สถานการณ์หนักหน่วงขึ้นทุกขณะ สำหรับอัฟกานิสถาน ซึ่งเกิดเหตุระเบิดรายวัน โดยเมื่อ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้แต่พื้นที่ใกล้อาคารหน่วยงานด้าน “ความมั่นคง” ในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ก็ไม่รอด พลเรือนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงบาดเจ็บ 1 นาย
ก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน สำนักข่าวรอยเตอร์ อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอัฟกานิสถานซึ่งระบุว่าเกิดเหตุระเบิดขนาดใหญ่ ตามมาด้วยเสียงปืนเป็นระยะๆ ที่กรุงคาบูล เมืองหลวงใกล้กับเขต พื้นที่สีเขียว ที่มีการรักษาความปลอดภัยระดับสูง โดยเป็นที่ตั้งของอาคารหน่วยงานรัฐบาลและสถานทูตต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงระบุว่า เหตุระเบิดเกิดจากเหตุคาร์บอมบ์ ที่มีเป้าหมายโจมตีบ้านพักของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอัฟกานิสถาน หน่วยงานการแพทย์ฉุกเฉินของกรุงคาบูล ทวีตข้อความว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าว 6 ราย
แม้บางเหตุการณ์ ไม่มีกลุ่มใดออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือ การสู้รบระหว่างกลุ่ม ทาลิบัน และกองกำลังของรัฐบาลอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีการประเมินว่ากลุ่มทาลิบันน่าจะยึดครองพื้นที่ได้แล้วถึงครึ่งของประเทศ หลังกองทัพต่างชาตินำโดยสหรัฐถอนกำลังทหารออกไปจากที่อยู่ในสมรภูมิมายาวนานถึง 2 ทศวรรษ ส่งผลให้กองกำลังทาลิบันเดินหน้ารุกยึดพื้นที่จากกองกำลังอัฟกานิสถานได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่จุดผ่านแดนระหว่างประเทศไปจนถึงพื้นที่ในเขตชนบท การสู้รบในพื้นที่รุนแรงขึ้น
ขณะที่สหรัฐได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อให้การสนับสนุนกองกำลังอัฟกานิสถาน แต่ นายพลเคนเนธ แมคเคนซี ของสหรัฐก็รับว่า “ชัยชนะของทาลิบันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้”
ก่อนเหตุการณ์มาถึงจุดนี้ “ทีมข่าวต่างประเทศ” มติชน เกาะติดความเคลื่อนไหว รายงานต่อเนื่อง ชวนให้จับตาสมรภูมิร้อนระอุที่ทั่วโลกให้ความสนใจไปด้วยกัน
เคอร์ฟิว 1 เดือน หวังสกัดทาลิบัน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม รายงานข่าวแจ้งว่ารัฐบาลอัฟกานิสถานประกาศบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวเป็นเวลาหนึ่งเดือนในพื้นที่เกือบทั้งหมดของประเทศ ภายใต้ความพยายามที่จะยุติการบุกรุกและยึดครองดินแดนของกลุ่มทาลิบัน โดยสั่งห้ามการเคลื่อนไหวทุกอย่างหลังเวลา 22.00-04.00 น. ของวันใหม่ในพื้นที่กรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานและอีก 2 จังหวัด โดยกระทรวงมหาดไทยของอัฟกานิสถานระบุว่า การประกาศมาตรการเคอร์ฟิวมีเป้าหมายเพื่อจำกัดความรุนแรงและควบคุมการเคลื่อนไหวของกลุ่มทาลิบัน
หมุนเข็มนาฬิกากลับไปอีก ในวันที่ 6 กรกฎาคม ทหารอัฟกานิสถานมากกว่าพันนายพากันหลบหนีไปยังประเทศทาจิกิสถาน หลังเกิดเหตุปะทะกับกองกำลังทาลิบัน โดยหน่วยงานดูแลชายแดนทาจิกิสถานระบุว่า ทหารของกองทัพอัฟกานิสถานถอยหนีเข้ามาในดินแดนทาจิกิสถานก็เพื่อรักษาชีวิตของตนเอง โดยถอยร่นเข้าไปยังดินแดนของทาจิกิสถานเป็นครั้งที่ 3 แล้วในเวลาเพียง 3 วัน โดยมียอดรวมของทหารอัฟกานิสถานที่เข้าไปยังทาจิกิสถานเกือบ 1,600 นาย
สำนักงาน ‘ยูเอ็น’ เมืองเฮราต โดนถล่ม
30 กรกฎาคม กลุ่มทาลิบันโจมตีสำนักงานเพื่อปฏิบัติภารกิจช่วยเหลืออัฟกานิสถานของสหประชาชาติ (UN Assistance Mission in Afghanistan-UNAMA) ในเมืองเฮราต ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอัฟกานิสถานเสียชีวิต 1 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
กลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้พุ่งเป้าโจมตีทางเข้าของสถานที่ซึ่งมีเครื่องหมายของสหประชาชาติติดไว้อย่างชัดเจนด้วยระเบิดและปืนขับเคลื่อนด้วยจรวด เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนักรบทาลิบันได้บุกเข้าไปยังเมืองเฮราต และปะทะกับกองกำลังความมั่นคงอัฟกัน ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของ UNAMA
เดโบราห์ ลียง ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติประจำยูเอ็น เผยว่า การโจมตีสหประชาชาติครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง
“เราขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด เราขอส่งมอบกำลังใจให้กับครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ถูกสังหาร และเราหวังว่าผู้บาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว”
