| ที่มา | คอลัมน์ โลกสองวัย มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | บางกอกเกี้ยน |
| เผยแพร่ |
ด้วยเหตุที่อดีตรองนายกรัฐมนตรี พิชัย รัตตกุล ชอบกิจกรรมลูกเสือ และนำกิจกรรมลูกเสือจัดอบรมผู้นำในกระทรวงศึกษาธิการและยกระดับหัวหน้ากองลูกเสือจาก 8 เป็นระดับ 9 ยังนำกลับไปฝึกอบรมคนงานที่บ้าน
“ที่สำคัญได้จัดสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสูงสุดของลูกเสือ คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่ง รามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ”
แล้วลูกเสือมีดีอย่างไรจึงต้องยกย่องกันขนาดนี้
ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล L.T. ตอบคำถามที่ว่า “ทำไมต้องเป็นลูกเสือ ???” ด้วยการหยิบยกพระราชดำรัสล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ 6 พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทยเมื่อ 103 ปีก่อน มานำเรื่องแล้วตอบคำถามว่า
“ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวที่ก่อกำเนิดกิจการลูกเสือโดยพระมหากษัตริย์ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของกิจการลูกเสือมาตลอด ลูกเสือเป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างคนให้มีคุณภาพ การเรียนรู้เป็นเรื่องจำเป็นยิ่งสำหรับมนุษยชาติ แต่การปฏิบัติให้เกิดองค์ความรู้สู่ความเป็นรูปธรรม ย่อมเป็นเรื่องสำคัญกว่า
“ดังนั้น การเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถให้เด็กและเยาวชนเข้าใจและเข้าถึงอย่างถ่องแท้ในความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติได้ เช่น การรู้จักหน้าที่รับผิดชอบเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม คำนึงถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตน รู้รักสามัคคีในความดีงามทั้งหลาย ลูกเสือสอนให้เป็นคนหัดช่างสังเกต ใช้ความคิดและปัญญาไตร่ตรองในทุกสิ่งที่ได้พบเห็น รู้จักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ รักและหวงแหนธรรมชาติ…
“เมตตากรุณาต่อสัตว์ และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ต้องแสวงหาการทำประโยชน์ ช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อต้องเป็นมิตรกับทุกคน และคำนึงถึงว่าลูกเสือทั่วโลก – เราคือพี่น้องกัน – คำนึงถึงการตัดสินปัญหา และข้อขัดแย้งทั้งหลายด้วยสันติวิธี และมิตรภาพ
“ลูกเสือไม่เคยมีการสอนให้ใช้กำลังรุนแรง และอารมณ์นึกคิดของตนเป็นเครื่องตัดสินปัญหา ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อตรงต่อผู้มีพระคุณ รู้จักความกตัญญู ลูกเสือสอนให้เคารพและเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด และคารวะนอบน้อม สุภาพเรียบร้อย
“ลูกเสือต้องมีความมัธยัสถ์ ไม่เป็นคนสุรุ่ยสุร่าย จะใช้จ่ายหรือบริโภคทรัพยากรต้องรู้จักคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเท่าที่จำเป็น
“ลูกเสือต้องเป็นผู้ประพฤติชอบด้วยกายวาจาและใจ รู้จักการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี ทั้งยังไม่สอนให้ยึดติดในตำแหน่งหน้าที่ ให้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามสถานการณ์และเหตุการณ์ ความเหมาะสมในแต่ละโอกาส ไม่มีคำว่าตำแหน่งใดทางลูกเสือจะใหญ่หรือเล็กกว่ากัน ทุกคนต่างทำงานด้วยหน้าที่รับผิดชอบต่อส่วนรวม และมิตรภาพ สามัคคี ช่วยเหลือมีน้ำใจซึ่งกันและกัน
“กิจการลูกเสือเป็นกิจการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ ทดลองเสมือนจริง สนุกสนาน ร่าเริง เพลิดเพลิน ผจญภัย ท้าทายความสามารถของเด็กและเยาวชน ลูกเสือได้รับการสอนให้เป็นผู้ทำงาน ไม่ว่าในภารกิจใดต้องทำให้ดีอย่างสุดความสามารถ รู้จักการเตรียมพร้อมในชีวิต ฝึกมองการณ์ไกล รู้จักให้บริการต่อสังคม
“เป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี นับหมื่นครั้งของการชุมนุมลูกเสือทั่วโลก ไม่เคยมีเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะปรัชญาและอุดมการณ์สูงสุดของลูกเสือทั่วโลกคือ การที่เราจะมีความสุขในชีวิตได้ดีที่สุด คือการกระทำให้ผู้อื่นมีความสุข อีกนัยหนึ่งคือ สุขเมื่อเห็นคนอื่นเกิดสุข
“นี่คือเหตุผลสำคัญและคงเป็นคำตอบว่าเหตุใดกิจการลูกเสือไทยจึงกำเนิดจากพระมหากษัตริย์ และพระมหากษัตริย์ทรงให้การสนับสนุนกิจการนี้มากว่า 100 ปี
“ขณะนี้ทั่วโลกมีพลเมืองผ่านการเป็นลูกเสือถึงหนึ่งพันล้านคน เพราะฉะนั้นคงจะเป็นคำตอบว่า หากลูกเสือไม่ดีจริง ประชาชนนับพันล้านคนคงไม่มาเป็นลูกเสืออย่างแน่แท้ !”
การประชุมลูกเสือนานาชาติในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์คำถามของ ดร.สมบูรณ์ บุญศิริที่ว่า “ทำไมต้องเป็นลูกเสือ???” ได้ดีนะครับ
