พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินยังประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2503 ยาวนานถึงวันนี้ 56 ปี
วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้าฯให้ ประธานาธิบดีไอเซน อาวร์ เข้าเฝ้าฯเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2503 หนังสือพิมพ์ข่าวสดอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ทรงฉายร่วมกับประธานาธิบดีไอเซนอาวร์มาลงตีพิมพ์ในหน้า 13 วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมช้างจำลองที่ทรงนำไปพระราชทานเป็นของขวัญ
การเสด็จฯเยือนสหรัฐของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชยังความตื่นเต้นและยินดีแก่ชาวอเมริกันจำนวนมาก อันเนื่องมาจากพระองค์เสด็จพระราชสมภพ ณ ประเทศนั้น ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ผู้ที่เกิดในประเทศใด ย่อมมีสัญชาติประเทศนั้นจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ นับได้ว่าพระองค์ทรงเป็นชาวอเมริกันคนหนึ่งในห้วงเวลานั้น
สถานที่หลายแห่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯไปทรงเยี่ยมแห่งหนึ่งคือโรงถ่ายภาพยนตร์ ซึ่งเป็นขณะที่มีการถ่ายทำเรื่อง G.I. Blue ที่ เอลวิส เพรสลีย์ กับ จูเลียส พราวน์ นำแสดง
ระหว่างที่มีพระราชปฏิสันถารกับเอลวิส ชั่วขณะหนึ่งเอลวิสนั่งไขว่ห้างต่อหน้าพระพักตร์ มีภาพปรากฏออกมาในหน้าหนังสือพิมพ์ไทย ปรากฏว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของคนไทยจำนวนไม่น้อย ร้อนถึง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ตามเสด็จต้องออกมาชี้แจงว่ามิได้เป็นการไม่ถวายความเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่อย่างใด หากเป็นการปฏิบัติตามปกติของชาวอเมริกัน พร้อมชี้แจงว่า ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันถารด้วย เอลวิสมีท่าทีอ่อนน้อมต่อพระองค์ตลอด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนที่เคยเดินทางมาเยือนประเทศไทย ทุกคนต่างได้รับพระมหากรุณาธิคุณเข้าเฝ้าฯทั้งสิ้น
วันนี้น้องหนูคงทราบแล้วว่าใครคือผู้ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ซึ่งจะได้รับการประกาศตัวและเข้ารับตำแหน่ง พร้อมสาบานตนอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้า
ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เชื่อว่าโอกาสแรกผู้เป็นประธานาธิบดีจะเดินทางเข้ามาแสดงความอาลัยและเคารพพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชสมภพ ณ สหรัฐอเมริกา และชาวอเมริกันยกย่องถึงขนาดมีจัตุรัสในนาม “ภูมิพล”
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จขึ้นครองราชย์ไม่นาน นับแต่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 5 พฤษภาคม 2493 นอกจากจะทรงศึกษาการเมืองการปกครองของประเทศไทยและนานาประเทศแล้ว ในอีก 10 ปีต่อมา พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปบนผืนแผ่นดินไทยบางแห่ง จากนั้นจึงเสด็จออกต่างประเทศเพื่อผูกสัมพันธไมตรีกับมิตรประเทศ นับแต่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา จากนั้นได้เสด็จฯไปยังกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐ และประเทศในกลุ่มเอเชีย
เมื่อกลับมายังประเทศไทย เชื่อว่าพระองค์ทรงนำวิชาความรู้และการพัฒนามาสู่ประเทศไทยด้วยการเสด็จพระราชดำเนินไปยังทุกท้องถิ่นทั่วไทย ทรงพบกับพสกนิกรทุกหมู่เหล่าด้วยพระองค์เองเป็นเวลายาวนานถึง 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ครั้งสุดท้ายที่เสด็จออกนอกประเทศคือเมื่อครั้งเสด็จฯ ไปทรงเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ร่วมกับประธานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แล้วประทับค้างแรม 1 คืน
ด้วยเหตุนี้ น้องหนูจึงพบเห็นชาวต่างประเทศไม่ว่าชาติใด โดยเฉพาะผู้มีอายุมากแล้วต่างเดินทางเข้าไปร่วมในพิธีแสดงความอาลัยถึงในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมแต่งกายและติดริบบิ้นไว้ทุกข์ หลายคนกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ดังที่น้องหนูได้ฟังผ่านสื่อมวลชนมาแล้ว
นับเป็นพระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศของพระองค์
ขอบคุณภาพจาก http://www.prdnorth.in.th
