ไม่ได้ผิดที่ขุนวิจิตรมาตรา! ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องประวัติศาสตร์ (คลั่ง) ชาติ ‘อัลไต-น่านเจ้า’ ถึงแบบเรียนที่ถูกยกเลิก

ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องเปิดปม ‘อัลไต-น่านเจ้า ประวัติศาสตร์คลั่งเชื้อชาติไทย ปิดล้อมจีน’
(จากซ้าย) สุจิตต์ วงษ์เทศ, เอกภัทร์ เชิดธรรมธร พิธีกร ‘มติชนทีวี’,
และขรรค์ชัย บุนปาน

ถือเป็นทริปแรกในรอบหลายเดือนของอดีต 2 กุมารสยาม ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และ สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ในเครือมติชน หลังสถานการณ์โควิดในราชอาณาจักรไทยคลายความพีค

รายการขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว ที่ออนแอร์ล่าสุดในตอน ‘อัลไต-น่านเจ้า ประวัติศาสตร์คลั่งเชื้อชาติไทย ปิดล้อมจีน’ จึงได้ยกกองออกไปถ่ายทำท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ใน ‘พระราชวังโบราณ’ แห่งกรุงศรีอยุธยา โดยมีแฟนๆ รับชมล้นหลามตามคาด ด้วยหัวข้อสุดฮอตที่พูดถึงเมื่อไหร่ก็โดนใจทุกรอบ ในวันที่แน่ชัดแล้วว่า คนไทยไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไต

ถามว่า แล้วแนวคิดเก่าเรื่องที่มาของคนไทยเกี่ยวอะไรกับพระราชวังครั้งกรุงเก่า ?

ขรรค์ชัย-สุจิตต์ มีคำตอบลึกซึ้ง นับแต่บรรทัดถัดจากนี้

Advertisement

ขุดแต่งพระที่นั่ง‘สรรเพชญ์ปราสาท’
เปิด‘โบราณคดีสโมสร’

เดินชม 3 พระที่นั่งโดยมีฉากหลังงดงามของเจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์

“ตอนนี้เราอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในของพระราชวังโบราณอยุธยา ในเขตพระราชฐานชั้นใน ข้างหลังผมกับคุณขรรค์ชัยเป็นซากพระที่นั่ง 3 องค์เรียงกัน เรียกชื่อตั้งแต่ทิศใต้ไปทิศเหนือคือพระที่นั่งวิหารสมเด็จ สรรเพชญ์ปราสาท และสุริยาสน์อมรินทร์” สุจิตต์เกริ่นเข้ารายการโดยมีฉากหลังเป็นพระที่นั่งงดงาม 3 องค์ในอดีตกาลขณะที่วันนี้เหลือเพียงร่องรอยโบราณสถานซึ่งยังคงคุณค่าไม่เสื่อมคลาย

จากนั้นเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญเมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 โปรดให้พระยาโบราณราชธานินทร์ ขุดแต่งพระที่นั่งในวังโบราณแห่งนี้ เพื่อใช้ประกอบพิธี ‘รัชมงคล’ ในโอกาสครองราชย์ครบ 40 ปี

Advertisement

“พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาทนี้ รัชกาลที่ 4 เคยโปรดให้จำลองเหมือนจริง แต่สวรรคตเสียก่อน รัชกาลที่ 5 จึงโปรดให้ทำต่อจนสำเร็จ เพื่อประกอบพิธีรัชมงคลในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2450 ถัดจากนั้นอีก 2 วัน คือ 2 ธันวาคม โปรดให้มีประชุม ณ พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ เรื่อง ทรงเปิดโบราณคดีสโมสร เนื้อหาโดยสรุปคือ ทรงเสนอประวัติศาสตร์ชาติ ระบุแนวคิดว่าควรเป็นอย่างไร แต่หลังจากนั้น ไม่ได้มีใครเจริญรอยตาม เพราะไปหลงอัลไต-น่านเจ้า เนื่องจากถูกราชการกำหนดให้ท่องจำ” ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ค่อยๆ แย้มที่มาของการเลือกโลเกชั่นการถ่ายทำอันมีที่มาน่าสนใจยิ่ง ก่อนเล่าต่อไปว่า อัลไต-น่านเจ้าเป็นประวัติศาสตร์ ‘คลั่งเชื้อชาติไทย’ เป็นการยกเมฆ ไม่มีหลักฐานยืนยัน

