ความสิ้นหวัง หดหู่ สู่ ‘วินาทีไร้น้ำหนัก’ นวนิยายปรัชญาชีวิต จากปลายปากกา วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

ความสิ้นหวัง หดหู่ สู่‘วินาทีไร้น้ำหนัก’ นวนิยายปรัชญาชีวิต จากปลายปากกา วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

ความสิ้นหวัง หดหู่ สู่‘วินาทีไร้น้ำหนัก’ นวนิยายปรัชญาชีวิต จากปลายปากกา วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ 

เชื่อว่าใครหลายๆ คน เมื่อเจอมรสุม จุดหักเหของชีวิต ไม่ว่าจะตกงานกะทันหันหรือจนเฉียบพลัน คงจะมีความรู้สึกหดหู่ เคว้งคว้าง อ้างว้าง โดดเดี่ยว จมอยู่ในห้วงความคิด เฝ้าเพียรถามตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน “เราจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี”

เป็นการตั้งคำถาม และตามหาความหมายปลายทางของชีวิตในวันที่รู้สึกสิ้นหวัง ภายใต้สถานการณ์ความยุ่งยากของชีวิต ที่เราก็ไม่รู้ว่ากราฟชีวิตที่ดิ่งลงนั้น เมื่อไหร่ถึงจะดีดขึ้น

  • จากความ‘เต็มกลืน-เบิร์นเอาต์’
    สู่พล็อตนิยาย‘วินาทีไร้น้ำหนัก’

ไม่ต่างจากความรู้สึกของ อ๋อง-วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ วัย 48 ปี นักเขียน คอลัมนิสต์ บรรณาธิการนิตยสาร นักแปลที่เกิดความรู้สึก “เต็มกลืน” กับชีวิต หลังจากตกอยู่ในสภาวะ “เบิร์นเอาต์” หรือหมดไฟ ในการทำงาน

จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นพล็อตนวนิยายเล่มแรกในชีวิต “วินาทีไร้น้ำหนัก” เพิ่งวางจำหน่ายไปหมาดๆ หลังจากใช้เวลาเขียนถึง 15 ปี นับจากปี 2548 จนมาสำเร็จเมื่อต้นปี 2563 และตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน 2564

Advertisement

“เขียนเค้าโครงบทแรกเมื่อปี 2548 แล้วหยุดไป จากการหมดไฟ เพราะเป็นการเขียนนิยายครั้งแรกในชีวิต เลยติดในความรู้สึกที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เราคิดออกมาให้คนอ่าน รู้สึกอาย ไม่กล้าใส่ความรู้สึกเข้าไปในตัวละครว่าเขาจะทำอะไรต่อไป” อ๋องเล่าความรู้สึกถึงนิยายที่เขาเพียรพยายามเขียนจนสำเร็จ

“ผมเริ่มนำต้นฉบับกลับมาเขียนต่ออย่างจริงจังเมื่อปี 2559 เมื่อเกิดแรงบันดาลใจในช่วงเวลาที่เราเต็มกลืนกับชีวิต (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร นอกจากการมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ตื่นเช้าทำงาน ดูแลแมว เอาเงินเดือนที่ได้มาให้พ่อแม่ นอกจากนี้แล้วชีวิตคืออะไร ผมค่อยๆ เขียนเนื้อเรื่องทีละสเต็ป เขียนในสิ่งที่เราไม่กล้าเขียน ใส่เข้าไปในตัวละครเหล่านี้ โดยคิดว่าถ้าเรากำลังเผชิญอยู่ในนิยายแบบนี้ จะหาคำตอบให้กับตัวเองว่าอะไร”

Advertisement

จากนักเขียนบทความ คอลัมนิสต์ กว่าจะเข้าสู่เส้นทางการเขียนนิยายนั้น “อ๋อง” เล่าว่า ไม่ง่าย เพราะการเขียนนิยายต่างจากการเขียนบทความ การแปลหนังสือ ที่เขาถนัด ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดจากข้อเท็จจริง ผ่านกรอบความคิด กับสิ่งที่มองเห็น ขณะที่นิยายเป็นเรื่องแต่ง เป็นจินตนาการ ขึ้นอยู่กับเราอยากให้ตัวละคร ทำอะไร คิดยังไง ซึ่งรู้สึกว่ามันยาก และไม่เคยเขียนมันออกมาได้เลย ทำให้ต้องใช้เวลา 15 ปีกว่าจะเรียบเรียงสำเร็จ

