ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล |
เผยแพร่ |
นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญในรอบปีของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เมื่อสถานีวิทยุจราจรเพื่อสังคม TRS 99.5 สานต่อโครงการ “แท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์ เฟสติวัล” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
เพื่อพัฒนาคุณภาพและส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ และสานต่อเครือข่ายการทำความดีของเครือข่ายแท็กซี่จิตอาสาเพื่อสังคมไทย ผ่านการอบรมที่มีทั้งการให้ความรู้ภาษาอังกฤษ รวมถึงการอบรมเรื่องบุคลิกภาพและการพูด
จากการรวบรวมข้อมูลของทางสถานี ตั้งแต่ปี 2554-2559 พบว่าในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา มีผลงานของเครือข่ายแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์ และผู้ฟังร่วมทำความดีให้กับสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเก็บทรัพย์สินคืนเจ้าของ การช่วยเหลือเรื่องการเดินทางกับผู้สูงอายุ ภิกษุและผู้พิการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตลอดจนการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนและยานพาหนะที่เสียระหว่างเดินทาง ฯลฯ มากกว่า 9 แสนเรื่อง
แทบไม่น่าเชื่อว่าผลงานที่เกิดขึ้นจะมาจากสมาชิกแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์จำนวนไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ของรถที่ให้บริการทั้งหมด
ชูศิริ คัยนันทน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สถานีวิทยุจราจรเพื่อสังคม จำกัด ให้ข้อมูลว่า สถิติเดือนสิงหาคม 2559 มีรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนทั่วประเทศมากกว่า 98,330 คัน ขณะที่โครงการแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์ เริ่มต้นปี 2554 เดิมมีสมาชิก 200 คน แต่จากการพยายามทำโครงการนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่องร่วมกับภาคีต่างๆ ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิก 1,500 คน
ถึงแม้จะมีปริมาณไม่มากแต่ ชูศิริ มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะขยายและสนับสนุนต่อไป
“โครงการนี้เป็นประโยชน์นอกจากจะยกระดับการบริการยังเป็นช่องทางให้คนขับแท็กซี่มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน ถึงปัญหาและปรับปรุงเรื่องงานให้ดีขึ้น ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการสร้างแท็กซี่น้ำดีขึ้นมา ส่วนตัวเวลาเห็นข่าวไม่ดีเกี่ยวกับแท็กซี่ก็รู้สึกไม่ค่อยดี แต่สิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำงานต่อ คือเอาแท็กซี่ส่วนที่ดีมาเป็นกำลังใจ และพยายามทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ล้มเลิก” ชูศิริอธิบาย
จุดเด่นของเครือข่ายแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์หลังผ่านการอบรม ที่เพิ่มทั้งคุณภาพการบริการ ความรู้ด้านภาษาแล้ว ยังมีบุคลิกภาพและการแต่งกายที่สุภาพเรียบร้อยจนเป็นเอกลักษณ์ เหมือนกับ ณัฐวุฒิ พอก่อสุข ตัวแทนผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ร่วมโครงการตั้งแต่ครั้งแรก และร่วมกิจกรรมต่อเนื่องทุกปี จนได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเครือข่ายแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์ ที่มาพร้อมเครื่องแบบด้วยความภูมิใจ ตามความพยายามของโครงการที่รณรงค์ให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ภูมิใจในวิชาชีพ
ณัฐวุฒิบอกว่า อาชีพคนขับรถแท็กซี่ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ให้บริการเท่านั้นแต่ยังทำหน้าที่อีกหลายบทบาท ทั้งช่วยเหลือสังคม เป็นทูตวัฒนธรรมการท่องเที่ยว เป็นช่างซ่อมรถยนต์ เป็นกระทั่งหน่วยกู้ภัยยามฉุกเฉินและรถพยาบาลเคลื่อนที่ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งกิจกรรมแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์มุ่งมั่นที่จะรณรงค์ให้แท็กซี่ภูมิใจในอาชีพของตัวเอง มีจิตสำนึกต่อสังคมและบริการด้วยใจ
