ผู้เขียน | ทีมข่าวเฉพาะกิจ |
---|
วันนี้ปฏิทินไทยระบุวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2565
ครบรอบปีที่ 90 ของประชาธิปไตยในแดนสยามหลังคณะราษฎรเลือกเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่ในวันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475
นับจากวันนี้ ประชาชนไทยได้ลิ้มรสชาติของการเมืองการปกครองรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่าประชาธิปไตย
ครึ่งใบบ้าง เดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง มูนวอล์กบ้าง สะดุดหกคะเมนตีลังกาบ้าง
ในวันที่ยัง “ไม่ตั้งมั่น” 99.99% ดังเช่นที่รัฐบาล คสช. เอ่ยอ้าง
พลเมืองไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หันมาสนใจประวัติศาสตร์การเมืองจนกลายเป็นปรากฏการณ์สำคัญของวงการหนังสือ
9 ทศวรรษที่ ผ่านพ้น “สำนักพิมพ์มติชน” ยืนหยัดฟากฝั่ง “คนส่วนใหญ่” เผยแพร่หนังสือใหม่รอวันประชาธิปไตยผลิบานอย่างมีความหวัง
ทหารเรือกบฏ ‘แมนฮัตตัน’ ฉบับปรับปรุงใหม่
ผนวกบันทึกจากจอมพลถึงคนสามัญ
นับเป็นหนังสือเล่มคลาสสิกที่ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ.2529 สำหรับ ทหารเรือกบฏ “แมนฮัตตัน” ผลงาน นิยม สุขรองแพ่ง เล่าเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญของไทย เมื่อคณะกู้ชาตินำโดยนายทหารเรือหนุ่มก่อการจี้จอมพล ป. พิบูลสงครามนายกรัฐมนตรี เป็นตัวประกันเพื่อต่อรองให้รัฐบาลเวลานั้นออกจากอำนาจ ทว่าฝ่ายรัฐบาลกลับใช้กำลังทหารและตำรวจตอบโต้อย่างรุนแรงจนนำไปสู่การปะทะนองเลือดท้ายสุดฝ่ายคณะกู้ชาติพ่ายแพ้ กองทัพเรือถูกลดอำนาจและบทบาท ขณะที่รัฐบาลรัฐประหารสามารถสถาปนาอำนาจเผด็จการโดยมีกองทัพบกเป็นขุมกำลังสำคัญอยู่ยงต่อมาหลายทศวรรษ
ล่าสุด สำนักพิมพ์มติชนนำมาพิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่ 2 ใน พ.ศ.2565 เพิ่มภาคผนวกต่างๆ พร้อมด้วยบทบรรณาธิการ โดย นริศ จรัสจรรยาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์คณะราษฎร บอกเล่าถึงเอกสารเกี่ยวกับกรณี “กบฏแมนฮัตตัน” อย่างน่าสนใจ ทั้งยังขยายแง่มุมต่างๆ เกี่ยวกับกบฏแมนฮัตตัน และภาคผนวกบันทึกของผู้ร่วมเหตุการณ์ตั้งแต่ระดับจอมพลถึงคนสามัญ
นับเป็นหนังสือสารคดีประวัติศาสตร์การเมืองที่อ่านง่าย ครบถ้วนรอบด้านใน 528 หน้า ออกแบบปกใหม่ให้ยิ่งน่าสะสม
‘ปฏิวัติที่ปลายลิ้น’ ปรับรส แต่งชาติ อาหารการกิน
ในสังคมไทยหลัง 2475
อีกเล่มใหม่ต้องลองลิ้ม คือผลงานที่บอกเล่าถึง
การต่อสู้และต่อรองความหมายทางการเมืองด้านรสชาติที่ถูกแฝงไปยังปลายลิ้น หลังการปฏิวัติ พ.ศ.2475 คณะราษฎรได้นำแนวคิดโภชนาการใหม่เข้ามาปะทะประสานกับการเมืองสมัยใหม่ ผลักดันให้ประชาชนหันมาใส่ใจกับการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งการส่งเสริมอาชีพและอุตสาหกรรมด้านอาหาร ความสำเร็จของการปฏิวัติที่ปลายลิ้นยังได้นำไปสู่กระบวนการช่วงชิงความหมายและสร้างนิยามมาตรฐานด้านรสชาติอาหารใหม่อีกครั้งของกลุ่มชนชั้นสูงในเวลาต่อมา
เรียกได้ว่า หากกลุ่มใดในสังคมสามารถครองอำนาจนำที่ปลายลิ้นได้ ก็ย่อมสามารถครองอำนาจทางการเมืองวัฒนธรรมในระดับมวลชนได้เช่นกัน