“จุดเริ่มต้นในการเขียนนิยาย เกิดจากผมกับกลุ่มเพื่อนมีความคิดร่วมกันว่าให้แต่ละคนเขียนแล้วแลกเปลี่ยนกันอ่าน แล้วดูว่าพอจะเป็นได้ไหมที่เราจะเขียนนิยาย เพราะเรารู้สึกว่ามันยาก ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะก้าวข้ามความรู้สึกที่เราติดอยู่นาน”

  • หลากอาชีพ หลากอารมณ์
    สะท้อน‘คนจน’ในสังคม‘คนเมือง’

สำหรับนวนิยาย “วินาทีไร้น้ำหนัก” ที่บรรจุเป็นเล่มสมบูรณ์ ทุกตัวอักษรที่เขียนลงใน 356 หน้า “อ๋อง” เขียนให้เห็นถึงคุณค่าของตนเองและผู้อื่นท่ามกลางเป้าหมายชีวิต ความสุข ความทรงจำที่แตกต่างกันไป ก่อร่างชีวิตรูปแบบต่างๆ สื่อสารผ่านมนุษย์เงินเดือน พนักงานเสิร์ฟอาหาร สถาปนิก คนขับรถรับจ้าง พนักงานแคชเชียร์ นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงหมาจรจัด นำเสนอตั้งแต่ระดับตัวตน คนรอบข้าง และผู้ร่วมอาศัยบนโลก

“เนื้อหาในนิยาย จุดเริ่มต้นมาจากความว่างเปล่า มีหลายตัวละคร หลายเหตุการณ์ แสดงทรรศนะต่อกัน จะให้คำตอบกันและกันไปเรื่อยๆ จนถึงตอนจบ ก็จบแบบแฮปปี้ ที่สามารถเปลี่ยนความว่างเปล่าของชีวิตจากสภาวะหนึ่งไปอีกสภาวะหนึ่ง ซึ่งคำว่าวินาทีไร้น้ำหนัก ความหมาย คือ ทุกชั่วขณะมีความสำคัญมาก กับการต้องตัดสินใจ อะไรบางอย่าง ที่จะนำไปสู่อนาคตในโลกความเป็นจริงมากขึ้น”

“อ๋อง” ร้อยเรียงปมปัญหาชีวิตของแต่ละคน แต่ละวัย แต่ละอาชีพ ออกมาเป็น 22 ตอน เริ่มต้นบทแรกด้วยรถตู้เที่ยวสุดท้าย, ไม่ต้องรอแล้ว เขาไม่กลับมาแล้ว, ข้างนอกนั่น, โลกนี้ช่างสวยงาม, สรวงสวรรค์อันโดดเดี่ยว, นรกคือคนอื่น, ไอ้หนุ่มตังเก, ชีวิตใต้บงการ, โลกเสมือน, จักรวาลคู่ขนาน, ขอโทษด้วยที่ฉันเกิดมา, เหตุผลของการมีชีวิตอยู่, สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า, กลับบ้าน, พักตรงนี้, ส่วนที่หายไป, พรุ่งนี้, ยมบาลเพื่อนข้า เมื่อไหร่จะพาข้าไปเสียที, เวลา-อาลัย, ฉากชีวิต, จงพรั่นพรึง และแรงโน้มถ่วง

ทุกฉาก ทุกตอน ล้วนเป็นการสะท้อนถึงเรื่องราวต่างๆ ของการใช้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนในสังคมเมืองใหญ่ ผ่านตัวละครอย่างเช่น “วิษณุ” ที่ครอบครัวแตกแยก ต้องถูกออกจากงาน นำเงินก้อนสุดท้ายที่ได้จากถูกให้ออกจากงาน ทุ่มไปกับการทำตามความฝันนั่นก็คือ การเขียนนวนิยายเล่มแรก แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อเส้นทางฝัน ไม่สวยหรูอย่างที่คิด

หรือความเหงา ที่ถ่ายทอดผ่าน “ประไพ” แม่ผู้โดดเดี่ยว หลังสามีตาย แถมลูกสาวหายออกจากบ้าน จึงใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง เปิดแผงขายน้ำที่วินรถตู้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หาเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ เพื่อรอวันที่ลูกสาวจะกลับมา

หรือความอ้างว้างของ “อิงอร” สาวแรกรุ่นทำงานร้านอาหาร ซึ่งอยู่มาวันหนึ่งตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกับชายคนรัก ที่มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เริ่มขบคิดถึงสถานะและอนาคตของตัวเอง กับปัญหาชีวิตรักที่ซับซ้อน จนต้องตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองใหม่อีกครั้ง

