อุราภา วัฒนะโชติ ท้าพิสูจน์มหัศจรรย์ แค่ “เอ็กเซอร์ไซส์” ก็ถอดแว่นสายตาทิ้งได้

เธอไม่ใช่จักษุแพทย์ แต่ทำให้ผู้ที่มีสายตาผิดปกติ ต้องมีแว่นสายตาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย สามารถถอดทิ้งแว่นตามาแล้วนักต่อนัก

ข้อมูลเชิงสถิติชี้ชัดว่า มนุษย์ยุคดิจิตอลมีภาวะผิดปกติทางสายตามากขึ้น

เด็กไทยสายตาสั้นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่อายุยังน้อย

ร่างกายมนุษย์เป็นกลไกมหัศจรรย์ที่สามารถฟื้นฟูตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นหวัดคัดจมูก หรือแม้แต่โรคน่าสะพรึงอย่างมะเร็ง ถ้าเราดูแลอย่างถูกวิธี พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารดี ออกกำลังกาย กลไกภายในร่างกายจะเยียวยาโดยตัวของมันเองได้ในระดับหนึ่ง

Advertisement

หลักการดังกล่าวสามารถใช้อธิบายได้กับการฟื้นฟูดวงตาด้วยวิถีธรรมชาติ (Natural Vision)

อุราภา วัฒนะโชติ ผู้เขียนหนังสือ “สายตาดีด้วยวิธีมหัศจรรย์” ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูดวงตาด้วยวิถีธรรมชาติคนเดียวในประเทศไทย ยืนยันว่าคนที่มีสายตาผิดปกติ ไม่ว่าจะสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง สายตาแก่ หรือสายตาขี้เกียจ ตาเข ตาเหล่ สามารถ “ถอดทิ้ง” แว่นตา กลับมามีการมองเห็นที่ดีได้โดยไม่ต้องใช้ยา ไม่ต้องผ่าตัด แต่ด้วยการฟื้นฟูดวงตาวิถีธรรมชาติ

เป็นลูกสาวคนโตของจักษุแพทย์ชื่อดัง พญ.โสมสราญ วัฒนะโชติ เลขานุการมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน ผู้อำนวยการศูนย์จักษุกรุงเทพและศูนย์เลสิกกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กับศัลยแพทย์มือหนึ่ง นพ.ดำรงพันธ์ วัฒนะโชติ ผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับการรักษาคนไข้แบบองค์รวม

Advertisement

เกิดและใช้ชีวิตในวัยเด็กจนถึง 8 ขวบ ที่เมืองเซ็นไดและอิวากิ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นนักเรียนทุนญี่ปุ่นและทำงานอยู่ที่นั่นถึง 11 ปี เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสาธิตปทุมวัน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการบริหารการจัดการที่มหาวิทยาลัยออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาโทด้านบริหารการจัดการที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที)

“ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะอยู่โรงพยาบาล เพราะเราเป็นลูกหมอ วิ่งเล่นอยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว หลังจากเรียนจบปริญญาตรี เนื่องจากทำวิทยานิพนธ์ด้านโรงพยาบาล จึงได้รับการทาบทามมาทำงานอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยดูแลด้านการตลาดอยู่นานถึง 6 ปี”

ตอนนั้นเองที่เริ่มหันมาสนใจเรื่องของสุขภาพ อุราภา บอก โดยเริ่มศึกษาศาสตร์เซไตยจาก อาจารย์คาเซมารุ ยูคาวะ เบคอน ซึ่งเป็นศาสตร์การจัดระเบียบร่างกายและชี่ (Qi) ให้สมดุลโดยหลักธรรมชาติ นอกจากนั้นยังได้ศึกษาการทำสมาธิ การเดินลมปราณในสายของเต๋า ฯลฯ