นอกจากนี้ณัฐวุฒิยังได้รับสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ผ่านการอบรมครั้งนี้ด้วย คือความเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติ
“ผมเริ่มขับรถแท็กซี่ครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี ก็หัวหกก้นขวิดไปเรื่อย ตอนนั้นความคิดของผม เมื่ออยู่หลังพวงมาลัยคือ ‘เงิน’ เป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุด กระทั่งได้เข้าร่วมเครือข่ายมันทำให้ผมเปลี่ยนปณิธานใหม่ ทุกวันนี้เราไม่ได้ขับเพื่อเงิน แต่ผมกำลังขับรถเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ แล้วมีคนช่วยออกค่าน้ำมันให้”
นอกจากจะได้เที่ยวฟรีแล้วสิ่งที่ณัฐวุฒิรู้สึกภูมิใจมาก คือสามารถสื่อสารกับผู้โดยสารต่างชาติ และนำความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากวิทยากรมาปรับใช้ในการให้บริการ ทำให้ผู้โดยสารเกิดความประทับใจ และเลือกใช้บริการแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์เพิ่มขึ้น ต่อยอดไปถึงผู้ขับขี่รายอื่นมองเห็นแล้วเอาไปเป็นแบบอย่าง
“เวลาผู้โดยสารเรียกไม่ว่าจะใกล้ไกลผมไปหมดไม่เคยปฏิเสธ และจะทักทายแนะนำเครือข่ายเสมอ ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกประทับใจ หลายคนขอเบอร์ติดต่อใช้บริการต่อเนื่อง และการที่ทักทายด้วยมิตรไมตรี ทำให้ความกังวลความไม่ไว้ใจของผู้โดยสารลดลงไป บางรายที่คิดไม่ดีกับเราพอเราต้อนรับและบริการอย่างดีเขาก็เปลี่ยนใจไม่ทำอะไร” ณัฐวุฒิเล่าประสบการณ์ตรงที่เจอมากับตัว
พร้อมยกตัวอย่าง เช่น ผู้โดยสารบางคนเอาปัสสาวะใส่กระป๋องเบียร์ กระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาบนรถ ถ้าเจอแท็กซี่ไม่ดี พูดจาไม่ดีก่อนลงจากรถเขาจะวางกระป๋องให้ล้ม ให้ปัสสาวะหก ให้รถมีกลิ่นเหม็น แต่การที่เราบริการดีมีมิตรไมตรี สิ่งที่ย้อนกลับมาก็เลยเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนี้ยังมีผู้โดยสารที่ตั้งใจจะเชิดเงินหนี คือถึงที่หมายแล้วไม่จ่ายเงินพอเราบริการดีเขาก็เปลี่ยนใจ หลายคนสารภาพเลยว่าตอนแรกตั้งใจจะทำแบบนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เป็นอีกผู้หนึ่งที่เข้าร่วมโครงการหลายครั้งและสนับสนุนให้มีการขยายต่อเนื่องอีกหลายรุ่น เนื่องจากรถแท็กซี่เป็นพาหนะสำคัญในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับตำรวจท่องเที่ยว
สำคัญอย่างไร พ.ต.อ.นิติธรเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า เมื่อนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะที่มาเที่ยวแบบส่วนตัวเมื่อออกจากสนามบิน มักมีความจำเป็นจะต้องใช้บริการรถแท็กซี่ ดังนั้นแท็กซี่จึงเปรียบเหมือนประตูด่านที่สองต้อนรับนักท่องเที่ยว รองจากสนามบินที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
“สำหรับโครงการแท็กซี่ไทยหัวใจอินเตอร์ ผมสนับสนุนและมาร่วมงานหลายครั้ง สิ่งที่ผมเห็นคือโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี และจำเป็นจะต้องขยายไปอีกหลายรุ่น เพราะสามารถช่วยเหลือตำรวจ ตามโครงการตาสับปะรด ที่เชื่อมโยงโครงข่ายภาคีต่างๆ ในการให้เบาะแสและแจ้งข่าว อีกทั้งโครงการนี้ยังสามารถยกระดับการบริการนักท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานและความปลอดภัย ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปี 2558 ที่ให้ส่งเสริมให้บริการอย่างสะดวกปลอดภัยและจัดการกับแท็กซี่ที่เรียกร้องค่าโดยสารเกินจริง ไม่ติดมิเตอร์ หรือแท็กซี่ที่ทำร้ายนักท่องเที่ยวด้วย” พ.ต.อ.นิติธรทิ้งท้าย
เพราะรถแท็กซี่เป็นหนึ่งในการเดินทางที่สำคัญในประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งในวงจรการท่องเที่ยวประเทศ ดังนั้นการยกระดับคุณภาพการบริการจึงเป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมต่อเนื่อง