ศรัทธายิ่งใหญ่ สมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย

ศรัทธายิ่งใหญ่ สมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย

ศรัทธายิ่งใหญ่ สมโภชพระบรมสารีริกธาตุ
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย

งานสมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ประจำปี 2566 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สาธารณรัฐอินเดีย หลังว่างเว้นมา 2 ปี จากสถานการณ์โควิด-19 โดยมีขบวนอัญเชิญพระพุทธรูปปางปรินิพพานและเครื่องราชสักการะที่รายล้อมด้วยพุทธศาสนิกชนไทย-อินเดีย หลั่งไหลมาร่วมงานมากกว่าพันคน เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ณรงฤทธิ์ เอี่ยมเจริญยิ่ง ประธานมูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย นำเครื่องบวงสรวงจุดธูปเทียนเครื่องสักการะ และเทียนบวงสรวงมหามงคล 16 เล่ม อ่านโองการ

นอกจากนี้ ยังจัดพิธีทักษิณานุปทาน ถวายบูรพกษัตริย์ โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรวิหาร ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อ่านพระบรมราชโองการ ตั้งพระราชาคณะ และพิธีตั้งฐานานุกรมในพระวิเทศวชิรญาณ วิ.

Advertisement

พร้อมทั้งมอบตราตั้ง และพัดยศ และดำเนินการมอบทุนการศึกษาแก่โรงเรียนในความอุปถัมภ์ของวัด 28 โรงเรียน

เมื่อเสร็จพิธีการสำคัญต่างๆ ครบถ้วน จึงร่วมกันเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระพุทธรูปปางปรินิพพานและเครื่องราชสักการะไปยัง สาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นสังเวชนียสถานแห่งที่ 4 ก่อนที่เช้าวันรุ่งขึ้นจะตั้งขบวนแห่อีกครั้ง จากสาลวโนทยาน เคลื่อนไปยังมกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ระบุว่า รัฐบาลได้มีโครงการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาที่เสื่อมลงในแดนพุทธภูมิให้กลับคืนมาสู่พุทธภูมิอีกครั้ง งานสมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นกิจกรรมสำคัญต่อเนื่องยาวนาน มีการส่งพระธรรมทูตมาช่วยฟื้นฟูในทุกๆ ด้านด้วยการจัดอุปสมบทที่วัดไทยในทุกๆ ปี ซึ่งพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล ทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย และทุกวัดไทยยังมีหน่วยการศึกษา แจกทาน นอกจากนี้ ยังเกื้อกูลไปยังนานาชาติ โดยเฉพาะที่วัดไทยพุทธคยาซึ่งขณะนี้ได้ถึงเวลาที่ต้องบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถและเสนาสนะ ซึ่งอีกไม่นานจะกลับมาสวยงามด้วยความศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน

Advertisement

ทั้งนี้ ด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาเจดีย์ขึ้นที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อันเป็นสังเวชนียสถานที่เสด็จปรินิพพาน สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธ และแบ่งแจกพระบรมสารีริกธาตุให้พระราชา 8 พระนคร นับเป็นมหามงคลที่พุทธบริษัทชาวไทยทั่วโลกได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสที่พระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี

เมื่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ พสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดี และชาวพุทธผู้ศรัทธาเลื่อมใสนั้นแล้ว ทรงพระมหากรุณาอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ กับเส้นพระเจ้า

และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุกับเส้นพระเจ้าไว้ที่พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา ให้เป็นที่สักการบูชาด้วยสัมมาปฏิบัติจากชาวพุทธทั่วโลก

เพื่อให้เกิดประเพณีอันดีงามและสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้สถาพร จึงได้จัดงานสมโภชและนมัสการพระบรมสารีริกธาตุขึ้น เป็นที่รวมศรัทธา ให้งดงามยิ่ง

