ก่อน ‘ปลาทูจะหมดไทย’ ต้องหยุดจับ-ขาย-ซื้อ สัตว์น้ำวัยอ่อน

เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มีการณรงค์ต่อเนื่อง สำหรับการยุติจับสัตว์น้ำวัยอ่อนซึ่งสร้างผลกระทบในทางลบอย่างมากมาย ล่าสุด 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา วันมหาสมุทรโลก (World Oceans Day) ชาวประมงพื้นบ้าน สมาคมรักษ์ทะเลไทย และสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย รวบรวมรายชื่อของผู้บริโภคในแคมเปญ “ก่อนปลาทูจะหมดไทย ขอเร่งบังคับใช้กฎหมายเลิกจับสัตว์น้ำวัยอ่อน” บนเว็บไซต์ change.org พร้อมทั้งข้อเรียกร้องของเครือข่ายยื่นหนังสือ หวังให้มีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการจับตัวอ่อนสัตว์น้ำอย่างเป็นรูปธรรม เร่งบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.การประมง ปี 2558 ให้กำหนดขนาดสัตว์น้ำวัยอ่อน เพื่อยุติการตัดวงจรชีวิตสัตว์ทะเล พร้อมกำหนดโควต้าที่เป็นธรรมในการจับสัตว์น้ำ

ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ระบุว่า กระบวนการผลิตอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย กำลังส่งผลกระทบถึงระบบนิเวศ ต่อชุมชนชายฝั่ง ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงอาหารทะเลได้น้อยลง

“การจับ-การซื้อ-การขาย-การบริโภค สัตว์น้ำวัยอ่อน ทำลายโอกาสทางเศรษฐกิจนับหมื่นล้านบาทต่อปี ทำร้ายชาวประมงพื้นบ้านขนาดเล็กหลายแสนคนที่จะมีรายได้เลี้ยงชีพ ที่สำคัญคือ เป็นการทำลายโอกาสของประชาชนคนเล็กคนน้อยทั่วประเทศที่จะได้เข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ ด้วยการปล่อยให้มีการนำ อาหารทะเล น้ำหนักมากกว่า 300,000,000 กิโลกรัม (สามร้อยล้าน) ถูกป่นในราคาถูกๆ รัฐควรต้องกำหนดสัดส่วนโควต้าการจับสัตว์น้ำที่เป็นธรรม เพราะตอนนี้ประมงพาณิชย์ได้โควต้ามากถึง 82% ในขณะที่ประมงพื้นบ้านทั่วประเทศเข้าถึงทรัพยากรได้น้อยกว่าแค่ 18% จึงยังต้องเผชิญกับความยากจน”

Advertisement

ด้าน วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ตั้งแคมเปญ “ก่อนปลาทูจะหมดไทย ขอเร่งบังคับใช้กฎหมายเลิกจับสัตว์น้ำวัยอ่อน” ผ่านเว็บไซต์ change.org เพื่อเรียกร้องให้ประเทศไทยหยุดซื้อ หยุดจับ หยุดกินสัตว์น้ำวัยอ่อน ช่วยกันส่งเสียงเพื่อให้รัฐบาลเร่งบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.การประมง ปี 2558 มาตรา 57 “ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำหรือนำสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดขึ้นเรือประมง”

“ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเรามีผลผลิตปลาทูปีละแสนกว่าตัน แต่ 4-5 ปีหลัง ลดฮวบฮาบเหลือหมื่นกว่าตันต่อปี ปลาทูไทยหายไป เราไปพบสิ่งหนึ่งที่น่าตกใจคือ ผลการจับสัตว์น้ำขนาดเล็กถูกรายงานเป็นผลการจับที่สูงที่สุดของบรรดาสัตว์น้ำทุกชนิด”

ทุกฝ่ายต้องมาร่วมกัน ทั้งชาวประมง ผู้ซื้อ ผู้ขายคนกลาง และผู้บริโภค ต้องตระหนักเรื่องนี้ และภาครัฐไม่ควรโยนภาระให้ชาวประมง ในฐานะผู้ผลิต ผู้บริโภคไม่ซื้อเท่านั้น

Advertisement

แต่ต้องบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.การประมง ปี 2558 ที่มีกำหนดขนาดสัตว์น้ำวัยอ่อนทันที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image