“รัฐบาลไทยสมัยก่อนจับเอานิยายมาขยายเมื่อสหรัฐอเมริกามีนโยบายปิดล้อมจีนคอมมิวนิสต์ใน พ.ศ.2492 เอาใจอเมริกา ด่าจีนทุกอย่าง

สอดคล้องกับวิธีคิดอัลไต-น่านเจ้าว่าไทยถูกจีนรุกรานลงมา” สุจิตต์กล่าวอย่างออกรส

ฝรั่งถามชาวอยุธยา‘คนไทยมาจากไหน?’

ก่อนเจาะลึกปมที่มาของแนวคิดคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไตและน่านเจ้า ขรรค์ชัย-สุจิตต์ เปิดประเด็นที่ว่า คำถาม คนไทยมาจากไหน เริ่มต้นถามกันเมื่อไหร่? ในสมัยอยุธยา ฝรั่งสงสัย หลักฐานเก่าสุดที่มีการถาม คือ บาทหลวงตาชาร์ด แต่ที่แพร่หลายคือ ลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

“คนในอยุธยาไม่สงสัยว่าตัวเองมาจากไหน แต่ลาลูแบร์ไปถามคนซึ่งคาดว่าเป็นขุนนางในวังว่าคนอยุธยา เรียกอยุธยาว่าอะไร เขาตอบว่า เมืองไทย เรียกตัวเองว่า ไท (ย) ลาลูแบร์ถามต่อไปว่า ไท (ย) มีที่อยุธยาแห่งเดียวหรือที่อื่นอีก เขาตอบว่ามีอีก 2 คือ ไทน้อยกับไทใหญ่ ตัวเขาคือไทน้อย ดังนั้น ตามความเข้าใจของผม คนอยุธยาส่วนใหญ่เป็นไทน้อยคือลาว ต่อมาสมัยกรุงธนบุรี ไม่มีการถาม สมัยรัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 3 ก็ไม่มีคำถาม พอสมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มมีคำถาม คนที่ถามก็ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ แต่เป็นเซอร์จอห์น เบาว์ริ่ง รัชกาลที่ 4 ทรงตอบเป็นภาษาอังกฤษ เนื้อความเกี่ยวกับความเป็นมาของวงศ์กษัตริย์ 2 ส่วน ส่วนที่ 1.คือ พงศาวดารเหนือ และ 2.ตำนานพระเจ้าอู่ทอง ไม่เกี่ยวกับประชาชน มาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเริ่มเขียนข้อสันนิษฐานว่า คนไทยมาจากตรงโน้น ตรงนี้ ตรงนั้น”

ย้อนแนวคิดยุคเก่า
‘เสฉวน-น่านเจ้า’ถิ่นเดิมคนไทย ก่อนจีนรุกราน

2 วิทยากรอาวุโส รวบตึงแนวคิดหลากหลายที่ชาวตะวันตกสันนิษฐานถึงที่มาของคนไทยซึ่งให้น้ำหนักไปที่ ‘เชื้อชาติ’

“กระแสเชื้อชาติมาจากเจ้าอาณานิคม เพราะฉะนั้นในสมัยโน้น เชื้อชาติเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ถามว่าแล้วเชื้อชาติไทย มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน ใน พ.ศ.2428 ต้นแผ่นดินรัชกาลที่ 5 นักค้นคว้าชาวอังกฤษซึ่งเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่ ม.ลอนดอน บอกว่า คนไทยมีถิ่นกำเนิดที่มณฑลเสฉวน เหนือมณฑลยูนนานขึ้นไป คนไทยรับเลย! คนแรกที่รับคือพระยาประชากิจกรจักร์ (แช่ม บุนนาค) เรียบเรียงพงศาวดารโยนก ทยอยพิมพ์ในหนังสือวชิรญาณ ระหว่าง พ.ศ.2441-2442