กระทั่งคราวหนึ่งมีโอกาสได้เข้าคอร์สโยคะสมาธิชั้นสูงที่เมืองสุรัต ประเทศอินเดีย เหมือนชะตาขีดไว้แล้ว เธอได้รู้จักกับ ดร.อมาร์จิต สวาอิน ในคลาสเรียนเดียวกัน ผู้ซึ่งเปลี่ยนเธอจาก “สาวแว่น” เป็นเธอคนใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งแว่นตาอีกต่อไป พร้อมกับการเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติใหม่ว่า “ดวงตาคนเราฟื้นฟูได้”

“กลไกที่ทำให้เกิดสายตาสั้นคือการเพ่ง การทำงานในระยะใกล้นานเกินไป ฉะนั้นเด็กๆ ที่เริ่มมีสายตาสั้น เพราะใช้กล้ามเนื้อตาหนักมากเลยเป็นตะคริว พอมองไกลจึงเบลอ ที่เรียกว่า “สายตาสั้นเทียม” ถ้าเราไม่จัดการอะไร มันจะค้างอยู่อย่างนั้น และกลายเป็นสายตาสั้นจริง ซึ่งถ้าเอาเด็กกลุ่มนี้ มาฝึกอายเอ็กเซอร์ไซส์หายได้ 100%”

เป็นที่มาของการเปิด “ศูนย์รักษ์ดวงตาวิถีธรรมชาติ” (Natural Joy Vision) ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อ พ.ศ.2553 ให้บริการบำบัดและฟื้นฟูสายตาด้วยวิถีธรรมชาติให้แก่ผู้ที่มีปัญหาทางสายตามีประสบการณ์ฟื้นฟูจริงให้กับคนไทย ชาวญี่ปุ่นและชาติอื่นๆ มาแล้วมากกว่า 2,000 ราย

นอกจากการบำบัดฟื้นฟูดวงตาให้กับผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์แล้ว ยังมีการจัดสัมมนาอบรมแก่บุคลากรของโรงพยาบาลและบุคคลภายนอก เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โรงพยาบาลแม่ลาว จ.เชียงราย โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ฯลฯ โดยการสนับสนุนของมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของกรมอนามัย สังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ทางศูนย์เผยแพร่ความรู้แก่ชุมชนในระดับเบื้องต้น

ด้วยปณิธานที่จะให้คนใกล้ชิด และคนไทยได้กลับมามีสายตาดีเหมือนเดิม เพียงแค่ลองเปิดใจทำความรู้จัก

201609091520433-20110627141736

รู้จักศาสตร์นี้ได้อย่างไร?

ช่วงที่มีโอกาสไปเรียนสมาธิบำบัด เรียนเรื่องของจักระ ที่เมืองสุรัต ประเทศอินเดีย กับคุณพ่อคุณแม่ ตอนนั้นนั่งอยู่หลังห้อง แม้จะสายตาจะเอียงแค่ -1.75 สั้น -0.75 แต่มองไม่ชัด เลยหยิบแว่นขึ้นมาใส่ มีหมอท่านหนึ่ง (ดร.อมาร์จิต สวาอิน) ที่เข้าร่วมคอร์สด้วยกันมาทักว่า ใส่แว่นทำไม สายตาสั้นนิดเดียว เขาสามารถทำให้ไม่ต้องใส่แว่นได้ โดยไม่ต้องทำเลสิก เย็นนั้นเลยบอกคุณแม่ให้พาไปที่คลินิกคุณหมอ ที่นั่นมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่เต็มไปหมด 50 กว่าคน เอ็กเซอร์ไซส์กันอยู่ เราก็ตรวจตาตามปกติ ตั้งแต่กระตุ้นจอตา คลายกล้ามเนื้อตา และมาจบด้วยการแนะนำเรื่องอาหาร

ไปทุกเย็น ฝึกวันละ 40 นาที แค่ 7 วัน วันสุดท้ายสามารถอ่าน 7 บรรทัดในระยะ 6 เมตร ได้ชัดโดยไม่ต้องสวมแว่นตา คุณหมอบอกว่า ฉันยึดแว่นเธอแล้วนะ เธอหายแล้ว พอกลับมาก็ถามคุณแม่ว่ารู้สึกอย่างไร คุณแม่ไม่ต่อต้านเลยกลับบอกว่า ก็ดีนะ เขารักษาจอตาเสื่อมด้วย ทั้งๆ ที่คุณแม่เป็นหมอเชี่ยวชาญด้านจอประสาทตา

ในเมืองไทยถือเป็นศาสตร์ที่ใหม่มาก?