หรือความล้มเหลวของ “พิชิต” หนุ่มสถาปนิกรุ่นใหญ่ที่มีชีวิตครอบครัวแบบปลอมๆ เพราะเขาและภรรยาหมดความรัก ความผูกพันต่อกันไปนานหลายปี ที่ทนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวน 2 คน เขาจึงต้องหาโลกใหม่ในบ้านหลังที่ 2 เพื่อหาความสุขของตัวเอง จนนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ

นี่เป็นเพียงแค่บางช่วงบางตอน ยังมีตัวละครอีกหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยถึง ซึ่งนวนิยายเล่มนี้ ถึงจะไม่ใช่นิยายแนวตลาด แนวรักๆ ใคร่ๆ หวานซึ้ง แต่ทุกบรรทัด ทุกตัวละครในนี้ ถูกถ่ายทอดออกมาแบบเข้มข้นถึงแง่มุมการใช้ชีวิตในสังคมเมืองใหญ่ ซึ่งจะว่าไปแล้วสังคมในปัจจุบัน ก็ไม่ต่างจากพล็อตนิยายเรื่องนี้มากนัก

ถามว่าชอบตัวละครหรือเรื่องราวของตอนไหนเป็นพิเศษ “อ๋อง” บอกว่า “นอกจากการมีชีวิตที่อยู่ไปวันๆ แล้ว ชีวิตเรามีความหมายว่าอะไร มันเสนอผ่านชะตากรรมตัวละครในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขา ที่เขาลอยเคว้งคว้างอยู่ในอุบัติเหตุ ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาเรียนรู้อะไร ทบทวนชีวิตที่ผ่านมาอย่างไร ผมก็รู้สึกว่าตัวเขากับตัวผมก็น่าจะเหมือนกัน มีความเป็นตัวเราแทรกอยู่ในทุกตัวละคร บางคนคือแม่เรา บางคนคือตัวเรา และบางคนก็คือตัวเราได้อีก แต่ในอีกสถานการณ์หนึ่ง ผมหวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ใครหลายคนได้เห็นแสงสว่างและความหวังอยู่ภายในใจตัวเองบ้าง”

จากนวนิยายเล่มแรก “อ๋อง” เตรียมออกหนังสืออีกประมาณ 2-3 เล่ม ในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2564 มีหนังสือแปลแนวจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง อย่าง “อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่” จะนำกลับมาพิมพ์อีกครั้ง แต่ถ้าหากมีแรงบันดาลใจอีกครั้งจะเขียนนิยายเล่มที่สองต่อไป


“วินาทีไร้น้ำหนัก” นวนิยายเรื่องแรกในชีวิตของ วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ อดีตบรรณาธิการนิตยสารและคอลัมนิสต์มากฝีมือ ที่มีผลงานหนังสือรวมบทความอย่าง สุนทรียะแห่งความเหงา, ชายหนุ่มผู้ก้มลงถ่ายภาพเท้าตัวเอง, เมื่อถึงเวลาดอกไม้จะบานเอง, และผลงานแปลหนังสือแนวจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง อย่าง อิคิไก, วะบิ ซะบิ

“วินาทีไร้น้ำหนัก” นำเสนอให้เห็นถึงคุณค่าของตนเองและผู้อื่นท่ามกลางเป้าหมายชีวิต ความสุข ความทรงจำที่แตกต่างกันไป ผู้เขียนก่อร่างชีวิตรูปแบบต่างๆ สื่อสารผ่านมนุษย์เงินเดือน พนักงานเสิร์ฟอาหาร สถาปนิก คนขับรถรับจ้าง พนักงานแคชเชียร์ นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงหมาจรจัด นำเสนอตั้งแต่ระดับตัวตน คนรอบข้าง และผู้ร่วมอาศัยบนโลก โดยหลายชีวิตได้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันใน “อุบัติเหตุครั้งใหญ่” และเกิดการเชื่อมประสาน ส่งผลกระทบต่อกัน

ดำดิ่งสู่ความเวิ้งว้าง ท่ามกลาง “วินาทีไร้น้ำหนัก” ไปพร้อมกันได้แล้ววันนี้
สั่งซื้อได้ที่ http://www.matichonbook.com
เฟซบุ๊ก : Matichon Book-สำนักพิมพ์มติชน
โทร 0-2589-0020 ต่อ 3350-3360

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image