ขรรค์ชัย-สุจิตต์ สกัดดีเอ็นเอประวัติศาสตร์ เปิดหลักฐานกรุงศรีอยุธยา ทายาท‘ทวารวดี’

ภาพมุมสูงพระราชวังหลวง ‘กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา’ มองเห็นวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระที่นั่งต่างๆ

เป็นอีกตอนที่เข้มข้นลึกซึ้งประหนึ่งสังคายนาประวัติศาสตร์ชาติไทยแบบบรรทัดต่อบรรทัด สำหรับรายการ
‘ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว’ ตอน ‘ทวารวดี อำนาจรวมศูนย์ ต้นแบบศรีอยุธยาเมืองสยาม’ ซึ่งอดีต 2 กุมารสยาม ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และ สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ในเครือ เช็กโลเกชั่นร่วมกัน ณ ตลาดน้ำท้ายวัดธรรมนิยม ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก นอกเกาะเมืองอยุธยา

เปิดประเด็นว่ากรุงศรีอยุธยาสืบเนื่องมาจาก ‘ทวารวดี’ เนื่องด้วยรัฐอยุธยามีชื่อเต็มว่า ‘กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา’ สื่อความหมายซ้อนกัน 2 ประการ ได้แก่ 1.อยุธยาเมืองสวรรค์ และ 2.อยุธยาสืบเนื่องจากทวารวดีและศรีรามเทพ อย่างไรก็ตาม การที่ประวัติศาสตร์ไทยถูกอำนาจรวมศูนย์ของชนชั้นนำแบ่งตามประวัติศาสตร์ศิลปะ โดยจับแยกเป็นสมัยต่างๆ ตามลำดับจากเก่าที่สุดแล้วตัดขาดจากกันเหมือน
ขนมชั้น ทำให้แต่ละสมัยไม่สืบเนื่องกัน

ไม่เพียงเท่านั้น หลักฐานตั้งต้นของทวารวดีในบันทึกจีนของพระถังซัมจั๋งระบุว่า ‘โตโลโปตี’ หรือทวารวดีมีพื้นที่ต่อเนื่องอิศานปุระในกัมพูชา ดังนั้นจึงต้องอยู่ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณลุ่มน้ำลพบุรี-ป่าสัก โดยมีนักวิชาการหลายท่านเห็นพ้องต้องกัน อย่างไรก็ตาม สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และ ศ.ยอร์ช เซเดส์ เชื่อว่าทวารวดีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง โดยล่าสุด ศ.ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ เสนอว่าอยู่ที่เมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์

รายการขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว รับชมได้ทุกวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน ผ่านเฟซบุ๊กมติชนออนไลน์, ข่าวสด, ศิลปวัฒนธรรมและยูทูบมติชนทีวี

หลักฐานที่ ‘เล่าไม่หมด’ ปากคำตั้งต้นที่ต้องสังคายนา
“ทวารวดีมีปัญหาทางวิชาการประวัติศาสตร์โบราณคดีเนื่องจากโฆษณาเกินจริงด้วยข้อมูลผูกขาดชุดเดียว และหลักฐานตั้งต้นไม่ครบถ้วน เพราะปกปิดส่วนสำคัญไว้เพื่อสนับสนุนให้นครปฐมเป็นราชธานีของทวารวดีด้วยเหตุผลทางการเมืองชาตินิยม หวังสร้างรัฐชาติไทยสมัยใหม่ให้มีศูนย์รวมที่พุทธศาสนาเถรวาท และให้นครปฐมเป็นแหล่งพุทธศาสนาประดิษฐานครั้งแรกที่สุวรรณภูมิ ทั้งที่หลักฐานตั้งต้นบอกชัดเจนว่าทวารวดีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาพื้นที่ต่อเนื่องรัฐโบราณในกัมพูชา” สุจิตต์กล่าวอย่างขึงขังตามสไตล์ ในขณะที่ ขรรค์ชัย เปิดเอกสาร อ่านแผนที่ และพิจารณาหลักฐานทางโบราณคดีไปพร้อมๆ กัน

Advertisement

ก่อนที่ เอกภัทร์ เชิดธรรมธร ผู้ดำเนินรายการ เอ่ยคำถามที่หลายคนร่วมสงสัยว่า แล้ววัดธรรมนิยม อยุธยา เกี่ยวอะไรกับประเด็นนี้?