ค่ะ แต่คุณแม่เคยบ่นว่าเสียดายเพราะคุณแม่เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเคยได้ยินเรื่องอายเอ็กเซอร์ไซส์ แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจ

นั่นเป็นเรื่องเมื่อ 6 ปีที่แล้ว พอกลับมาเมืองไทยก็มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อนคนหนึ่งเป็นระดับอาจารย์ฝึกชี่กง เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเหมือนกัน สนใจมากเลยแอบไปทดลองที่บ้านทั้งๆ ที่อุปกรณ์ไม่ครบ แล้วบอกว่ามันเวิร์ก

เราเองตั้งแต่วินาทีที่เดินไปคลินิกของอาจารย์อมาร์จิตรู้สึกว่าดีมาก อยากให้คนไทยได้มีโอกาสทำ

ฉะนั้น ปณิธานที่ทำเรื่องนี้ คืออยากให้คนใกล้ชิดญาติพี่น้องเพื่อนๆ ได้ทำ ปรากฏว่าเปิดศูนย์วันแรก ไม่ใช่แค่คนไทย แต่มีคนญี่ปุ่นเข้ามาด้วย ซึ่งที่มีทุกวันนี้ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่สนับสนุน

ญี่ปุ่นก็มีศาสตร์นี้?

มีค่ะ แต่ไม่เหมือนกับที่นี่ คนญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องสายตาสั้นอยู่มาก มีโอกาสเป็นต้อกระจกก่อนวัย และเรื่องจอประสาทบางกว่าปกติ ญี่ปุ่นมีศูนย์ฟื้นฟูดวงตาอยู่ประปราย แต่ละแห่งจะไม่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อ 4 ปีก่อน ที่ญี่ปุ่นมีหนังสือออกมาเล่มหนึ่งเกี่ยวกับสายตาดีภายใน 5 นาที มีเรื่องของโยคะ การเอ็กเซอร์ไซส์ และที่ท้ายเล่มมีชื่อคลินิกฟื้นฟู ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นก็จะตามไปดูทุกแห่ง ไปพูดคุยกับเจ้าของคลินิก รวมทั้งจากการค้นทางอินเตอร์เน็ต เช่น ที่นาโกย่า โตเกียว ฯลฯ

เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์ของอินเดียกับญี่ปุ่น?

ของญี่ปุ่นแค่ระดับหนึ่ง คือซื้ออุปกรณ์มาใช้ แต่ศาสตร์เป็นของ ดร.อมาร์จิต ครอบคลุมหมด เราเอาข้อดีของญี่ปุ่นมาใช้เพื่อให้มีลูกเล่นใหม่ๆ แต่ตอนหลังเริ่มคิดเอ็กเซอร์ไซส์ได้เอง

จริงๆ แล้วศาสตร์นี้เป็นเรื่องของตะวันตกพบตะวันออก คือ เมื่อ 120 ปีที่แล้ว มีหมอตาชาวอเมริกันชื่อ ดร.วิลเลี่ยม เบทส์ ท่านไม่อยากให้เด็กๆ ต้องใส่แว่นตา จึงคิดวิธีฟื้นฟูดวงตาด้วยอายเอ็กเซอร์ไซส์ขึ้น โดยเชื่อว่าความเครียดทำให้เด็กสายตาไม่ดี และเขียนออกมาเป็นหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Perfect sight without glasses