พระวิเทศวชิรญาณ วิ. (สมพงศ์ ญาณธีโร ดร.) รักษาการเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ อินเดีย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร เผยว่า งานนี้มีการแห่พระบรมสารีริกธาตุไปยังสถูปมหาปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน ก่อนพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปปางปรินิพพาน และเครื่องราชสักการะเคลื่อนขบวนจากสาลวโนทยานไปยัง มกุฎพันธนเจดีย์

นอกจากนี้ พระธุดงค์ร่วมธรรมยาตรา ตามรอยบาทพระศาสดา รุ่นที่ 8 จำนวน 95 รูป เดินธุดงค์เผยแผ่พระพุทธศาสนาบนเส้นทาง 4 สังเวชนียสถานมาเป็นเวลา 77 วัน เป็นระยะทาง 2,235 กิโลเมตร โดยมีพระประวัติ ปวัตโต เป็นหัวหน้าคณะ ได้ธุดงค์ถึงวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์เพื่อร่วมในงานครั้งนี้ และรับบิณฑบาตจากพระสังฆาธิการ และพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวอินเดียท้องถิ่น ก่อนจะเดินธุดงคธรรมยาตราต่อให้ครบ 112 วัน รวมระยะทาง 3,100 กิโลเมตร สิ้นสุดที่วัดไทยพุทธคยา มารับบาตรจากคนไทยที่มาร่วมงานด้วย

วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ยังเปิดโรงทานและจัดงานเทกระจาด แจกผ้าห่มให้กับชาวอินเดีย เป็นการแบ่งปันตามพุทธวิถีแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยชาวอินเดียในเมืองกุสินาราหลายร้อยคนต่อแถวรับผ้าห่มจากผู้ใจบุญ นำโดย ประภาพร ลิขสิทธิ์ พร้อมคณะ ที่ร่วมกันบริจาคผ้าห่มอย่างดี จำนวน 800 ผืน ใช้ในช่วงอากาศหนาว

การจัดหาผ้าห่มครั้งนี้ได้รับความเมตตาจากพระวิเทศวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดป่าบรมธาตุราชสักการ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์อำนวยความสะดวก ดำเนินการจัดหามาให้ และยังบริจาคเงินให้กับชาวอินเดียอีกหลายหมื่นบาท

นอกจากนี้ ทางวัดยังเปิดโรงทานแจกอาหารให้กับชาวอินเดียบริเวณหน้าวัด โดยมีชาวอินเดียทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่อแถวรับอาหารอย่างต่อเนื่อง

พระครูธรรมธรสงกรานต์ พระธรรมทูต วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เล่าว่า กิจกรรมนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ที่เน้นย้ำว่าการสร้างวัดต้องควบคู่กับการสร้างมวลชน เป็นเสมือนกับการสร้างกำแพงให้วัดเพื่อความสามัคคีกลมเกลียว ตามพุทธวิถีแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ทั้งนี้ การเผยแผ่พระศาสนาของพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล ในเส้นทาง 4 สังเวชนียสถานมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยที่พุทธคยา ดินแดนแห่งการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีวัดไทยพุทธคยาเป็นศูนย์กลางในการรองรับพระสงฆ์และผู้แสวงบุญทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันพระอุโบสถวัดไทยพุทธคยา อินเดีย ชำรุดทรุดโทรมลงอย่างมากในช่วงเกิดสถานการณ์โควิด พระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล มีบทบาทสำคัญที่จะต้องดำเนินการเร่งบูรณะซ่อมแซม ควบคู่ไปกับการดำเนินพุทธวิธีในการยกระดับจิตใจของพุทธศาสนิกชน

ส่วนวัดไทยพุทธคยา เป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศอินเดียและแห่งแรกในต่างประเทศ ตั้งอยู่ห่างจากเจดีย์พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าราว 500 เมตร อยู่ในความดูแลและอุปถัมภ์ของรัฐบาลไทย ในแต่ละปีมีผู้เดินทางมาแสวงบุญจำนวนมาก จนกระทั่งเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติจึงต้องเร่งบูรณปฏิสังขรณ์ โดยเฉพาะพระอุโบสถที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2502 จำลองแบบมาจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา

พระธรรมโพธิวงศ์
เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา

พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล เล่าว่า สภาพของพระอุโบสถขณะนี้ไม่ต่างจากคนมีอายุมากตั้งแต่ยอดปลายช่อฟ้า กระเบื้องหลังคา ไปจนถึงใต้ฐานพระอุโบสถ กรมศิลปากรได้สำรวจแล้ว เห็นสมควรให้เปลี่ยนโครงสร้างจากไม้มาเป็นเหล็ก บูรณะช่อฟ้า ใบระกาทั้งหมด และยังมีนกและสัตว์ต่างๆ เข้ามาเกาะทำรัง ส่วนผนังด้านในและด้านนอกบางส่วนมีน้ำรั่วไหล รวมถึงรอยร้าวใต้ฐานพระอุโบสถซึ่งเก็บรักษาโบราณวัตถุที่ชาวอินเดียขุดค้นพบและรอวันนำมาประดิษฐานในที่เหมาะสม ก็ได้รับความเสียหายไปด้วย

หลังจากกรมศิลปากรสำรวจรายละเอียดความเสียหายของพระอุโบสถอย่างครบถ้วนแล้ว จะเสนอโครงการต่อมหาเถรสมาคมพิจารณา โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไทยไปต่างประเทศ เป็นประธานอำนวยการบูรณะพระอุโบสถ ซึ่งกรมศิลปากรได้ประเมินงบประมาณทั้งหมดจาก 60 ล้านบาท เป็น 80 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งพระอุโบสถและเสนาสนะที่ควรสร้างขึ้นมาเพื่อความเหมาะสม

การบูรณะวัดไทยพุทธคยา ถือเป็นเรื่องที่เจ้าอาวาสในแต่ละยุคสมัยให้ความสำคัญในการพัฒนา ปรับปรุง ต่อยอดให้เหมาะสมตามกาลเวลา ปัจจุบันเป็นยุคสมัยของพระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดในยุคที่ 4 ที่จะร่วมกันผลักดันการบูรณะพร้อมไปกับการทำหน้าที่ของพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล ที่จะรวมศรัทธาชาวพุทธเพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมไทยให้ชาวโลกได้เห็นความงดงามในความเชื่อมโยงของมิตรภาพให้ได้รับการกล่าวขานว่า “วัดพุทธคยาก็คือประเทศไทย”

นอกจากนี้ พระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล พร้อมช่างจากทีมวิศวกร ยังเดินทางไปสำรวจและคัดลอกแบบธัมเมกขสถูป สถานที่ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาครั้งแรก ณ เมืองสารนาถ รัฐอุตตรประเทศ อินเดีย เพื่อเตรียมจำลองการสร้างตามแบบที่วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตีอีกด้วย

ตวงศักดิ์ ชื่นสินธุ

ผู้มีจิตศรัทธาที่มีความประสงค์ร่วมบุญบูรณะพระอุโบสถและเสนาสนะวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ได้ที่ ธนาคารทหารไทยธนชาต ชื่อบัญชี กองทุนบูรณะวัดไทยพุทธคยา เลขที่บัญชี 042-2-42918-3 และ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี วัดไทยพุทธคยา-อินเดีย เพื่อบูรณะพระอุโบสถและเสนาสนะ เลขที่บัญชี 082-0-92905-0
ส่วนผู้ประสงค์สนับสนุนปัจจัยเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยชาวอินเดียที่สถานพยาบาลกุสินารา ด้วยค่ารักษาพยาบาลเพียงคนละ 12 รูปี หรือ 6 บาท รวมไปถึงบริจาคค่าผ้าห่อศพ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ ธนาคารทหารไทยธนชาต สาขาสุรวงศ์ บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์-อินเดีย เพื่อสถานพยาบาล บัญชีเลขที่ 078-2-14799-5

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image