จิตอาสาหลั่งไหล สู่…’สนามหลวง’

การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ขณะเดียวกันองค์การระหว่างประเทศรวมถึงประมุขของหลายชาติต่างแสดงความเสียใจที่โลกได้สูญเสียกษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดตลอดการครองราชย์ 70 ปี

นับตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างมีปลายทางเดียวกันคือท้องสนามหลวงเพื่อถวายบังคมพระบรมศพ และแม้ว่าต้องใช้เวลารอนานหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่ปรากฏภาพความย่อท้อให้เห็นแม้แต่น้อย

ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้า เราได้เห็นน้ำใจที่คนไทยเอื้อเฟื้อต่อกัน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงประชาชนต่างนำอาหาร เครื่องดื่ม มาแบ่งปันกัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ช่วยบรรเทาบรรยากาศความเศร้าและความเหนื่อยล้าได้

จิตอาสาสนามหลวง

Advertisement

 

 

 

Advertisement

นวดผ่อนคลาย แบ่งปันความสบายอย่างทั่วถึง

เนื่องจากมีประชาชนเดินทางมาสักการะพระบรมศพวันละหลายหมื่นคน นั่นย่อมทำให้เกิดความเมื่อยล้าระหว่างรอได้ ผู้ประกอบการหลายรายจึงชักชวนพนักงานในร้านมาให้บริการนวดฟรี

เช่น วิสาหกิจสุขภาพชุมชน ที่ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม จัดโครงการคืนคนดีสู่สังคม ด้วยการให้ผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ มานวดบริการพี่น้องประชาชนแก้ปวดเมื่อย โดยใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น

นพ.พูลชัย จิตอนันตวิทยา ประธานฝ่ายการแพทย์ วิสาหกิจสุขภาพชุมชน อธิบายว่า ผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจะได้รับการฝึก การเรียน วิชานวดจากวิสาหกิจสุขภาพชุมชนก่อนมาให้บริการประชาชน เบื้องต้นจะให้บริการจนครบ 100 วัน

“สิ่งหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้พูดถึงเมื่อกล่าวถึงพระคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 ก็คือพระองค์ท่านได้พระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังในวาระโอกาสต่างๆ โดยโครงการในครั้งนี้ชื่อว่า SHE (Social Health Enterprise) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาให้บริการบำบัดอาการปวดหลัง บ่า ไหล่ คอ กับทุกท่านที่มาต่อคิวในวันนี้ เราออกแบบท่ากดจุดใหม่ในครั้งนี้ใช้เวลา 5 นาที แล้วโล่งทั้งตัว” นพ.พูลชัยกล่าว

ส่วน น.ส.ธนพร ศรีมังกร เจ้าของร้านธนพรนวดไทย ย่านวังหลัง พร้อมพนักงานในร้าน ก็ตั้งใจมาให้บริการนวดประชาชนที่มาแสดงความอาลัยเเละถวายบังคมพระบรมศพ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

จิตอาสาสนามหลวง

เสริมแรงกาย สร้างแรงใจ ด้วยหน่วยแพทย์อาสา

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ เอกชน และองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ จัดบริการทางการแพทย์ทั้งภาวะปกติและกรณีเหตุวิกฤตทางการแพทย์ ดูแลประชาชนที่เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพและทำกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยปฐมพยาบาล ได้เพิ่มกำลังเปลสนามและเจ้าหน้าที่เดินเท้าจากกรมแพทย์ทหารบก สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม สำนักอนามัย กทม. และมูลนิธิฯ เสริมกำลังหน่วยปฐมพยาบาลเคลื่อนที่ ส่วนจุดบริการปฐมพยาบาลยังคงไว้ 12 จุดและเพิ่มจำนวนทีมและบุคลากรในทุกจุด บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ สนามหลวงฝั่งเชิงสะพานปิ่นเกล้า บริเวณกองอำนวยการ กทม. ฝั่งพระบรมมหาราชวัง ฝั่งศาลฎีกา ตรงข้ามวัดมหาธาตุฯ ประตูวิเศษไชยศรี ท่าช้าง ข้างกระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง ศาลาสหทัยสมาคม และโรงพยาบาลสนามกองทัพบก โดยมีบริการทั้งผู้ป่วยฉุกเฉิน/อุบัติเหตุ/เจ็บป่วยทั่วไป พร้อมทีมเยียวยาด้านจิตใจ

