ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | เชอรี่ ประชาชาติ |
เผยแพร่ |
นัก (อยาก) วิ่ง ก็ไม่ต่างจาก นัก (อยาก) อื่นๆ แค่ “คิด” ไม่ “ทำ” ก็แค่นั้น คิดไม่ยากเท่าลงมือทำ
แม้จะเริ่มวิ่ง และวิ่งต่อเนื่องมากว่า 3 ปีแล้ว ไม่ใช่ทุกวันที่สามารถผละจากเตียงยามเช้าตรู่ขึ้นมาวิ่งได้สำเร็จ
โดยส่วนตัววิ่งได้อาทิตย์ละ 3 วัน ก็ดีงามแล้ว วีกไหนวิ่งได้มากกว่ายังทึกทักเอาเองว่าเป็น “โบนัส” เช้าไหนของวีกถัดมา ถ้ารู้สึกว่าพลังของเตียงนอนมีแรงดูดมากเป็นพิเศษยังมักแอบใช้ “โบนัส” ของวีกก่อนไปถัวให้บางเช้าที่ไม่อยากลุก
เรามักมีวิธีต่อรองกับตัวเองเพื่อไม่ให้รู้สึกผิดได้สำเร็จเสมอ
คนที่คิด และเริ่มลงมือทำได้มาแล้ว จะรู้ดีว่าการรักษาความสม่ำเสมอต่อเนื่องเป็นความยากขั้นสูงสุด
หลายเช้าจึงต้องใช้วิธีสะกดจิตตัวเอง รู้สึกตัวตื่นเมื่อไรให้นึกถึงเวิร์ดดิ้งบนเสื้อกีฬาแบรนด์ดัง “Shutup and Run”
สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง
ไม่ต่างไปจากคนที่อยากวิ่ง แต่ยังเริ่มไม่ได้สักที มักมีเหตุผล และข้ออ้างโน่นนี่ให้ตนเอง บ้างก็ว่าไม่มีเวลา บ้างว่าไม่ชอบตื่นเช้า (วิ่งตอนเย็นก็ได้), น้ำหนักเกิน, วิ่งแล้วปวดหัว, เจ็บเข่า ฯลฯ
ลองไม่ต้องคิดถึงอะไรเลย แค่ “Shutup and run”
ถ้ายังไม่สำเร็จ แนะนำให้ลองเข้าไปในเพจนี้ “42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน”
เห็นชื่อเพจแล้วอย่าเพิ่งตกใจ แม้ไม่มีเป้าหมายถึง “วิ่งมาราธอน” ก็เข้าไปอ่านได้ เพจนี้มีสมาชิกถึง 40,000 คน จึงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ในการวิ่งมาแบ่งปันกันมากมาย
นักวิ่ง และนักอยากวิ่งทั้งหลายจะได้แรงบันดาลใจดีๆ กลับมาเพียบ ที่เคยแค่คิดก็จะมีแรงฮึดจนสำเร็จ ที่วิ่งอยู่แล้วจะตั้งเป้าเพิ่มขึ้นทีละน้อย
ใครผ่านมาราธอนแรกได้ พี่ป็อก “อิทธิพล สมุทรทอง” แอดมินเพจ “42.195 K Club…เราจะไปมาราธอนด้วยกัน” จะแจก “ผ้าบัฟ” ให้เป็นรางวัล
ทำไมต้องเป็น “ผ้าบัฟ”
คุณ Chomchai Julthaisong สมาชิกในเพจนี้เล่าว่า
ปี 2013 พี่ป็อกนั่งเชียร์เพื่อนต่างชาติไปแข่ง Vibram HongKong 100K แล้วติดใจ Buff ที่เขาใส่ พอจบการแข่งขันจึงอีเมล์ไปหาคนจัดงานเพื่อขอซื้อ แต่เขาไม่ขายให้ เพราะทำขึ้นมาให้เฉพาะคนที่ไปวิ่งเท่านั้น
ปี 2014 พี่ป็อกจึงสมัครวิ่ง Vibram HongKong 100K ด้วยเหตุผลเดียว คืออยากได้ผ้าบัฟ ปีนั้นมีคนไทยคนเดียวที่บินไปวิ่งอีกคนเป็นคนไทยที่อยู่ฮ่องกงอยู่แล้ว