ขณะที่รองโฆษกของเลขาธิการสหประชาชาติออกแถลงการณ์เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสหประชาชาติที่จะสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนชาวอัฟกานิสถาน ในความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสันติภาพและความมั่นคง
รายงานข่าวของยูเอ็นระบุว่า เมืองเฮราตเป็นเมืองหลักแห่งที่ 2 ของจังหวัดในอัฟกานิสถาน ที่นักรบทาลิบันได้บุกเข้าพื้นที่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้ก่อความไม่สงบเข้าสู่เมืองหลักของจังหวัดเฮลมานด์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้หนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยเหตุปะทะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พลเรือนจำนวนมากต้องรีบเร่งอพยพออกจากเมืองเป็นการด่วน
อย่าไปเลย ‘อัฟกานิสถาน’
คำเตือนจากสถานทูตไทย
เหตุการณ์ที่เกิเขึ้น ส่งผลให้ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ออกประกาศเตือนคนไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอัฟกานิสถาน ลงวันที่ 31 กรกฎาคม
ความว่า
สืบเนื่องจากสถานการณ์ในอัฟกานิสถานในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้มีการปิดเส้นทางการเดินทาง และการคมนาคมภายในประเทศในหลายพื้นที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด ขอแนะนำให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในอัฟกานิสถาน และขอให้ชาวไทยที่ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในอัฟกานิสถานพิจารณาเดินทางออกจากอัฟกานิสถานในโอกาสแรก
สำหรับคนไทยที่ยังมีความจำเป็นต้องอยู่ในอัฟกานิสถาน ขอให้พยายามอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงที่มีความเสี่ยง รวมทั้งโปรดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สหรัฐ อพยพด่วนพันธมิตรชาวอัฟกัน
1 สิงหาคม เดอะการ์เดียน รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ส่งเครื่องบินทหารเพื่อทำการอพยพฉุกเฉิน บรรดาพันธมิตรชาวอัฟกานิสถานที่ทำงานให้กับกองทัพสหรัฐและนักการทูต รวมถึงคนอีกหลายร้อยคนที่กำลังรอวีซ่าไปยังสหรัฐอเมริกา โดยการอพยพบรรดาพันธมิตรดังกล่าวจะมีให้เฉพาะบุคคลที่กำลังรอวีซ่าซึ่งมีกระบวนการขอในระบบราชการที่ล่าช้าในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น แต่จำนวนผู้สมัครที่เข้าข่ายที่จะได้รับการอพยพมายังสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
การดำเนินการอพยพดังกล่าวสะท้อนแรงกดดันทางการเมืองที่เป็นห่วงชะตากรรมของชาวอัฟกันที่ทำงานสนับสนุนองค์การนาโต้ในอัฟกานิสถาน ซึ่งเวลานี้กำลังเผชิญกับการแก้แค้นจากกลุ่มทาลิบัน ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ความมั่นคงในประเทศเริ่มย่ำแย่ลง โดยล่าสุดเที่ยวบินอพยพเที่ยวแรกนำผู้โดยสารราว 200 คน อพยพจากกรุงคาบูล ไปยังสหรัฐอเมริกาแล้ว
รายงานระบุว่า มีชาวอัฟกันจำนวนนับหมื่นคนที่มีความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา และกำลังรอคำขอวีซ่า ในจำนวนนี้มีมากกว่า 18,000 คน ที่ทำงานให้กับกองทัพ หรือสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกครอบครัวอีกจำนวนถึง 50,000 คน ที่ได้รับสิทธิในการเดินทางติดตามไปได้
ย้อนไปก่อนหน้านั้นราว 1 สัปดาห์ก่อน ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า อดีตล่ามแปลภาษาของกองทัพอเมริกันถูกตัดศีรษะโดยนักรบทาลิบัน ที่จุดตรวจแห่งหนึ่ง ขณะที่ชาวอัฟกันบางรายเปิดเผยว่าโดนขู่ฆ่า และความหวาดกลัวว่าจะโดนตามล่าตัว
ภัยพิบัติซ้ำ ‘น้ำท่วมฉับพลัน’ สิ้นลม สูญหายนับร้อย
ในช่วงเวลาอันระส่ำระสาย ก็ยังเกิดภัยพิบัติซ้ำเติม โดยเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย และสูญหายอีกกว่า 150 ราย ในเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถาน ปฏิบัติการกู้ภัยค้นหาผู้สูญหายหลังจากที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักในเขตคามเดช ในจังหวัดนูริสถาน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงคาบูล อันเป็นเมืองหลวงของประเทศไปราว 200 กม.
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในจังหวัดนูริสถานเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย และยังมีผู้สูญหาย 150 ราย ในเหตุน้ำท่วมฉับพลันเมื่อกลางดึกคืนวันพุธที่ 28 กรกฎาคมผ่านมา โดยมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายด้วยอีกเกือบ 80 หลัง
ด้านโฆษกของผู้ว่าการรัฐในนูริสถานกล่าวถึงจำนวนผู้เสียชีวิตว่ามีมากกว่านี้ที่กว่า 60 ราย ทั้งนี้ อุทกภัยจากฝนตกหนักได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในอัฟกานิสถานเป็นประจำทุกปี
ทั้งหมดนี้เป็นสถานการณ์ที่โลกร่วมกันจับตา