ตั้งแต่การปฐมพยาบาลแจกยาดมแอมโมเนีย ทำแผล วัดความดันโลหิต ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งประชาชนที่มารับบริการมีอาการหลากหลาย อาทิ เป็นลม ตะคริว อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เวียนศีรษะ ท้องเสีย อาการไข้สูง อุบัติเหตุ ปวดท้อง อาเจียน หน้ามืด แน่นหน้าอก ให้บริการปฐมพยาบาลด้านจิตใจ ผู้ปฏิกิริยาโศกเศร้า เครียด ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ลมชัก ควรนำยาประจำตัวติดตัวไปด้วย พร้อมเขียนรายละเอียดโรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ ยาที่แพ้ เบอร์ติดต่อญาติ เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้รักษากรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน

มีหน่วยงานที่ร่วมจัดบริการจำนวน 33 หน่วยงาน จากสังกัดโรงเรียนแพทย์ กระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร แพทยสภา องค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย

นอกจากนี้ทางแพทยสภายังจัดจุดบริการทางการแพทย์ประชาชน โดยระดมแพทยอาสาจากสังกัดต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ แพทยอาสา มูลนิธิ พอ.สว. จากคณะแพทยศาสตร์ต่างๆ 21 มหาวิทยาลัย จากสังกัดภาครัฐและเอกชน ช่วยกันหมุนเวียนให้บริการประชาชนถวายเป็นพระราชกุศล

จิตอาสาสนามหลวง

บริการครบวงจรจาก ‘พม.เพื่อพ่อหลวง’

ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดตั้งจุดบริการประชาชน “พม.เพื่อพ่อหลวง” ในพื้นที่บริเวณสนามหลวงฝั่งตรงข้ามวัดมหาธาตุ เพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายของ พม. อาทิ เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมต.พม. บอกว่า “พม.เพื่อพ่อหลวง” จะมีการให้บริการต่างๆ แก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานดังกล่าว บริการจัดทำป้ายข้อมูลเด็กคล้องข้อมือเพื่อช่วยเหลือเมื่อพลัดหลงกับผู้ปกครอง บริการดูแลเด็กพลัดหลงก่อนส่งคืนผู้ปกครอง บริการให้คำปรึกษาแนะนำ บริการรถเข็นนั่งสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ (วีลแชร์) บริการแจกฟรีพร้อมสาธิตวิธีการทำ ได้แก่ ยาดม ยาหม่อง และริบบิ้นดำ บริการถุงผ้าใส่ของ บริการตัดผมชาย-หญิงฟรี และรับบริจาคเสื้อผ้าเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อนำมาย้อมสีดำสำหรับแจกจ่าย เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม

จิตอาสาสนามหลวง

ขับกล่อมเพลงพระราชนิพนธ์

สะท้อนพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี

ส่วนใครที่ผ่านเข้าออกทางฝั่งท่าช้าง จะได้ยินบทเพลงพระราชนิพนธ์ดังแว่วมาแต่ไกล ทั้งใกล้รุ่ง ลมหนาว ชะตาชีวิต แสงเดือน แสงเทียน ยามเย็น ฯลฯ

นั่นเพราะบริเวณกำแพงมหาวิทยาลัยศิลปากร หน้าพระบรมมหาราชวัง มีกลุ่มนักดนตรีแจ๊ซในนาม “สนามหลวงแจ๊สร็อค” ตั้งวงบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ ทั้งเพลงแจ๊ซและบลูส์ได้ไพเราะ และแม้ว่าจะบรรเลงต่อเนื่องหลายชั่วโมงในทุกๆ วัน แต่ใบหน้าของเหล่านักดนตรีก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา โดยมีป้ายเขียนด้วยลายมือความว่า