“มาตรงนี้เพื่อให้เห็นแม่น้ำ 2 สายที่มารวมกัน คือลพบุรีกับป่าสัก ถามว่าเกี่ยวอะไรกับทวารวดี ก็เพราะมีความคิดตรงข้ามกับประวัติศาสตร์โบราณคดีกระแสหลักที่บอกว่า ทวารวดีอยู่นครปฐม บนลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ทวารวดีที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้อยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้า
พระยา ระหว่างลุ่มน้ำลพบุรี-ป่าสัก และหลักฐานฟ้องเองว่าทวารวดีเป็นต้นตอ เป็นบรรพชนของกรุงศรีอยุธยา” สุจิตต์นำเสนอ ก่อนเร่งเครื่องตามแนวนโยบายของขรรค์ชัยที่ว่า มติชน ‘จะเหยียบคันเร่งให้มิด’ บนถนนหมายเลข (ปี) ที่ 45 มุ่งหน้ายังจุดหมายคือคุณภาพสังคมไทยไม่แปรเปลี่ยน

คอลัมนิสต์ไม่ติดกระดุมบน รัวข้อมูลแบบไม่แตะเบรก ว่า หลักการสำคัญของ ทวารวดี คือ การเป็นชื่อเมืองของ ‘พระกฤษณะ’ ซึ่งเป็นอวตารของพระวิษณุ ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไม่เกี่ยวกับพุทธ เป็นชื่อศักดิ์สิทธิ์

Advertisement

“ชาวอินเดียเชื่อว่าเมืองทวารวดีมีอยู่จริง ผมเคยถามว่า แล้วอยู่ไหนล่ะ? ชาวอินเดียบอก พังเพจมทะเลไปหมดแล้ว ไม่มีใครเคยเห็น ถ้าให้ผมอธิบายใหม่คือ ทวารวดีเป็นชื่อรัฐในอุดมคติ เพราะฉะนั้นคงไม่อยู่บนดิน แต่อยู่บนสวรรค์ เป็นยูโทเปีย แต่พอมาถึงไทย ถูกจับเล่นแร่แปรธาตุ จับบวชเป็นอาณาจักรเก่าสุดในไทยระหว่าง พ.ศ.1100-1500 บอกว่าเป็นอาณาจักรมอญ นับถือพุทธเถรวาท แผ่อำนาจกว้างขวาง
ทั่วประเทศไทยตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน เกือบถึงใต้ ราชธานีอยู่นครปฐม นี่คือความรับรู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนเชื่อตามนั้น”

สุจิตต์ วงษ์เทศ ย้ำ ไม่เชื่อก็ได้ แต่ขอให้เปิดใจฟัง

สุจิตต์ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ทบทวนวรรณกรรม ท่ามกลางเสียงนกร้องและเรือเกลือที่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านเป็นฉากหลัง ขุดเลคเชอร์ย้อนไปตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรร่วมกับ ขรรค์ชัย ที่สอบเข้ามาได้ทีหลัง แต่สุดท้ายเรียนจบพร้อมกันเพราะสุจิตต์เรียนอย่างละเอียดมาก (ฮา)

“ความเห็นต่าง มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นักวิชาการฝรั่งเศสมองว่า ทวารวดีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ที่ลพบุรี แต่ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครพูดถึงด้วยซ้ำไป แม้กระทั่งอาจารย์มานิต วัลลิโภดม คนของกรมศิลปากรเองก็เขียนบทความลงในนิตยสารศิลปกรเมื่อปี 2515 ว่าศูนย์กลางทวารดีอยู่ที่ลพบุรี จนมาถึงศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ซึ่งล่าสุดเมื่อปลายปี 2564 เสนอว่าอยู่ที่เมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์”

กล่าวโดยสรุปคือ ประวัติศาสตร์โบราณคดีกระแสหลักบอกว่าทวารวดีอยู่นครปฐม แต่ฝ่ายคิดต่างบอกว่าอยู่ลพบุรี ส่วนข้อเสนอใหม่อย่างศรีเทพนั้น เมืองดังกล่าวก็อยู่ในลุ่มน้ำลพบุรี-ป่าสักเช่นกัน

สุจิตต์-ขรรค์ชัย ยังย้อนความทรงจำครั้ง ไมเคิล ไรท์ เจ้าของฉายา ‘ฝรั่งคลั่งสยาม’ ยังมีชีวิตอยู่ ว่าเคยพานักวิชาการชาวญี่ปุ่นชื่อ ‘ฮาชิโนะ’ มาพูดคุยเรื่องทวารดี แต่ตอนนั้น ฟังแล้ว ‘งงๆ’ เลยไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ

“คุณไมเคิล ไรท์ เคยชวนฮาชิโนะมาคุยกับผมว่าทวารวดีอยู่ที่ศรีเทพนมนานมาแล้ว ตอนนั้นงงๆ เพราะอ้างแต่เอกสารจีน กูจะไปรู้เรื่องอะไร เพราะยังฝังหัวว่าทวารวดีอยู่นครปฐม วันหนึ่งศาสตราจารย์ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ พูดถึงหนังสือเล่มหนึ่งในบทความที่ลงในมติชนสุดสัปดาห์ บอกว่าฮิชิโนะเขียนว่าเมืองเสมาพูดภาษาไทย ผมเลยโทรถามอาจารย์นิธิ ถามว่าเอาหลักฐานอะไรมาอ้าง อาจารย์นิธิบอก ไม่รู้ ผมเลยสั่งซื้อหนังสือมาอ่าน ปรากฏว่าไปเจอประเด็นทวารวดีที่สำคัญกว่า” สุจิตต์เล่า พร้อมย้ำว่าต้องเปิดรับข้อมูล อย่าปิดกั้น

“น้ำหนักจากหลักฐาน ทวารวดีอยู่ที่ลพบุรี-ศรีเทพซึ่งดองเป็นเครือญาติ มีเครือข่ายถึงสูงเนิน ภูพระอังคาร เมืองฝ้าย บุรีรัมย์ อย่าไปคิดแบบอาณานิคมว่าเมืองอยู่โดดๆ ไม่อย่างนั้นจะค้าขายร่วมมือกับใคร”

ขรรค์ชัย บุนปาน เคยสำรวจอยุธยาตั้งแต่ยังเป็นป่ารก

ทวารวดีไม่ได้หายไปไหน สืบมาเป็น‘คนไทย’ อยุธยา-รัตนโกสินทร์
สำหรับประเด็นเรื่องการอ้างหลักฐานอย่างเหรียญทวารวดี สุจิตต์มีมุมมองแตกต่าง

“คนพยายามอ้างเหรียญทวารวดีว่าพบที่นครปฐม ทั้งที่จริงๆ แล้วพบทั่วไป สิงห์บุรีก็พบ ชัยนาทก็พบ พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ เคยเขียนบทความลงนิตยสารศิลปากรว่า เหรียญทวารวดีเอามาใช้อ้างอิงความเป็นทวารวดีไม่ได้ และเหรียญที่พบที่นครปฐม ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล อดีตคณบดีคณะโบราณคดี ท่านก็เขียนไว้เองว่าไม่ได้พบจากการขุดค้นทางโบราณคดี” สุจิตต์-ขรรค์ชัย 2 ลูกศิษย์ตัวจริงยกข้อมูลฝากให้คิด

ส่วนที่มีการอ้างถึงหลักฐานพบใหม่อย่าง ‘จารึกวัดพระงาม’ จังหวัดนครปฐมนั้น สุจิตต์ยืนยันว่า ตัวจารึกไม่ได้บอกว่าทวารวดีอยู่ที่นครปฐม ชื่อทวารวดี พบหนาแน่นทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงกัมพูชา ในขณะที่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแทบไม่มีเลย ยกเว้นเหรียญ

“จารึกกล่าวยกย่องพระราชาที่ไหนไม่รู้ ทุกคนอ้างถึงหมด แต่อยู่ไหนไม่รู้ จารึกทวารวดีก็ไม่ได้มีแค่ที่วัดพระงาม ก่อนหน้านั้นก็พบที่จันทึก ปากช่อง ทำไมไม่พูด การพูดไม่หมดคือปัญหา” สุจิตต์กล่าว

มาถึงประเด็นที่ว่า คนทวารวดีคือใคร และหายไปไหน?

อดีตสองกุมารสยามตอบคำถามนี้ด้วยการร่วมกันอธิบายย้อนถึงการก่อเกิดของทวารวดีว่า ทวารวดีเติบโตมาจาก ‘สุวรรณภูมิ’ ซึ่งทำการค้าระยะไกลโดยเฉพาะทองแดงจนร่ำรวยมั่งคั่ง กระทั่งเกิดรัฐ คนทวารวดีไม่ได้หายไปไหน แต่สืบประวัติศาสตร์ต่อมาอย่างไม่ขาดสาย

“ยุคผมกับขรรค์ชัยยังเรียนหนังสือก็ถูกสอนมาเมื่อทวารวดีหายไปแล้ว คนทวารวดีก็หายไปไหม แต่ในความจริง คนจะหายไปได้อย่างไร นอกจากนี้ก็มีแนวคิดที่ว่าชาวทวารวดีหนีไปอยู่บนภูเขา เป็นชาวญัฮกุร พูดภาษามอญโบราณอยู่ที่ชัยภูมิ แต่ในประวัติศาสตร์โลก คนบนภูเขาลงมาอยู่ข้างล่าง จะไปอยู่บนเขาทำไมให้ลำบาก (หัวเราะ)”