ผลงานคุณภาพของ ชาติชาย มุกสง ที่ไม่เพียงเสนอประเด็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์การเมืองศีลธรรม มรดกของคณะราษฎรที่เป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติ 2475 แต่ยังเชื่อมโยงสู่กระแสโลกภายนอกและระบบเศรษฐกิจทุนนิยม การแย่งชิงอำนาจและบทบาททางการเมืองของชนชั้นสูง
เนื้อหาแข็งแรง ครบถ้วนและสมบูรณ์ ประเด็นย่อยของแต่ละบทสอดคล้อง เชื่อมโยง และเรียบเรียงเป็นลำดับขั้นตอน นำเสนอให้เห็นแง่มุม แนวคิด ตั้งแต่ช่วงหลังปฏิวัติ 2475 จนถึงยุค 2500 มีบทสรุปให้เห็นถึงบริบทในแต่ละยุคสมัย ทั้งยังชวนผู้อ่านตั้งคำถามเพื่อคิดต่อจากประเด็นในเล่ม
ด้วยความที่ผู้เขียนเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญและศึกษาประวัติศาสตร์ด้านอาหารมาอย่างถี่ถ้วน ภายในเล่มยังนำเสนอให้เห็นความสอดคล้องของอาหารที่มากมายทั้งก๋วยเตี๋ยว เนื้อ นม ไข่ น้ำตาล อาหารใต้ อาหารอีสาน และอาหารชาววัง ว่ารสชาติและอาหารการกินเหล่านี้มีนัยทางการเมืองและสัมพันธ์กับอำนาจนำอย่างไร
เป็นเล่มใหม่ที่ต้องชวนลิ้มลองรสชาติของการปฏิวัติที่ปลายลิ้น ก่อนปรับรสปรุงแต่งสู่การกินแบบประชาธิปไตย
‘ราษฎรปฏิวัติ’
ชีวิตและความฝันใฝ่ของคนรุ่นใหม่
ผลงานของ ณัฐพล ใจจริง ที่พาผู้อ่านย้อนอดีตไปหาคนรุ่นใหม่ (ทางความคิด) ในยุคแรกสร้างประชาธิปไตยที่พวกเขาและเธอมีบทบาทส่งเสริมและปกป้องระบอบประชาธิปไตยอย่างแข็งขัน ผ่านการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ การอ่าน เขียน และเที่ยวในงานฉลองรัฐธรรมนูญอันแฝงด้วยนัยสำคัญทางการเมือง เป็นบทบันทึกยุคสมัยคณะราษฎรในอีกรูปแบบที่จะทำให้หวนกลับมานึกถึงคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันด้วยความหวังว่าเรื่องราวของสามัญชนผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามในหน้าประวัติศาสตร์จะได้รับการจดจำเช่นเดียวกับเรื่องราวของบุคคลสำคัญ
“ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร”
ถ้อยคำที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญ “ราษฎร” ในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยหลังการปฏิวัติ 2475 อันเป็นสิ่งที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่เคยมีให้ได้
เหล่าราษฎรโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยุคนั้นอยู่ในบรรยากาศแห่งเสรีภาพ นั่นทำให้พวกเขาและเธอมีจิตวิญญาณที่เสรี ตระหนักถึงความสำคัญต่อการมีอยู่ของประชาธิปไตย
ชวนอ่านเรื่องราวคนรุ่นใหม่ยุคคณะราษฎรโดยเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบัน ชี้ให้เห็นบทบาทสามัญชน-คนรุ่นใหม่อย่างแจ่มชัด
เป็น 3 เล่มเข้มข้นบนประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่คนรุ่นทั้งเก่า-กลาง-ใหม่ต้องอ่าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘สยาม’ยังไม่ตาย สัญชาติมาเลย์ เลือดเนื้อเชื้อไทย สุโขทัยในรัฐกลันตัน ‘ออริจินัลทางวัฒนธรรม’
- คนตกสีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง : เอาแล้วไง ส.ว. คนใหม่เป็น ‘สาวแกล’
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. ธงชัย วินิจจะกูล ปาฐกถาพิเศษ ‘สังคมไทยกับพลวัต 2475’
- ชี้เป้า-เล่าเรื่องคณะราษฎร เป่าเค้ก ‘92ปีอภิวัฒน์สยาม’ ลั่น 2 ขั้วอุดมการณ์ยังงัดกันไม่จบ