บุคคลต่อมาที่นำเรื่องนี้มาใช้คือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงบรรยายที่จุฬาฯ ว่าดินแดนไทยแต่เดิมเป็นถิ่นของพวกมอญ ละว้า ส่วนคนไทยอยู่แถบทิเบตต่อกับจีน บริเวณมณฑลเสฉวน แสดงว่าชนชั้นนำสมัยรัชกาลที่ 5 รับแนวคิดนี้มาว่าถิ่นกำเนิดของคนเชื้อชาติไทยแท้ อยู่มณฑลเสฉวน ทั้งหมดถูกจีนรุกราน ถอยร่นลงมาทางทิศใต้ จากนั้น กลายเป็นไทน้อย ไทใหญ่ กระจายไปอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ อาทิ แม่น้ำโขง สาละวิน

อีกไม่กี่ปีต่อมา นักค้นคว้าชาวอังกฤษอีกคนหนึ่ง เป็นอดีตกงสุลอังกฤษ ประจำอยู่เกาะไหหลำ เขียนบทความว่าน่านเจ้าเป็นอาณาจักรของคนไทยนักโบราณคดีไทยรับเลย! มันเท่ไง เรื่องราวของน่านเจ้ามันยิ่งใหญ่ แต่นักวิชาการนานาชาติ ทั้งตะวันตก ทั้งจีน และญี่ปุ่น คัดค้าน”

เอะอะอะไรก็ไทยอย่างเดียว!
ประวัติศาสตร์ (เชื้อ) ชาติ กีดกัน‘คนอื่น’

มาถึงตรงนี้ ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ย้อนไปในประเด็นที่ว่า เหตุใดรัชกาลที่ 5 จึงทรงตัดสินพระทัยเปิดโบราณคดีสโมสร

“อย่างที่เล่าไปในตอนต้นว่า รัชกาลที่ 5 ทรงเปิดโบราณคดีสโมสรช่วงปลายรัชกาล แสดงว่าพระองค์ทรงรับรู้มาตลอดว่าฝรั่งค้นคว้ามาว่าอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าทรงไม่เชื่อ สังเกตจากพระราชดำรัสเปิดโบราณคดีสโมสร

ทรงเสนอประวัติศาสตร์ชาติในแนวคิดของพระองค์เอง จับความได้ว่า ประวัติศาสตร์ชาติเป็นประวัติศาสตร์ดินแดนและผู้คน หากเกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ศึกษาไปตามนั้น ซึ่งดินแดนสยามมีคนอยู่อาศัยหลายเผ่าพันธุ์”

ถามว่า แนวคิดดังกล่าว ต่างจากประวัติศาสตร์ไทยที่เราเรียนกันอย่างไร?

“ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนมาตลอดเรียกว่าประวัติศาสตร์เชื้อชาติไทย กีดกันคนอื่นออกไปหมด ทั้งมอญ เขมร ละว้า ข่า ขอม เที่ยวดูถูกคนอื่นเขาหมด ประวัติศาสตร์ของทางราชการเป็นประวัติศาสตร์คลั่งเชื้อชาติไทย กีดกันชาติพันธุ์อื่นๆ ที่เป็นคนส่วนมากของความเป็นไทยออกไปหมด เอะอะอะไรก็ไทยอย่างเดียว ในขณะที่ประวัติศาสตร์ไทยของรัชกาลที่ 5 ไม่มีน่านเจ้า ไม่มีเสฉวน ทรงตรัสว่าชาวสยามทั้งนั้น นครศรีธรรมราช นครชัยศรี ลพบุรี ละโว้ กำแพงแสน กำแพงเพชร มากมายทั่วประเทศ วิธีคิดคนละอย่าง” ขรรค์ชัย-สุจิตต์ร่วมกันเล่า

จากหมอดอดจ์ ถึง‘ขุนวิจิตรมาตรา’
ทำ‘อัลไต ผงาด

ขรรค์ชัย หัวเรือใหญ่ค่าย ‘มติชน’ อดีตนักศึกษาคณะโบราณคดี รำลึกความหลังครั้งทำงานที่พระนครศรีอยุธยาเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยเช่าบ้านหลังหนึ่งริมแม่น้ำลพบุรี ตรงข้ามพระราชวังหลวง

