ที่มา | หน้าประชาชื่น, มติชนรายวัน ศุกร์ที่ 23 ก.ย.หน้า 13. |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
ว่างเว้นกันไปตามการรุกโหมของโรคโควิด-19 ทำให้ชาวคณะ “คิง เพาเวอร์ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” หยุดการเดินทางไปสโมสรเลสเตอร์ ที่เมืองเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร หลายปี
กระทั่งปีนี้ ระหว่างวันที่ 7-13 กันยายน ชาวคณะคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย นำคณะสื่อมวลชนไปเยือนสนามเลสเตอร์อีกครั้ง
หากแต่วันเวลาที่เดินทางไปถึง ทุกคนต่างก็พบกับข่าวเศร้า เมื่อทราบว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของสหราชอาณาจักรสวรรคต
วันที่ 8 กันยายน ฟ้าลอนดอนถูกเมฆปิด ฝนเทลงมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ตั้งแต่ทราบพระอาการประชวรกระทั่งถึงข่าวเศร้าสวรรคต
รุ่งขึ้นชาวคณะได้รับแจ้งว่า การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในช่วงวันหยุดต้องเลื่อนออกไป ทำให้การแข่งขันฟุตบอลระหว่างที่เลสเตอร์ ซิตี้ กับ แอสตันวิลลา ต้องเลื่อนออกไปด้วย
แต่ชาวคณะ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ยังคงเดินหน้าเปิดตัวสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ประจำปี 2022
สินค้าที่ใช้ภูมิปัญญาคนไทยมาผสมกับการดีไซน์ของทีมงานออกแบบ เพื่อผลักดันให้ “พลังคนไทย ผงาดอยู่บนเวทีสากล” โดยใช้สโมสรเลสเตอร์ซิตี้เป็นสื่อกลาง
ไอเดียนี้ผลักดันภูมิปัญญาคนไทยนี้เป็นของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ที่ได้รับการต่อยอดโดย “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ คนปัจจุบัน
โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย นี้มีเป้าหมายส่งเสริมพลังคนไทยใน 3 ด้านหลัก ด้านที่หนึ่ง คือ กีฬา SPORT POWER โดยผลักดันโครงการ Fox Hunt คัดเยาวชนนักเตะชาวไทยไปเรียนและฝึกซ้อมที่สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการแจกลูกฟุตบอล 1 ล้านลูก โครงการสร้างสนามฟุตบอลให้โรงเรียนและชุมชน 100 สนามเป็นต้น
ด้านที่สอง คือ ดนตรี MUSIC POWER มีโครงการร่วมมือกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดประกวดวงดนตรี เปิดเวทีให้เยาวชนไทยเข้าร่วมการแข่งขันบนเวทีนานาชาติ เพื่อส่องประกายให้โลกเห็น
ด้านที่สาม คือ ชุมชน COMMUNITY POWER ผลักดันภูมิปัญญาไทยให้เปล่งประกายบนเวทีโลก โดยผลิตสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ทุกปี
หลายปีที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ได้นำภูมิปัญญาจากบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร ภาคอีสานของไทย คือ การใช้เทคนิคการย้อมครามนำไปทำสินค้าคอลเล็กชั่นของที่ระลึกสโมสรเลสเตอร์ และได้รับการขานรับอย่างมาก
หลังจากนั้นภูมิปัญญาจากภาคเหนือ คือ การใช้ผ้าทอตีนจกพื้นถิ่นย้อมสีธรรมชาติ จากชุมชนทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน และกลุ่มทอผ้าตีนจกไทย อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ นำไปอวดโฉมด้วยความสวยงามมีคุณค่า กระทั่งยอดการจำหน่ายที่สโมสรเลสเตอร์ หมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน
แต่แล้วโรคระบาดโควิด-19 ก็เขย่าโลก เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า แต่ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ก็ยังหาจังหวะเวลาที่การระบาดผ่อนคลายลง ผลักดันภูมิปัญญาการย้อมผ้าของชุมชนหมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นของสโมสรเลสเตอร์
กระทั่งมาถึงปีนี้ โลกเริ่มเปิด เพราะคนอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 ได้อย่างไม่หวาดผวา โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จึงค้นหาภูมิปัญญาชาวไทยภาคกลาง คือ กลุ่ม “ไทยทรงดำ” มาผลักดันเป็นผลิตภัณฑ์ คอลเล็กชั่น ภายใต้ชื่อ “THAI SONG DUM”
คอลเล็กชั่น “THAI SONG DUM” (ไทยทรงดำ) เป็นการพัฒนาสินค้าระหว่างบริษัท MULTIPLY BY EIGHT ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการด้านออกแบบชั้นนำในกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ ชาวบ้านชุมชนไทยทรงดำ บ้านดอนมะนาว จังหวัดสุพรรณบุรี
ใช้ระยะเวลาร่วมปีกว่าจะออกมาเป็นคอลเล็กชั่น
ทั้งนี้ ทีมงานของ คิง เพาเวอร์ และ LCFC ได้ลงพื้นที่เข้าไปศึกษาเรียนรู้รายละเอียดต่างๆ กับชุมชน คิดค้นหาวิธีประยุกต์ให้เข้ากับสินค้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ กระทั่งออกแบบมาได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ และเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก
ผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นออกแบบ มีทั้งเสื้อกีฬา และไอเท็มต่างๆ ที่ผลิตออกมาในโทนสีเอกลักษณ์ของคิง เพาเวอร์ และ LCFC นั่นคือ สีคราม สีน้ำเงิน และสีดำ โดยมีลายหน้าจิ้งจอก และโลโก้สโมสร อันเป็นซิกเนเจอร์ของ LCFC มาปรากฏด้วย
สำหรับความเป็นมาของผ้าทอไทยทรงดำ นางขวัญยืน ทองดอนจุย ประธานกลุ่มทอผ้าไทยทรงดำบ้านดอนมะนาว เล่าให้ฟังว่า ผ้าทอของชาวชุมชนไทยทรงดำ หรือลาวโซ่ง ต.ดอนมะนาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี สืบสานองค์ความรู้มาจากบรรพบุรุษชาวเมืองแถงเคียนเบียนฟู ประเทศเวียดนามที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในไทย ในสมัยธนบุรี รัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 3 ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี พอมาสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนหนึ่งอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดอื่นๆ อาทิ ราชบุรี นครปฐม นครสวรรค์ พิจิตร สุโขทัย สุพรรณบุรี เป็นต้น โดยชาวไทยทรงดำใน จ.สุพรรณบุรี ได้ย้ายมาอาศัยที่บ้านดอนมะนาวเมื่อราวปี พ.ศ.2443