ต่อมา ดร.อมาร์จิต สวาอิน ผู้เชี่ยวชาญการฟื้นฟูดวงตาแบบวิถีธรรมชาติชาวอินเดีย มาพัฒนาต่อโดยมีการผสมผสานกับศาสตร์เซไตย ชี่กง และโยคะ เป็นการมองแบบแผนตะวันออกว่าเอ็กเซอร์ไซส์ต้องประกอบด้วยการทำงานของดวงตาเหมือนหลักการแพทย์ เช่น ตาเหล่เข้า ทำอย่างไรให้ออกมา ทำอย่างไรให้กล้ามเนื้อตาแข็งแรงขึ้น ทำอย่างไรให้รวมภาพได้ เราก็ต้องคิดค้นเอ็กเซอร์ไซส์มาตอบโจทย์ตรงนั้น ทำให้การมองเห็นดีขึ้น โดยใช้แนวคิด EMBB คือต้องมี Eye Mind Brain Body ทั้งสี่ตัวนี้ต้องรวมกัน เอ็กเซอร์ไซส์จึงเกิดขึ้นได้

จำกัดอายุผู้ที่จะฟื้นฟูดวงตา?

ไม่จำกัดค่ะ คนสายตาปกติก็ทำได้ ลูกค้าที่นี่มีตั้งแต่ 4 ขวบจนถึง 80 กว่า มีคุณหมอ อาจารย์ผู้หลักผู้ใหญ่มาทำเยอะ บางคนเป็นต้อหินก็มาฟื้นฟู ซึ่งอาจารย์เองก็บอกว่ามันเป็นไปได้ เพราะกล้ามเนื้อตาเป็นกล้ามเนื้อซีเลียรี่ (Ciliary) อยู่ภายใต้การควบคุมของสมองส่วนซีรีบรัมที่เราคอนโทรลได้ หากเราฝึกฝนหรือบริหารกล้ามเนื้อซีเลียรี่ให้คลายตัวผ่านกระบวนการรับรู้ของซีรีบรัมแล้ว สายตาที่ผิดปกติก็สามารถดีขึ้นได้

เรียนรู้นานแค่ไหนก่อนเปิดศูนย์?

3-4 เดือน เรียนอย่างต่อเนื่อง และฝึกประสบการณ์ตลอด จริงๆ ศาสตร์นี้มันลึก มีความซับซ้อน แต่ ดร.อมาร์จิต ท่านให้กำลังใจตลอด บอกว่ามันง่ายและยุให้เปิดศูนย์เลย เพราะวิธีการไม่เป็นอันตรายต่อสายตา เราเปิดศูนย์ก็เชิญอาจารย์มาเป็นที่ปรึกษาด้วย ท่านจะมาปีละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15 วัน ที่เหลือก็ปล่อยให้เราเรียนรู้ประสบการณ์เองจากคนไข้

บำบัดอะไรได้บ้าง?

สายตาสั้น-ยาว-เอียง สายตาสูงวัย สายตาขี้เกียจ ส่วนต้อหินเราสามารถชะลอให้ไม่แย่ไปกว่าเดิม ซึ่งถ้าเราได้รู้จักวิธีฟื้นฟูจะไม่เป็นต้อหิน เพราะสาเหตุมันมาจากการที่เลือดไม่หล่อเลี้ยงที่ขั้วประสาทตา แล้วความดันลูกตาสูง ทำให้ไปปิดช่องทางระบายน้ำ พอความดันสูง ความกดที่ด้านหน้าจะเยอะ ทำให้การมองเห็นดร็อปลง

หมายถึง สั้น ยาว เอียง ของคนสูงวัย?

ไม่ใช่ค่ะ ภาษาไทยจะเรียก “สายตาแก่” เป็น “สายตายาว” เพราะเราไม่ชอบคำว่า “แก่” เลยเรียกว่า สายตายาว แต่จริงๆ คือคนละแบบ ความผิดปกติของสายตาจะมี 4 แบบ คือ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และสายตาสูงวัย

สายตายาวฝึกง่ายกว่าสายตาสั้นอีกค่ะ ซึ่งคนที่มาฝึกฟื้นฟูที่นี่ ถอดแว่นแล้วมองเห็นได้ดีกว่าเดิม

อย่างคนที่มีค่าสายตาสั้นมากถึง 1,500 ถ้าฝึกไปเรื่อยๆ จะสามารถลดค่าสายตาลงไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้ามีความมุ่งมั่นจะสามารถฝึกจนถอดแว่นได้

เราสามารถบริหารสายตาเองได้?