ขยับมาถึงห้วงเวลาที่แนวคิดเรื่องคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไตผงาดจนแพร่หลาย นับแต่ ‘หมอดอดจ์’ หมอสอนศาสนาที่เข้ามาประจำในเชียงรายในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 6 แล้วเขียนหนังสือ ‘The Tai Race : Elder Brother of The Chinese’ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการนำมาแปลเพื่อใช้เป็นตำราเรียน

“ครั้งหนึ่งหมอดอดจ์ไปคุนหมิง ยูนนาน กวางสี บันทึกว่าพบคนพูดภาษาไทยที่ไหนบ้าง แล้วมาเขียนหนังสือบอกว่าไทยมีเชื้อสายมองโกล มีความเก่าแก่กว่าจีน เป็นเจ้าของดินแดนจีนมาก่อนจีน บอกว่า เป็นพี่เอื้อยของจีน นี่แหละทำให้คนไทยบ้าคลั่ง จนมีฝรั่งนำแนวคิดของหมอดอดจ์ไปขยายว่า ถิ่นเดิมของไทยอยู่มองโกเลีย ส่งผลให้ขุนวิจิตรมาตรา หรือสง่า กาญจนาคพันธุ์ เขียนหนังสือชื่อ หลักไทย บอกว่าคนไทยมาจากภูเขาอัลไตในเขตมองโกเลีย”

ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ยังเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งเป็นนักศึกษาคณะโบราณคดี รั้วศิลปากรเมื่อ พ.ศ.2507 ว่ามีการจัดเสวนาที่ท้องพระโรง วังท่าพระ เรื่อง ‘บรรพบุรุษของไทยคือใคร?’ “คนแน่นจนเข้าไม่ได้ ต้องนั่งฟังจากลำโพงตรงสวนแก้วที่มีต้นไม้ครึ้ม ไม่รู้เรื่องหรอก แต่อยู่ในความทรงจำ ว่ามีฝรั่งชื่อ เฟเดอริก มาพูดว่าน่านเจ้าไม่ใช่ถิ่นกำเนิดคนไทย แตกตื่น เป็นข่าวใหญ่ เจ็บปวด ฝรั่งอะไรบ้าฉิบหาย น่านเจ้าจะไม่ใช่ของไทยได้อย่างไร แต่มันเป็นประกายครั้งแรก” จากนั้น สุจิตต์เล่าเกร็ดชีวิตชวนยิ้มอ่อน เมื่อครั้ง พ.ศ.2529 โซเวียตส่งเทียบเชิญนักกลอนไทย 2 รายไปเล่าเรื่อง ‘สุนทรภู่’ คนหนึ่งคือ สุจิตต์ ส่วนอีกคนคือ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่กลายเป็น 1 ใน 250 ส.ว. ยุค คสช.ไปแล้ว

“เจ้าหน้าที่ถามว่าอยากไปเที่ยวไหน ผมบอกอยากไปเยี่ยมญาติที่ภูเขาอัลไต ซึ่งตอนนั้นอยู่ในเขตโซเวียต เขาบอกเครื่องบินมีสัปดาห์ละเที่ยว เพราะเป็นภูเขาน้ำแข็ง ใช้ตั้งสถานีเรดาร์ ผมบอกว่า พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะไม่เชื่อว่าคนไทยมาจากภูเขาอัลไตอยู่แล้ว” เล่าจบหัวเราะร่าเริง เช่นเดียวกับ ขรรค์ชัย ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ก็พลอยยิ้มกว้างกับเรื่องเก่าๆ ที่เล่าเมื่อไหร่ก็อดขำไม่ได้

อย่างไรก็ตาม สุจิตต์ยืนยันว่าขุนวิจิตรมาตราไม่ผิด เพราะท่านแต่งหนังสือเพื่อส่งประกวดจนได้รางวัลในสมัยรัชกาลที่ 7 แต่ประเด็นคือกระทรวงศึกษาธิการเอาแนวคิดนี้ไปใส่ในตำราเรียนก่อนยกเลิกไปใน พ.ศ.2521

ทายาท‘น่านเจ้า-อัลไต’
ยังทรงอิทธิพล แม้เขี่ยพ้นตำราเรียน

มาถึงช่วงท้าย สุจิตต์และขรรค์ชัย ฝากไว้ให้คิด ว่าแม้แนวคิดคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไตถูกดึงออกจากตำราเรียนนานกว่า 43 ปีแล้ว ทว่ากลับยังทรงอิทธิพลมาถึงปัจจุบัน