“วันนี้ยังคงนำภูมิปัญญาด้านทอผ้า ย้อมผ้า มาใช้ เพื่อทำเครื่องแต่งกายให้คนในครอบครัวตามเอกลักษณ์ของชนเผ่าจวบจนปัจจุบัน ในฐานะตัวแทนของชาวชุมชนไทยทรงดำ บ้านดอนมะนาว สมาชิกในกลุ่มและเครือข่าย รู้สึกปลื้มใจ และภาคภูมิใจ ที่มีส่วนร่วมในการแสดงฝีมือและภูมิปัญญาของชาวไทยทรงดำในคอลเล็กชั่นของคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย จนได้ส่งออกไปจำหน่ายในระดับโลก ชาวบ้านดอนมะนาวทุกคนตั้งใจทำงานนี้เพื่อให้ลวดลายไทยบนทุกชิ้นงาน ได้เผยแพร่ความงดงามจากงานฝีมือไทยทรงดำไปสู่สายตาคนทั่วโลก”
ผ้าทอดอนมะนาว เป็นผ้าทอมือจากฝ้ายแท้ ทอด้วยกี่พุ่งแบบโบราณ หรือกี่กระตุก ย้อมด้วยสีธรรมชาติ มีสีพื้นเป็นสีดำ หรือสีคราม (ย้อมเย็น) และเปลือกไม้ต่างๆ หรือย้อมนิล (ย้อมร้อน) ซึ่งเป็นกระบวนการย้อมธรรมชาติ
นางขวัญยืนบอกว่า เหตุที่ผ้าของชาวไทยทรงดำต้องเป็นสีดำหรือสีคราม เนื่องจากชาวไทยทรงดำส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร มีวัฒนธรรมการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสื้อผ้าที่สวมใส่ และผ้าคลุมไหล่ ส่วนใหญ่จะมีสีดำเป็นสีพื้น เพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิตของเกษตรกร
ลายในการทอยังมีความหมายสะท้อนถึงชีวิต การดำรงอยู่ของคู่ครอง และเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
ตามกำหนดการเดิมนั้น จะเปิดตัวของที่ระลึกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประจำปี 2022 LCFC x Community Power ภายใต้ชื่อคอลเล็กชั่น THAI SONG DUM นี้ที่สนามกีฬา คิง เพาเวอร์ เมืองเลสเตอร์ในวันแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมเลสเตอร์ ซิตี้ กับทีมแอสตันวิลลา
แม้การแข่งขันจะเลื่อนออกไป แต่กำหนดการเปิดตัวก็คงเหมือนเดิม แต่ได้ย้ายสถานที่จากสนามฟุตบอล คิง เพาเวอร์ มาอยู่ที่สนามฝึกซ้อม สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ แห่งใหม่ ชื่อ “ซีเกรฟ” เมืองเลสเตอร์ บรรดาคณะสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทางไปครั้งนี้จึงมีโอกาสได้ชมความอลังการของสนามฝึกที่ถือว่าดีติดอันดับ 1 ใน 10 ของยุโรป
สนามฝึกดังกล่าว ประกอบด้วย อาคารวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นศูนย์กลางของศูนย์ฝึกซ้อม อาคารคิงเพาเวอร์ เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์ที่มีสถาปัตยกรรมรูปโดม พร้อมสนามหญ้าเทียมในอาคาร สนามแข่ง 1 สนาม
สนามฝึกซ้อม 21 สนาม สนามกอล์ฟส่วนตัว 9 หลุม ระบบวิทยาศาสตร์การกีฬา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ทันสมัย ศูนย์ฟิตเนส และระบบวารีบำบัดฟื้นฟูร่างกาย พร้อมทั้ง สปอร์ต เทิร์ฟ อะคาเดมี่ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัย และศูนย์การเรียนรู้ เพื่อศึกษา และพัฒนานวัตกรรมการจัดการสนามหญ้าสำหรับการแข่งขัน
นายอัยยวัฒน์ เดินทางมาให้การต้อนรับ และเล่าให้ฟังว่า สนามฝึกแห่งนี้รับเด็กอายุตั้งแต่ 9 ขวบยันผู้ใหญ่ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลร้อยกว่าคน ถือเป็นสนามซ้อมฟุตบอลที่ทันสมัย มีความพร้อมที่สุด โดยได้รับเยาวชนทั่วอังกฤษ และทั่วยุโรปสนใจที่จะมาอยู่ และเข้ามาฝึก ถือเป็นการลงทุนแบบนี้ ลองเทอม นั่นคือ ใช้วิธีปั้นเด็กขึ้นมาเป็นนักเตะ แทนการทุ่มซื้อตัวนักเตะหมือนทีมอื่นทำ