ในเบื้องต้นจะมีอยู่ 5-6 วิธี ตามที่เขียนแนะนำไว้ในหนังสือ “สายตาดีด้วยวิธีมหัศจรรย์” คือ ดึงศีรษะยืดคอโดยใช้นิ้วแม่มือทั้งสองข้างคลึงและกดนวดบริเวณรอยบุ๋มหรือช่วงเว้าใกล้ๆ ท้ายทอยเบาๆ ประมาณ 3-5 ครั้ง เป็นการคลายสมองด้านหลัง หมุนคอบ่าไหล่ให้ผ่อนคลาย เพื่อเลือดจะไหลสู่ดวงตาได้ดีขึ้น และในหนังสือจะมีแนะนำศาสตร์ยืดเหยียดของญี่ปุ่นอยู่ 2-3 ท่า ล้างตาทุกวันโดยใช้น้ำเปล่า ถ้ากลุ่มสายตาสั้นให้ล้างด้วยอุณหภูมิปกติ กรอกตาเหยียดลูกตาไปซ้าย-ขวาๆ บน-ล่างๆ ทำทุกวันเหมือนเราแปรงฟัน 3 เวลาก็ได้

ถ้าสายตาแก่หรือสายตายาว และสายตาเอียงให้ล้างด้วยน้ำอุ่นนิดนึง นอกจากนี้ ยังมีการเล่นลูกบอล โดยเริ่มจากชูลูกบอลด้วยมือหนึ่ง ตามองตามลูกบอล-กะพริบตา แล้วโยนลูกบอลลงพื้นเป็นตัววี ใช้มืออีกข้างรับ โดยสายตามองตามลูกบอล-กะพริบตา ทำอย่างนี้สลับกันไป เริ่มจาก 50 ครั้งก่อน

ซึ่งถ้าเป็นเด็กเล็กจะให้คุณพ่อชูบอล แล้วเด็กมองตาม แล้วก็มีท่าเป็นตัว U คว่ำ ซึ่งเด็กที่มีปัญหาตาเหล่ บางทีการใช้ร่างกายไม่เพอร์เฟกต์ เล่นไปเล่นมาทำให้การใช้มือไม้ได้ดีขึ้น เล่นกีฬาได้เก่งขึ้น

มีผลให้ความจำดีขึ้นด้วย?

ค่ะ ฝึกตา-สมองก็จะดีขึ้นด้วย พอสายตาดี เด็กก็อยากเรียนหนังสือ ซึ่งการฝึกตาต้องประกอบด้วย Eye Mind Brain Body ทำให้การทำงานของลูกตาตรงกับที่คุณหมอต้องการ เกิดการรวมภาพ จึงมีการเอ็กเซอร์ไซส์ต่างๆ กระตุ้นให้เห็นภาพ 3 มิติ จนมาถึงการทำให้สายตาเห็นเป็นปกติ เรียกว่า “เพอร์เฟกต์ วิชั่น” คือยืนห่างในระยะ 6 เมตร อ่านได้ครบ 7 บรรทัด เพราะว่าการมองเห็นไม่ได้ขึ้นกับลูกตา แต่ขึ้นกับสมองด้วย ถ้าการไหลเวียนของเลือดดี โฟกัสตกลงตำแหน่งได้ ก็มองเห็นได้ดี วันไหนที่เรานอนน้อยๆ การมองเห็นก็ไม่ดี หรือในคนที่กินยานอนหลับ ผู้ป่วยจิตเวช จะมองเห็นไม่ค่อยดี ถ้าวันไหนจิตใจดี นอนพักผ่อนดีๆ ตาก็ดี

อาหารมีส่วนช่วย?