“ขอน้อมนำบทเพลงราชนิพนธ์ปนเส้นเสียงดนตรีสไตล์บลูแจ๊ซ รวมใจบรรเลงถวายแด่พ่อหลวงด้วยน้อมรำลึกชั่วนิจนิรันดร์”

ธวัช ดาวสวย อายุ 70 ปี อาชีพนักดนตรีและหัวหน้าวง กล่าวว่า ชักชวนสมาชิกมาบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้ประชาชนที่เดินผ่านไปมาได้รับฟังรวมระลึกถึงความมีอัจฉริยภาพด้านดนตรี เหตุที่ตนเลือกเล่นเครื่องดนตรีชนิดแรกคือแซกโซโฟน เนื่องจากมีความไพเราะเป็นอย่างมากและเป็นเครื่องดนตรีที่พ่อหลวงโปรด อีกทั้งตนยังฟังเพลงพระราชนิพนธ์ตั้งแต่เด็ก จึงฝึกฝนเล่นเพลงพระราชนิพนธ์ตั้งแต่ พ.ศ.2512 จากนั้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม จึงนำแซกโซโฟนและไวโอลินมาบรรเลงอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยศิลปากรหลังจากเล่นไปสักระยะหนึ่งจึงมีคนมาร่วมเล่นดนตรีด้วยเป็นประจำ

“ทุกครั้งที่ได้เดินทางมาเล่นบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รู้สึกมีความปลาบปลื้มและภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยและอยู่ในแผ่นดินไทยที่มีพ่อหลวงทรงปกครอง ที่สำคัญที่สุดคือการได้บรรเลงเพื่อถวายแด่พ่อหลวงและอยากให้ประชาชนคนรุ่นหลังได้รู้ถึงเพลงพระราชนิพนธ์ของพ่อหลวงต่อไป” นายธวัชกล่าว

การแสดงของวงสนามหลวงแจ๊สร็อค ดึงดูดให้ประชาชนมายืมชมกันอย่างเนืองแน่น พร้อมถ่ายภาพกลุ่มนักดนตรีด้วยความชื่นชม ขณะที่คนที่เล่นดนตรีคลาสสิกเป็นก็มาร่วมเล่นเพลงอีกด้วย สร้างความประทับใจให้กับประชาชนที่เดินผ่านไปมาอย่างมาก

หลายบทเพลงที่ถูกแสดงผ่านนักดนตรีอิสระกลุ่มนี้ สามารถสะท้อนพระอัจฉริยภาพในฐานะนักดนตรีของพระองค์ท่านได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีบริการชาร์จโทรศัพท์ บริการโทรฟรี ไวไฟฟรี โดยบริษัทมือถือค่ายต่างๆ, บริการห้องน้ำน็อกดาวน์ รถสุขาเคลื่อนที่จากหลายหน่วยงาน, บริการตัดผม และประชาชนรายย่อยที่นำสิ่งของเครื่องใช้ อาทิ ลูกอม ยาดม กระดาษทิชชู่ มาแบ่งปันให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา

และจิตอาสาอีกมากมายที่มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) มีมติว่าแต่ละวันจะมีประชาชนเข้ามาในพื้นที่สนามหลวงประมาณ 130,000 คน และมี 30,000 คนที่ได้เข้าไปถวายบังคมพระบรมศพ ดังนั้นคนที่เหลือจึงเป็นคนที่ไม่ได้เข้ามาถวายบังคมพระบรมศพ หากแต่มาร่วมทำกิจกรรมทาง กอร.รส. จึงขอความกรุณาให้ผู้จัดกิจกรรม อาทิ ตัดผม นวด วาดภาพ สกรีนเสื้อ หรือย้อมผ้าในสนามหลวงออกจากพื้นที่ และจะเน้นกิจกรรมที่อำนวยความสะดวกคนที่เข้ามาสักการะ เช่น เรื่องอาหาร เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image