สำหรับโครงสร้างของอาคารได้ออกแบบให้สอดรับกับวัตถุประสงค์ นายอัยยวัฒน์เล่าว่า ถ้ามองโครงสร้างตึกจากด้านบนจะเห็นว่าเขาออกแบบให้เหมือนจิ้งจอก จะมีฝั่งอคาเดมี่ที่รับเด็กตั้งแต่ 9 ขวบไล่มาจนถึงเฟิร์สททีม
“ถ้าคุณอยู่ฝั่งอคาเดมี่จะข้ามมาฝั่งเฟิร์สททีมไม่ได้ ถ้าอยากประสบความสำเร็จในชีวิตการค้าแข้งต้องผลักดันให้ตัวเองข้ามมาอยู่ฝั่งนี้ให้ได้” นายอัยยวัฒน์เล่าถึงเทคนิคการจูงใจ
นอกจากนี้ การตกแต่งภายในห้องแต่งตัวของนักเตะแต่ละรุ่น ตั้งแต่อายุ 12 ปี อายุ 15 ปี อายุ 18 ปี อายุ 21 ปี และอายุ 23 ปีก็ไม่เหมือนกันเลย ห้องเด็ก 9 ขวบจะแย่สุด พอได้รับการคัดเลือกให้เข้าสู่ U12 ห้องก็จะดีขึ้น ทำให้เห็นความแตกต่างว่า หากเข้าใกล้ความเป็นนักเตะอาชีพมากเท่าไหร่ก็จะพบความเปลี่ยนแปลงที่ดีมากขึ้นเท่านั้น
อีกสถานที่หนึ่งน่าสนใจ คือ โรงอาหาร เขาสร้างให้ทุกคนมากินรวมกัน ทุกทีมสามารถเจอกันได้ แต่ฝั่งอคาเดมี่ข้ามมานั่งฝั่งเฟิร์สททีมไม่ได้
ตอกย้ำให้รู้ว่าหากจะข้ามมาต้องพยายามที่จะผันตัวเองเข้าสู่นักเตะอาชีพ
ส่วนราคาค่าก่อสร้างสนามฝึกดังกล่าว นายอัยยวัฒน์ไม่บอกตัวเลข เพียงแค่เอ่ยถึงค่าตัวของ แฮร์รี แม็กไกวร์ อดีตกองหลังทีมเลสเตอร์ที่ปัจจุบันไปอยู่ทีมแมนยูฯ
เดินชมสนามฝึกซ้อมขนาดใหญ่เป็นที่หอมปากหอมคอแล้ว นายอัยยวัฒน์เข้าสู่การเปิดตัวสินค้าที่เป็นของที่ระลึกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประจำปี 2022 LCFC x Community Power ภายใต้ชื่อคอลเล็กชั่น THAI SONG DUM
นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า คิง เพาเวอร์ เป็นบริษัทของคนไทย มีความมุ่งมั่นดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย มาอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม 3 ด้านหลัก ได้แก่ SPORT POWER, MUSIC POWER และ COMMUNITY POWER นำไปสู่โครงการเพื่อสังคมตั้งแต่ระดับบุคคล ชุมชน ประเทศชาติ จนถึงระดับสากล
การเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ครั้งนี้ เป็นกิจกรรมในด้าน Community Power ที่เห็นความสำคัญของสินค้าไทย และต้องการที่จะสนับสนุนความสามารถของคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์กับชาวต่างชาติ ตลอดจนสืบสานวิถีชีวิต และอนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้านในภูมิภาคต่างๆ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
สินค้าที่เปิดตัวครั้งนี้มี 7 ประเภท ได้แก่ เสื้อยืดปักมือ, เสื้อยืดย้อมฮ่อม รุ่น Limited Edition, แจ๊กเก็ตสไตล์มินิมอล รุ่น Limited Edition เพียง 200 ตัวในโลก, กระเป๋าคาดเอว, หมวกแก๊ปผ้าฝ้ายทอมือย้อมคราม, พวงกุญแจนำโชค และลูกบอลผ้าฝ้ายทอมือย้อมคราม
เสียดายที่วันเปิดตัวสินค้าไม่มีการแข่งขันฟุตบอล แต่ถ้าเอาประสบการณ์หลายครั้งที่เคยประสบมาจากการเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ที่โชว์ภูมิปัญญาคนไทย
เชื่อว่า เมื่อสินค้าล็อตนี้วางขาย อีกไม่นานก็จะหมดแผงอย่างรวดเร็วเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา