นอกลู่ในทาง : ‘อาลีเพย์’ มังกรดิจิทัล

นับว่าน่าตื่นเต้นไม่น้อยกับการเปิดเกมรุกเข้าสู่ตลาดบ้านเราอย่างเป็นทางการของ “อาลีเพย์” ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินออนไลน์รายใหญ่ของประเทศจีน?

“อาลีเพย์” เป็นบริษัทในเครือ “อาลี บาบา” ยักษ์อีคอมเมิร์ซ สัญชาติมังกรที่ผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดโลกแล้วในขณะนี้

แม้ว่าการขยายอาณาจักรธุรกิจ “ดิจิทัล” ของอาลีเพย์ในครั้งนี้ จะทำผ่านพันธมิตรธุรกิจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการอีเพย์เมนต์ เช่น “ทรูมันนี่” ของแอสเซนด์กรุ๊ปในเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือ ซีพี, เพย์สบาย ในเครือดีแทค, เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือแม้แต่ “แกร็บ” (Grab) แพลตฟอร์มด้านการขนส่ง และมีเป้าหมายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวและพำนักในประเทศไทยเป็นหลักก็ตาม

ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะปีที่แล้ว มีจำนวนมากถึง 8 ล้านคน ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ โดยมีค่าใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000 บาท จึงถือเป็นโอกาสใหม่ในการขยายธุรกิจของไทย เพราะชาวจีนนิยมใช้อาลีเพย์ในชีวิตประจำวันในประเทศจีนอยู่แล้ว?

Advertisement

ข้อมูลจาก “ไชน่า อินเทอร์เน็ต วอทช์” ระบุว่า ตลาดอีเพย์เมนต์ในประเทศจีนมีมูลค่าสูงถึง 86.17 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 และในบรรดาผู้ให้บริการอีเพย์เมนต์ในจีน “อาลีเพย์” เป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุด ด้วยส่วนแบ่งของตลาด 69.9% โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการ แอคทีฟ ยูสเซอร์ มากถึง 450 ล้านคน

นายแพนด้า เจีย ผู้อำนวยการอาวุโสอาลีเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จากแอนท์ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจุบันอาลีเพย์มีผู้ใช้งานมากกว่า 450 ล้านคน (Active users) โดยมีจุดชำระเงินอาลี เพย์นอกประเทศจีนมากกว่า 70,000?แห่ง ซึ่งมีภัตตาคาร, ร้านค้าปลอดภาษี, ช้อปปิ้งมอลล์, ห้างสรรพสินค้า ซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปที่ต่างๆ ทั่วโลก

สำหรับในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมืองไทยมากกว่า 10?ล้านคน โดยอาลีเพย์มุ่งที่จะเป็นแพลตฟอร์มในการเชื่อมต่อร้านค้าและนักท่องเที่ยวชาวจีน แบบ วิน-วิน ทั้งร้านค้าและลูกค้าชาวจีน

Advertisement

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.2559?มี นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเมืองไทย 5.76 ล้านคน คิดเป็น 29.51% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดที่มาเมืองไทย ตามด้วยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 25.53% และยุโรป 18.35%

เมื่อ “ทรูมันนี่ และเพย์สบาย” เชื่อมต่อระบบของตนเองเข้ากับระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของ “อาลีเพย์” จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีบัญชีอิเล็กทรอนิกส์กับ “อาลีเพย์” ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ กับร้านค้าต่างๆ ได้ทันที?

เช่นกันกับ “แกร็บ” ที่เปิดให้บริการชำระเงินในสกุลหยวนให้นักเดินทางชาวจีนที่มีบัญชี “อาลีเพย์” ในขณะเดินทางหรือมาในไทยด้วย โดยในแอพพลิเคชั่นของ “แกร็บ” จะเพิ่มบัญชีอาลีเพย์ให้เลือกชำระเงินได้?จากที่ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวจีนจะต้องเชื่อมโยงบัญชีบัตรเครดิตของตนที่เปิดใช้บริการชำระเงินในสองสกุลเงิน หรือไม่ก็ต้องชำระค่าโดยสารเป็นเงินสด

เรียกว่า เพิ่มความสะดวกให้กับนักช้อปชาวจีน และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับร้านค้าต่างๆ ในบ้านเราด้วย โดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเหมือนที่ต้องเสียให้บรรดาแบงก์ หรือบัตรเครดิตต่างๆ

ในอีกด้านจึงเป็นการส่งสัญญาณไปยังธุรกิจต่างๆ ให้ตระหนักถึงโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไปด้วยเทคโนโลยี “ดิจิทัล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการเงิน จากกระแส “ฟินเทค” และโอกาสทางธุรกิจที่ มาพร้อมๆ กับกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมหาศาลที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและใช้จ่ายเงินในบ้านเรา

โลกวันนี้กำลังเปลี่ยนด้วยอัตราเร่งที่รวดเร็วมาก แค่อยู่เฉยๆ ก็เท่ากับกำลังถอยหลังแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image