ค่ะ ตาเราไม่ได้ต้องการโปรตีนจากสัตว์มากมายเท่าไหร่ อาหารพวกมันๆ ก็ต้องลด กินอาหารที่เป็นด่างให้มากหน่อยก็จะช่วย

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ไปเรียน natural patch น้ำธรรมชาติบำบัด ที่อินเดีย เป็นการคลีนบอดี้ เพราะอายุจะสี่สิบแล้ว เลยหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น จากที่เคยท้องผูกก็ไม่มี เพราะท้องผูกก็เกี่ยวกับตาด้วย ทางอินเดียบอกว่า มันเป็น Grandmother of disease เป็นบรรพบุรุษของโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเมื่อมันออกจากร่างกายไม่ได้ เลือดก็จะเป็นพิษ ตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บมากมาย

เด็กที่ใช้โซเชียลประจำมีวิธีถนอมสายตา?

ไม้ตายที่ใช้คือ ให้คุณพ่อคุณแม่กำหนดเวลาในการใช้สายตา เพราะสายตาผิดปกติส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้สายตา คือสัก 10-15 นาที ควรไปดื่มน้ำ เดินเล่น เพื่อให้สายตามีโอกาสได้พัก ได้คลายออก

การเอ็กเซอร์ไซส์ที่เขียนไว้ในหนังสือช่วยได้ระดับหนึ่ง เพราะกลไกของการทำให้เลนส์ผอมยังมีอีก เช่น ให้ใส่แว่นคนแก่ เพราะสายตาสั้นเป็นการเพ่งมากเกินไปก็จะให้เพ่งน้อยลง และเราต้องฝึกทั้งลูกตา ฝึกจอประสาทตา ฯลฯ โดยเริ่มจากน้อยก่อน เมื่อสายตาดีขึ้น ก็จะค่อยๆ ลดแว่นลงไปเรื่อยๆ

นอกจากเปิดศูนย์ฟื้นฟูดวงตา ยังออกหน่วยร่วมกับคุณแม่?

ค่ะ คุณแม่เป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน จะไปผ่าตาต้อให้คนด้อยโอกาสเป็นประจำ ก็อยากให้ตามไปด้วย คือคุณแม่ผ่าตัดตาอยู่ในห้อง คุณลูกก็ฝึกสายตากลุ่มด้านนอก เราจึงมีสองงานในอาย มิชชั่น ทริป เวลาที่ออกหน่วย

ปกติ อายมิชชัน เราจะเน้นเรื่องต้อกระจกกับต้ออื่นๆ คุณแม่เลยเสนอเรื่องตาเหล่เพิ่มเข้ามา เลยเอาหมอกล้ามเนื้อตาไปด้วย เคสไหนที่ผ่าไม่ได้หรือไม่ควรผ่าก็จะส่งมาที่เรา เพราะจริงๆ ในกลุ่มตาเหล่ตาเข การฝึกกล้ามเนื้อตาเป็นสิ่งจำเป็นทั้งก่อนผ่า เพราะต้องให้กล้ามเนื้อแข็งแรงพร้อมที่จะผ่า และหลังผ่า ซึ่งส่วนใหญ่หลังผ่าแล้วจะได้แค่เสริมสวย-ตาตรง แต่อาจจะไม่ได้เรื่องวิชั่น คือการมองเห็นโดยสายตาทั้งสองข้างสอดคล้องทำงานร่วมกันไม่เกิดขึ้น บางทีอาจะเกิดพังผืดหลังผ่า ฉะนั้น การฝึกตาเป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์ตลอด

ทุกวันนี้ไม่มีวันหยุด?

ค่ะ แต่ก็มีความสุขที่ทำงานตรงนี้ ที่นี่มีเด็กๆ ที่พอรู้ว่ามีศูนย์ฝึกที่นี่จะขอคุณพ่อคุณแม่มาฝึกเองไม่น้อย อยากให้ทุกคนเปิดใจ อยากสร้างทัศนคติใหม่ว่าสายตาเราฟื้นฟูได้ ซึ่งเมื่อเราทำสำเร็จแล้ว จึงอยากบอกต่อ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายกับลูกตา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image