สรุปว่า ปีนั้นพี่ป็อก DNF (Did Not Finish-วิ่งไม่จบ) แต่ก็ได้ผ้าบัฟมาซับน้ำตา
ปี 2015 พี่ป็อกกลับไปใหม่ คราวนี้พาคนไทยไปวิ่งด้วยอีก 15 คน เพราะปีก่อนเพื่อนต่างชาติถามพี่ป็อกว่า คนไทยมากี่คน ของเขามา 70 คน พี่ป็อกเลยฮึดบอกว่า เดี๋ยวจะพามาให้เยอะกว่า ปีนั้นพี่ป็อกวิ่งจบ เป็น Finisher Vibram HongKong 100K
ปี 2016 พี่ป็อกกลับไปอีกครั้ง และพาเพื่อนไปวิ่งด้วยถึง 50 คน
มีอีกเรื่องที่พี่ป็อกเคยเล่าบ่อยๆ
มีนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งกำลังขับรถจะไปสอบปลายภาคที่มหาวิทยาลัยที่อยู่นอกเมือง วันนั้นเขาใช้ทางลัดออกมาอีกทางหนึ่ง ปรากฏว่าน้ำมันหมดจึงต้องจอดรถข้างทาง และโบกรถที่ผ่านไปมา
รถคนแรกผ่านไปโดยไม่สนใจ เขายืนโบกคันที่ 2 และคันที่ 3 แต่ก็ยังไม่มีใครจอด ระหว่างที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดีใกล้ถึงเวลาสอบแล้ว รถคันที่ 4 ผ่านมาพอ และจอด
ผู้ชายคนหนึ่งลงมาจากรถ และถามว่า “รถเป็นอะไร”
“น้ำมันหมดครับพี่” นักศึกษาหนุ่มตอบ
ชายคนนั้นเดินไปหลังรถ และหยิบถังน้ำมันมาส่งให้ นักศึกษาแปลกใจว่าทำไมถึงมีถังน้ำมัน แต่ก็รับ และรีบไปเติม
เมื่อชายคนนั้นเดินกลับไปขึ้นรถ และทำท่าจะไปต่อ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ผมยังไม่รู้จักพี่เลย ยังไม่ได้ขอบคุณด้วย ไม่รู้จะตอบแทนยังไง”
“ถ้าจะตอบแทนผม ฝากส่งต่อถังน้ำมันให้คนอื่นๆ ต่อไป เพราะผมก็ได้รับมาจากคนอื่นเช่นกัน” ชายหนุ่มตอบ
สมัยที่พี่ป็อกเริ่มวิ่งใหม่ๆ ก็เคยได้รับการช่วยเหลือ ทั้งค่าเสื้อ ค่ารถไปวิ่งจนถึงปัจจุบัน พี่ป็อกทำกรุ๊ปเพจนี้ขึ้นมา และแจกผ้าบัฟสำหรับผู้ที่ผ่านมาราธอนแรกก็เพื่อสร้างกำลังใจ และส่งต่อแบ่งปัน สิ่งที่เคยได้รับมาให้คนอื่นๆ
ใครอยากได้ “ผ้าบัฟ” ง่ายนิดเดียว แค่วิ่งให้จบมาราธอน
เรื่องเล่าอีกเรื่อง เล่าโดยคุณ Sira Art Sirikachornkij เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันไตรกีฬาชิงแชมป์โลก ที่เม็กซิโก
“โจนาธาน บราวลี่” หรือ “จอนนี่” แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งมีคะแนนสะสมเป็นอันดับ 2 ไล่ตาม “โมล่า” ของสเปน จำเป็นต้องชนะในสนามนี้ให้ได้เพื่อเป็นแชมป์โลก
“จอนนี่” ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิกไตรกีฬาที่ริโอ เร่งเครื่องตลอดการแข่งขันจนเกินขีดจำกัดตัวเอง
เขาวิ่งนำมาตลอดการแข่งขัน แต่พอถึงช่วง 400 เมตรสุดท้าย ก่อนเข้าเส้น ก็มีอาการขาดน้ำรุนแรง เหมือนเครื่องจะดับทำให้เจ้าหน้าที่ต้องวิ่งเข้ามาประคอง ส่อแววว่าจะ DNF
