หนาและหนัก ทั้งจำนวนหน้าและข้อมูลอันเข้มข้นตลอด 679 หน้า
สำหรับ MORE เปิดประวัติศาสตร์เศรษฐกิจหมื่นปี ผลงาน
Philip Coggan
แปลโดย พลอยแสง เอกญาติ
จากต้นฉบับในชื่อ MORE : The 10,000 Year Rise of the World Economy
ไม่ต้องขยี้ตาซ้ำ อันดับก็ย้ำชัดว่า ติด Top 10 หนังสือขายดีประจำบูธสำนักพิมพ์มติชน ในมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่เพิ่งจบลงหมาดๆ
เป็นอีกเล่ม (กึ่ง) วิชาการที่สะท้อนความสนใจของผู้อ่านยุคปัจจุบันว่าไม่ได้อ่านหนังสือแค่ปีละ 8 บรรทัดอย่างวาทะยั่วล้อจากภาพยนตร์ดังอีกต่อไป
20 ตุลาคมที่ผ่านมา เวทีกลาง คึกคักด้วยผู้คนที่มารอฟังเลคเชอร์ ‘ปรับ’ เมื่อโลก ‘เปลี่ยน’ บทเรียนจากเศรษฐกิจโลกหมื่นปี โดย ธนสักก์ เจนมานะ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ขุดลึกต้นกำเนิด คำถามโดยธรรมชาติ ‘เศรษฐกิจเกิดขึ้นได้อย่างไร?’
ธนสักก์ กล่าวว่า หนังสือ MORE เล่าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจหมื่นปี คำถามที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติคือ จุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจเกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบคือ ระบบเศรษฐกิจไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน ก็อยู่รอบตัวเราเสมอเมื่อมีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น กล่าวคือ เมื่อไรที่มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กันไม่ว่าในเชิงสังคม การเมือง การแลกเปลี่ยนทั้งหมดนี้เป็นระบบเศรษฐกิจทั้งหมด คือระบบที่สังคมสร้างขึ้นมาเพื่อจัดสรรทรัพยากรเพื่อการผลิต กระจายสินค้าและบริการต่างๆ เช่นในอดีต ตั้งแต่สมัยหมื่นปีที่แล้วระบบเศรษฐกิจของมนุษยชาติ คือ ระบบ hunters-gatherers (หาของป่า-ล่าสัตว์) ซึ่งเป็นระบบที่มนุษย์ไม่ได้อยู่เป็นหลักแหล่ง เก็บพืชผักผลไม้ตามป่าไปเรื่อยๆ และมีการแลกเปลี่ยนกันระหว่างชนเผ่า จนเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจมาเป็นแบบเกษตรกรรม เริ่มมีการทำไร่ทำสวนและทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ได้
“เราจะเห็นว่าระบบเศรษฐกิจ เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงเสมอ และขึ้นอยู่กับว่าสังคมยุคนั้นมีภาพลักษณ์อย่างไร ระบบการผลิตเป็นอย่างไร มีการกระจายสินค้าและบริการอย่างไร เราจะเห็นว่าระบบเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์กับโครงสร้างทางสังคมและการเมือง โดยระบบเศรษฐกิจก็สะท้อนสังคมมนุษย์ ว่าในแต่ละยุคมีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นบ้าง กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจที่โตขึ้นในยุคก่อนจำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ซับซ้อนขึ้น การแลกเปลี่ยนจำเป็นที่จะต้องมีภาษา พัฒนาการทางด้านการเขียนและการตีพิมพ์ ทั้งหมดนี้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนไปเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม การพัฒนาของรัฐบาล การพัฒนาของระบบกฎหมาย ระบบการศึกษาที่เท่าเทียมมากขี้น เป็นความจำเป็นอย่างมากในการที่จะทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้” ธนสักก์อธิบาย
(ปลดล็อก)‘ปฏิวัติอุตสาหกรรม’ รายได้ประชากรโลกโตขึ้น 10 เท่า
ธนสักก์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ วิวัฒนาการทางสังคม เช่น การเกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เกิด
ไอเดียใหม่ๆ ขึ้น เกิดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ปลดล็อกการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม
“คำถามที่นักประวัติศาสตร์และนักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจถามบ่อยมาก เช่น ทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมจึงเกิดขึ้นที่อังกฤษ ทำไมจึงเกิดขึ้นที่ยุโรปก่อนเมื่อเปรียบเทียบกับเอเชีย เพราะหากเราดูระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ ระดับความซับซ้อนในด้านความสัมพันธ์ในการแลกเปลี่ยนในตลาด เราจะเห็นว่า จริงๆ แล้ว เอเชียกับยุโรปในยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม มีการพัฒนาอยู่ในระดับใกล้ๆ กัน มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนพอๆ กัน คำถามคือว่าทำไมการปฏิวัติอุตสาหกรรมถึงเกิดขึ้นที่ยุโรป และทำไมเกิดที่อังกฤษ นี่เป็นวิวัฒนาการทางสังคมที่นำไปสู่วิวัฒนาการทางเศรษฐกิจ” ธนสักก์ระบุ
สำหรับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถือเป็นก้าวที่ใหญ่ที่สุด หมายถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่คงอยู่และเราเห็นกันในทุกวันนี้ ธนสักก์เผยว่า คงไม่พ้น ‘การปฏิวัติอุตสาหกรรม’ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ หากเราดูรายได้ของประชากรต่อคนทั่วโลกจะเห็นว่า ตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติอยู่ในระดับที่ต่ำมากตลอด และอยู่ๆ ก็พุ่งสูงขึ้น และมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ โดยนักประวัติศาสตร์เศรษฐกิจเรียกสิ่งนี้ว่า history’s hockey stick นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และจุดเริ่มต้นของทุนนิยม
“เราจะพบว่า เมื่อเราเปรียบเทียบก่อนและหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ประชากรโลกเติบโตขึ้น 10 เท่า ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 จนถึงปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน รายได้ต่อหัวของประชากรโลกก็ได้เติบโตขึ้น 10 เท่า จากไม่เกิน 100 ดอลลาร์ต่อคนต่อเดือน ปัจจุบันเป็น 1,000 ดอลลาร์ต่อคนต่อเดือน นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เกิดขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม
นอกจากความพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น การเจริญเติบโตทางประชากร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การทำลายสิ่งแวดล้อม ถ้าเราติดตามการปล่อยคาร์บอนของมนุษย์ในระยะเวลาหลายหมื่นปี เราจะเห็นว่า ตั้งแต่เริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรมมีการปล่อยคาร์บอนมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลา ปัญหาที่เราพบเจอทุกวันนี้ คือ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น ผมค่อนข้างที่จะเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ เป็นเหตุการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญที่สุด” ธนสักก์กล่าว
เปิดสารบัญ ไล่ไทม์ไลน์ จากเกษตรกรรมสู่นวัตกรรม วิกฤต และ ฯลฯ
จากถ้อยคำบนเวที มาเปิดตัวเล่ม พลิกหน้าสารบัญที่มีมากถึง
18 บท ยังไม่นับ บทนำ บทตาม ภาคผนวก หมายเหตุ และพจนานุกรม ได้แก่
01 เศรษฐศาสตร์โบราณ 02 เกษตรกรรม 03 ตลาดเอเชีย : ปี 200-1000
04 ยุโรปฟื้นคืนชีพ : ปี 1000-1500 / 05 ภารกิจเพื่อพลังงาน 06 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ : ปี 1500-1820
07 อุตสาหกรรมการผลิต : เชิดชูผู้ผลิตของเรา 08 ยุคแรกของโลกาภิวัตน์ : ปี 1820-1914
09 การอพยพ 10 สงครามโลกและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ : ปี 1914-1945
11 การขนส่ง : เครือข่ายสำคัญ 12 จากปีอันยอดเยี่ยมสู่โรคร้าย : ปี 1945-1979
13 ธนาคารกลาง : เงินและนักวิชาการ 14 ยุคที่ 2 ของโลกาภิวัตน์ : โลกพัฒนาแล้ว ปี 1979-2007
15 รัฐบาล : พลังที่คงอยู่เสมอ 16 เศรษฐกิจโลกที่แท้จริง : โลกกำลังพัฒนา ปี 1979-2007
17 เทคโนโลยีและนวัตกรรม 18 วิกฤตและหลังจากนั้น : ปี 2007 ถึงปัจจุบัน
คุ้มค่าทุกหน้ากระดาษ ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อทุกคนอย่างไม่อาจคาดถึง
พรสุดา คำมุงคุณ