คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง : สายนํ้าโขงอาลัยในหลวง

เมื่อช่วงหัวค่ำของวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 ปวงชนชาวไทยได้รับรู้ข่าวอันแสนโศกเศร้าเป็นที่ยิ่ง คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ยังความอาลัยอย่างหาที่สุดมิได้แก่ทวยราษฎรชาวไทยทั้งในและนอกพระราชอาณาจักร

พระบารมีและพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงบำเพ็ญมาตลอดรัชสมัย มิได้ปกแผ่เหนือเพียงแผ่นดินไทยเท่านั้น แต่ยังแผ่พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมถึงประชาชนทั่วลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งรัฐบาลและชาติทั้งหลายไม่เคยลืม ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และแสดงความอาลัยด้วยวิธีต่างๆ ตามประเพณีปฏิบัติและธรรมเนียมของแต่ละชาติ

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอันเป็นดุจญาติใกล้ชิดต่อคนไทยเป็นที่สุด เมื่อทราบข่าวสวรรคตของพระองค์ ก็ต่างแสดงความเสียใจและอาลัย “เจ้าชีวิต” ร่วมกับชาวไทยอย่างจริงใจ ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนและมีโครงการพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือชาวลาวมากมายหลายโครงการ เป็นต้นว่า โครงการศูนย์พัฒนาด้านกสิกรรมและบริการห้วยซอน-ห้วยซั้ว (หลัก 22) โครงการโรงเรียนวัฒนธรรมเพื่อเด็กกำพร้า โครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรและเทคนิกทางการแพทย์ โครงการผสมผสานเพื่อพัฒนาร่วมระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนากับมหาวิทยาลัยจำปาสัก และโครงการพัฒนาบุคลากรหอสมุดแห่งชาติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสด็จพระราชดำเนินเปิดสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 ซึ่งเป็นการเชื่อมประเทศชาติและประชาชนชาวลาวกับชาวไทย เป็นการเติมเต็มความเชื่อคำทำนายโบราณให้เมืองลาวเจริญรุ่งเรือง ในส่วนของรัฐบาล สปป.ลาว ก็ได้มีสาส์นแสดงความเสียใจความโดยย่อว่า รัฐบาลและปวงชนชาวลาว ดุจสูญเสียญาติมิตรที่มีคุณความดีอย่างใหญ่หลวง ขอแสดงความอาลัยอย่างลึกซึ้งและขอแบ่งเบาความทุกข์โศกของประชาชนคนไทยไว้ด้วย

ราชอาณาจักรกัมพูชาก็ได้ส่งสารแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งมาถึงรัฐบาลและประชาชนไทย และประชาชนชาวกัมพูชาได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ได้ทรงรับเอาชาวกัมพูชาไว้เมื่อยามกัมพูชาตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองและประชาชนต้องลี้ภัยสงครามเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตลอดจนได้เข้ามาทำมาหากินประกอบสัมมาอาชีพในประเทศไทยตลอดรัชสมัย อีกทั้งโครงการในพระราชดำริด้านส่งเสริมการศึกษาและทุนการศึกษาที่พระราชทานให้แก่เยาวชนกัมพูชาเป็นประจำทุกปี

Advertisement

สหภาพเมียนมาได้แสดงความอาลัยและรำลึกถึงการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งยังเป็นสหภาพพม่า และประชาชนชาวเมียนมาซึ่งได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่การงานในประเทศไทยก็ได้ถวายความอาลัยและโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งร่วมกับชาวไทยเช่นกัน ในส่วนของชนชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งอยู่ในสหภาพเมียนมา ก็ได้ถวายสักการะและแสดงความอาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเจ้ายอดศึกแห่งสภากอบกู้รัฐฉาน (RCSS/SSA) ได้สั่งให้ลดธงครึ่งเสาและไว้ทุกข์เป็นเวลา 15 วันถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และปฏิญาณความจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทที่จะขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติในรัชกาลใหม่ และกลุ่มกะเหรี่ยง KNU ก็ได้สั่งลดธงและไว้ทุกข์เป็นเวลา 15 วันเช่นกัน

ความโศกเศร้าเสียใจและแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งของนานาชาติในลุ่มน้ำโขงนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงมารยาททางการทูต แต่ล้วนมาจากใจแท้จริงด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการมาตั้งแต่ครั้งเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ และได้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมบันดาลความร่มเย็นโดยทั่วให้เกิดแก่อาณาประชาราษฎร เป็นที่พึ่งแก่ชนทั้งหลายไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างประเทศมาตลอด 70 ปีแห่งรัชสมัยที่ทรงครองสิริราชสมบัติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image