‘พระสมเด็จจิตรลดา’ จากพระหัตถ์ กับคำสอน ร.9 ถึง ‘วสิษฐ เดชกุญชร’

ในยุคหนึ่งสมัยที่ตำรวจ ทหาร รบกับคอมมิวนิสต์ในประเทศ และมีบางส่วนต้องออกไปสู้รบนอกประเทศ

เวลานั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้สร้าง พระสมเด็จจิตรลดา หรือ พระกำลังแผ่นดิน ขึ้นเพื่อเป็นขวัญเเละกำลังใจ

พระสมเด็จจิตรลดา หลายพันองค์มอบต่อจากพระหัตถ์ ถึงมือทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และพลเรือน

พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้าตำรวจราชสำนักประจำ ผู้เคยติดตามเสด็จอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันเป็นรองประธานที่ปรึกษา บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระสมเด็จจิตรลดาจากพระหัตถ์ เช่นกัน

Advertisement
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร

วสิษฐเล่าว่า พระสมเด็จจิตรลดา เป็นพระผง ทรงสามเหลี่ยมเหมือนพระนางพญา มี อ.ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ศิลปากร จะเรียกว่าเป็นช่างประจำวังก็ได้ เป็นคนเเกะพิมพ์ถวาย แล้วในหลวง ร.9 ทรงผสมส่วนประกอบด้วยพระหัตถ์ทุกองค์ ที่จำได้ส่วนประกอบของพระองค์นี้มี ผงดินจากโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองไทยทุกแห่ง มีดินจากสังเวชนียสถานต่างประเทศที่มีคนส่งมาให้พระองค์ท่าน มีดอกไม้ที่ประชาชนถวายและนำไปถวายพระ พอแห้งเอามาป่นเป็นส่วนผสมเพราะฉะนั้นพระองค์นี้คือศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อพระองค์ท่าน
“ที่สำคัญที่สุดทุกองค์ จะมีเส้นพระเจ้า หรือเส้นผมของพระองค์ท่านอยู่ด้วย ผสมด้วยกาวลาเท็กซ์ยึดมวลสารเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้วกดด้วยพระหัตถ์ ประมาณ 2,000 องค์ ของผมเป็นองค์ที่ 243” ซึ่งเเต่ละองค์จะมีใบกำกับพระมาด้วย

เหตุการณ์วันที่ได้รับพระสมเด็จจิตรลดา ในคืนหนึ่ง ของปี 2510 เป็นเหตุการณ์ที่วสิษฐไม่มีวันลืม

“ไม่ได้คาดฝันมาก่อน วันนั้นหลังได้เข้าไปรับพระราชทานเลี้ยงที่วังไกลกังวลเสร็จแล้วกำลังจะออกจากวัง มีนางสนองพระโอษฐ์วิ่งมาบอกว่านายตำรวจที่ยังไม่ได้พระ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้รออยู่ก่อนให้ขึ้นไปเฝ้าฯ”

Advertisement

“ปกติพระจิตรลดาต้องขอไม่ขอท่านไม่ให้ วันนั้นมีตำรวจที่ยังไม่ได้รับพระราชทาน 8 คน รวมผม แล้วขณะที่กำลังจะเข้าไปเฝ้าฯบนพระตำหนักเปี่ยมสุข มีทหารเรือ อยู่สำนักตรวจอากาศทราบข่าวมาด้วยเลยได้ไปอีกองค์ พระองค์ท่านทรงวางพระลงบนฝ่ามือให้ทีละคน ตอนรับพระราชทานผมรู้สึกว่าพระร้อนจนเกือบวาง ตอนหลังได้มาถามว่าพระองค์ท่านเอาพระเข้าเตาอบมาก่อนหรือเปล่า พระองค์ท่านบอกว่า ‘ไม่มีอะไรเลย ฉันปั๊มด้วยมือแล้วก็เอามาให้’ แสดงว่าพระนี้มีพลังมาก”

หลังจากที่ได้รับพระราชทานแล้วทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า

“พระที่ให้ไปนะ ก่อนจะเอาไปบูชา ให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อเตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว”

วสิษฐยังเล่าอีกว่า ขณะที่รับพระสมเด็จจิตรลดายังไม่ได้เป็นตำรวจพระราชสำนัก ยังอยู่นอกวังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ปีนั้นเป็นปีที่หนักหนาสาหัสมาก ผมทะเลาะกับกรมตำรวจ เพราะผมเขียนบทความวิจารณ์ตำรวจ เขาหาว่าไปวิจารณ์ เลยถูกตั้งกรรมการสอบสวนไม่ให้เงินเดือนขึ้น

“ปีถัดมาเดือนเมษายน 2511 ได้เฝ้าฯพระองค์ท่านอีกครั้งเเละได้ร่วมโต๊ะเสวยด้วย พอเสวยเสร็จกำลังจะเสด็จขึ้นผมก็ลงกราบที่โต๊ะ และกราบบังคมทูลว่าขอพระราชทานอย่างหนึ่ง ท่านก็ถามว่า ‘จะเอาอะไร’ ผมก็ขอพระราชทานปิดทองหน้าพระ เพราะพระที่ท่านพระราชทานท่านบอกก่อนเลยให้ปิดทองหลังพระเท่านั้น เพื่อจะให้รู้ว่าจะทำความดีไม่ต้องอวดคนอื่น แต่ผมดันทะลึ่งไปขอปิดทองหน้าพระจะได้ขึ้นเงินเดือน ได้ขั้นกับเขาบ้าง พระองค์ท่านก็รับสั่งตอบทันทีว่า”

“ปิดข้างหลังให้เยอะๆ มันจะล้นออกมาข้างหน้าเอง” เป็นคำสอนของพระองค์ท่านที่วสิษฐ จดจำได้จนถึงทุกวันนี้

ถึงวันนี้เเม้ไม่มีพระองค์ท่านอยู่เเล้ว เเต่ทุกพระราชดำรัส ทุกพระราชกรณียกิจยังคงอยู่

“พวกเราทุกคนต้องถือเอาเป็นมรดกที่รับพระราชทานมาแล้วใช้ต่อ คือใครทำหน้าที่อะไรก็ทำไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือพ่อค้าต้องทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเหมือนที่พระเจ้าอยู่หัวทรงทำ เสียใจก็เสียใจแต่ไม่ควรจะมานั่งเสียใจเฉยๆ แต่คิดถึงพระองค์ท่านแล้วต้องเจริญตามรอยพระยุคลบาทให้ได้”

“ผมก็ตั้งใจเช่นกันว่าในช่วงเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก่อนที่ผมจะไม่อยู่แล้ว ถ้าทำอะไรที่ถวายพระเจ้าอยู่หัวได้ ผมจะทำถวายต่อไปเหมือนพระองค์ยังทรงอยู่กับเรา

พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image