ทันใดนั้นเอง พี่ชายของเขา “อลิสแตร์ บราวลี่” หรือ “อาลี” เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกที่ริโอ ก็วิ่งเข้ามาประคองน้องชายเพื่อพาเข้าเส้นชัย
“อาลี” ขับเคี่ยวมากับ “สโคมานน์” นักวิ่งชาวแอฟริกาใต้ ดีกรีเหรียญทองแดงโอลิมปิก เขายอมปล่อยให้ “สโคมานน์” วิ่งนำไป เพื่อพาน้องชายวิ่งผ่าน 400 เมตรสุดท้ายไปด้วยกัน
เมื่อถึงเส้นชัย “อาลี” เหวี่ยง “จอนนี่” เข้าเส้นชัยก่อนเพื่อที่ว่าคะแนนสะสมในสนามนี้ของจอนนี่จะได้เป็นอันดับสอง และมีลุ้นแชมป์โลก
สมาพันธ์ไตรกีฬาแห่งสเปน ต้นสังกัดของ “โมล่า” ซึ่งขับเคี่ยวกับ “จอนนี่” อยู่ยื่นประท้วงทันที เพราะมองว่า “จอนนี่” เข้าเส้นชัยได้จากการช่วยเหลือของ “อาลี” แต่คณะกรรมการตัดสินว่า “ไม่เป็นโมฆะ” เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือระหว่างนักกีฬาด้วยกันเองจึงสามารถทำได้
“อาลี” บอกว่าเขาจำเป็นต้องพาน้องชายเข้าเส้นชัยให้เร็วที่สุด เพราะทีมแพทย์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่เส้นชัย
อาลีเคยถูกปล่อยให้หมดสภาพก่อนเข้าเส้นชัย 1 กิโลเมตร เขาลากสังขารเข้าเส้นชัยเอง โดยมีนักวิ่งแปดคนวิ่งผ่านไปอย่างไม่ไยดีว่าเขาจะตายหรือไม่
“อาลี” บอกว่า ถึงเป็นคนอื่นเขาก็จะช่วยเหมือนกัน เพราะเข้าใจความรู้สึกเลวร้ายนั้นดีที่จะตายแล้วไม่มีใครช่วยเหลือ
เรื่องนี้คงจบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง ถ้า “จอนนี่” ได้เป็นแชมป์โลก
เมื่อ “โมล่า” รู้ว่า “จอนนี่” เข้าเส้นได้สำเร็จ ก็ไม่ยอมแพ้ เร่งทำอันดับจนสามารถเข้าเส้นชัยได้เป็นอันดับห้าทำให้ทำคะแนนสะสมเฉือน “จอนนี่” ไปเพียงแค่ 4 คะแนน สามารถคว้าแชมป์โลกไปได้ในที่สุด
“สโคมานน์” บอกว่า แม้จะโชคดีได้แชมป์แรกในชีวิตมาได้เพราะสองพี่น้องเกิดเหตุ แต่นั่นแปลว่าเขาแข็งแกร่งพอที่จะชนะได้ เขาเองผ่านการฝึกฝนมาอย่างมากที่สุด ทั้งกายและใจเพื่อสนามนี้เช่นกัน
“สโคมานน์” เป็นไข้ติดเชื้อจากริโอที่บราซิล ตลอดสัปดาห์ หมอเพิ่งอนุญาตให้ลงแข่งได้ก่อนการแข่งขันจะเริ่มเพียง 24 ชม. ถ้าถอดใจไปเสียก่อนก็คงไม่ได้สัมผัสแชมป์แรกในชีวิต
ในสนามวิ่งของเราเอง จะ 5K จะ 10K หรือระยะมาราธอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในบางครั้งเหลืออีกแค่ 10 เมตรก่อนถึงเส้นชัย เราอาจต้องใช้พละกำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อไปให้ถึง ไม่ได้ต้องการชนะใคร แค่ชนะใจตัวเอง