“แม้ยกเลิกแล้วเมื่อปี 2521 ก่อนนิตยสารศิลปวัฒนธรรมออก 1 ปี แต่ความคิดยังทรงอิทธิพล โดยเฉพาะในกองทัพ ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมนายกรัฐมนตรีไทยยังหลุดปากบอกคนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต ย้อนไปในช่วง 2475 คณะราษฎร มอบหมายหลวงวิจิตรวาทการตั้งกรมศิลปากรขึ้นมา ก็มีการนำเรื่องนี้ไปใช้ โดยเฉพาะ ตอนเปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นไทยในปี 2482 เดิมทีใช้สยาม เป็นชื่อดินแดน เมื่อเปลี่ยนเป็นไทย คือเชื้อชาติ เป็นความคลั่งเชื้อชาติของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม”

จากนั้น เล่าถึงบรรยากาศยุคสงครามเย็นโดยเมื่อ พ.ศ.2492 เหมา เจ๋อตุง ประกาศตั้งรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ สหรัฐอยู่ไม่เป็นสุข ประวัติศาสตร์ชุดอัลไต-น่านเจ้า เข้าล็อกพอดี ไทยฉวยเอาประวัติศาสตร์ชุดนี้โฆษณาประชาสัมพันธ์ใหญ่ ไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปิดล้อมจีน กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

“เมื่อขรรค์ชัยจบปริญญาตรีจากคณะโบราณคดี มาทำงานที่ นสพ.สยามรัฐ ผมก็เป็นนักข่าวอยู่ด้วย มีช่วงหนึ่ง ผมลา ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ไปอเมริกา ปรากฏว่าประธานาธิบดีนิกสันไปหาเหมาเจ๋อตุงที่ปักกิ่ง ฟื้นฟูสัมพันธไมตรี ตอนนั้นผมอยู่ที่คอร์แนล หิมะตก เปิดประตูไม่ได้ ที่บ้านไม่มีโทรทัศน์ แต่อยากดูถ่ายทอดสดนิกสัน เลยเอาเสียมแงะประตู ว่ายหิมะไปตามร่อง เพื่อออกไปดูให้ได้

การที่นิกสันไปปักกิ่ง พลิกกลับทั้งโลก ฉิบหาย ลิ่วล้อจะทำอย่างไร ที่เคยด่าจีนไว้ พอปี 2518 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ไปปักกิ่ง ผม ขรรค์ชัย และสุทธิชัย หยุ่น ไปทำข่าวด้วย” สุจิตต์เล่า

ก่อนที่ 2 กุมารสยามในอดีต 2 ผู้อาวุโสในวงการสื่อปัจจุบันจะร่วมกันยืนยันว่า แม้ทางการจะถอดเรื่องอัลไต-น่านเจ้าออกจากแบบเรียน แต่แนวคิดยังทรงอิทธิพล มีอำนาจมาถึงวันนี้

“เวลาใช้ครึกโครม แต่พอเลิก ทำเงียบๆ แม้ทางการถอดจากตำรานานแล้ว แนวคิดยังดำรงอยู่ ดูจาก 1.สุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก ซึ่งเป็นทายาทแนวคิดดังกล่าว 2.เชื้อชาติไทย ยังไม่เลิก แถมยังใช้ปลุกระดมอยู่จนวันนี้ ครั้งที่ถูกประจานไปทั่วโลกคือ 6 ตุลาฯ 19 วิทยุยานเกราะโฆษณาว่านักศึกษาในธรรมศาสตร์เป็นคอมมิวนิสต์ ลูกจีน เป็นญวน ไม่ใช่คนไทย”

เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิด เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์แนวคลั่งชาติที่ควรเก็บเข้ากรุให้อยู่ในฐานะบทเรียนอันเจ็บปวด อย่านำออกมาโลดแล่นผลิตซ้ำตอกย้ำความผิดพลาดดังเช่นที่เป็นมา

รับชมรายการขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว ได้ทุกวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน เวลา 20.00 น. ผ่านเฟซบุ๊กมติชนออนไลน์ ข่าวสด ศิลปวัฒนธรรม และยูทูบมติชนทีวี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image