หัวเราะร่วนกันทั้ง 2 ผู้อาวุโส ก่อนฟันธงว่า “คนทวารวดี ต่อมามันก็เป็นคนไทยนี่แหละ คนมันไม่หายไปหรอก รัฐเปลี่ยนได้ กษัตริย์เปลี่ยนวงศ์ได้ แต่ประชาชนคือคนกลุ่มเดิม มีแต่จะเพิ่มเติมจากที่อื่นๆ เข้ามาเพราะค้าขายดี การเคลื่อนย้ายไปมาเป็นเรื่องปกติ

“ทวารวดีส่งต่อและสืบทอดมาถึงกรุงศรีอยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ถามว่าอยุธยามีเมืองทวารวดีไหม ถ้าไปทางสระบุรี มีเมืองอู่ตะเภา เมืองทวารวดีเบ้อเริ่มเลย ใกล้อยุธยานิดเดียว ชื่อทวารวดีก็ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในชื่อกรุงศรีอยุธยาว่า กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา หมายถึงอยุธยาเมืองสวรรค์ สืบเนื่องมาจากทวารวดีกับศรีรามเทพ หมายความว่าสืบคติพระกฤษณะและพระราม ซึ่งทั้งหมดเป็นอวตารของพระวิษณุ”

สุจิตต์อธิบาย ก่อนยกหลักฐานเพิ่มเติมคือคำว่า ‘ทวารวดี’ บนปืนใหญ่ของอยุธยาที่พม่าขนไปหลังกรุงแตกเมื่อ พ.ศ.2310 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

“ความเป็นอยุธยารุ่งเรืองขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีการค้า เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของทวารวดี เหนืออยุธยาขึ้นไปนิดเดียวคืออำเภอหนองแซงก็มีเมืองทวารวดี อยุธยาคือทายาทของทวารวดี อยุธยาไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ เมื่อ พ.ศ.1893 ตามตำราแต่สืบมาเป็นพันปี ไม่อย่างนั้นไม่มีอารยธรรม ศิลปวัฒนธรรมถึงขนาดนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพูดความจริงให้ปรากฏ”

โลกและชีวิตไม่ได้เป็นขนมชั้น ประวัติศาสตร์ก็เช่นกัน
มาถึงช่วงท้าย ทั้ง ขรรค์ชัย และ สุจิตต์ ย้ำว่า ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ก็อย่าไปเชื่อว่าถูก 100% ขอให้ฟังคนอื่นๆ ด้วย สิ่งที่พูดวันนี้ก็ไม่ได้หวังจะชี้ขาด แค่นำเสนอข้อมูลที่รวบรวมมาได้ ขอให้ครูบาอาจารย์เปิดช่องให้นักศึกษาคิดกันเองบ้าง อย่าปิดหู ปิดตา มัดมือชก

“ประวัติศาสตร์ยึดติดไม่ได้เลย มันปรับเปลี่ยนตลอดเวลา แม้แต่ความคิดของตัวเราเอง ขรรค์ชัย สุจิตต์ สมัยเป็นนักศึกษาล้าหลังกว่านักเรียนนักศึกษาสมัยนี้มาก เพิ่งตาสว่างเมื่อวานมั้ง” สุจิตต์กล่าว พร้อมหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันกับขรรค์ชัย เมื่อนึกย้อนวันและวัยที่ยังว้าวุ่น

“ย้ำอีกทีว่าเรามักถูกครอบงำด้วยวิธีคิดจากประวัติศาสตร์สมัยอาณานิคม ถอดมาจากประวัติศาสตร์ศิลปะ ทวารวดี ศรีวิชัย เชียงแสน ทำให้ประวัติศาสตร์ไทยถูกแบ่งเป็นยุค แยกกันเด็ดขาดซึ่งในความจริงไม่ใช่อย่างนั้น แต่ยังดันทุรังกันอยู่นั่นแหละ เลิกได้แล้ว โลกและชีวิตมันไม่ได้เป็นขนมชั้น แต่เชื่อมโยงกันตั้งแต่บ้านเมืองยุคค้าทองแดง สุวรรณภูมิ จนเป็นทวารวดี มาถึงปัจจุบัน สืบทอดไม่ขาดสาย” ขรรค์ชัย-สุจิตต์ปิดท้าย

เน้นย้ำอยุธยาและทุกเมืองเล็ก-ใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกล้วนไม่ได้ลอยลงมาจากสวรรค์ ทว่า มีพัฒนาการจากชุมชนที่สร้างโดยผู้คนหลากภาษาและชาติพันธุ์ก่อนกลายเป็นรัฐสมัยใหม่ในวันนี้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image