินจากน้องหนูที่ครอบครัวแทบว่าจะแตกแยกกัน)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image