เริงโลกด้วยจิตรื่น : ประสิทธิภาพชีวิต

เริงโลกด้วยจิตรื่น : ประสิทธิภาพชีวิต

หากฝึกฝนจนกระจ่างในใจว่าประสิทธิภาพของชีวิตขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะอยู่กับ “สติที่มั่นคง” แล้วใช้สติพิจารณา “เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทั้งที่ตัวและที่ใจ” ได้หรือไม่

เป็นธรรมดาของปุถุชนมักจะปล่อยให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจากภายนอก อันหมายถึงเหตุการณ์ต่างๆ คนนั้น คนนี้ครอบงำ ชี้นำความคิด คำพูด และการกระทำ หรือภาพความรู้สึก นึก คิดในใจพาพฤติกรรมไป

แต่นั่นเป็นชีวิตที่เคลื่อนไปตามโลก

Advertisement

หรือที่ภาษาพระเรียกว่า เป็นไปตาม “โลกธรรมแปด” ความคิด คำพูด และการกระทำถูกกำหนดด้วยแรงกระทบจาก มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์

กิจกรรมของชีวิตเป็นไปตามแรงผลักดันทางโลกนี้

การฝึกฝนเพื่อให้ชีวิตก้าวพ้นจาก “โลกธรรมแปด” นั้น คือการสร้างสติขึ้นมาเฝ้าดู “โลกธรรมแปด” เป็นแบบแค่เฝ้าดู ในความหมายไม่ปล่อยให้โลกธรรมแปดมาครอบงำ ชี้นำ หรือส่งพลังมาขับเคลื่อนชีวิต

Advertisement

สติที่มั่นคงนั้นสร้างสภาวะจิตที่เรียกว่า “ความสงบ” ขึ้นมา

“สงบ” ด้วยว่างจากการผลักดันโดยพลังของโลกธรรมแปด

“ว่าง” ด้วยมีสงบเป็นพื้นฐานของจิต

ชีวิตที่เริ่มต้นด้วยจิตว่าง จิตสงบนี้ จะเป็นการขับเคลื่อนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาด้วยปัญญา แทนที่จะปล่อยให้ถูกครอบงำ ผลักดัน ด้วยพลังอันเกิดจากเรื่องราวภายนอกและภายในใจ อันส่วนใหญ่เป็นภาวะที่เรียกขานว่า “กิเลส ตัณหา”

มันง่ายมากที่จะมองเป็นว่าสถานการณ์ของชีวิตที่ได้รับการขับเคลื่อนด้วย “ปัญญา” ควรจะมีประสิทธิภาพมากกว่าถูกควบคุมด้วย “กิเลสและตัณหา” อันเกิดขึ้นด้วยธรรมชาติของโลกธรรมแปด

เป็นไปได้ที่อาจจะมีมุมมองว่า “ประสิทธิภาพ” นั้นต่างกัน และในบางคนการสนองความอยาก หรือให้เป็นไปตาม “กิเลส ตัณหา” กลับเป็นประสิทธิภาพที่ปรารถนามากกว่า

และตีความว่า “ปัญญา” เป็นแค่เครื่องมือ หรือปัจจัยที่นำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสนองความต้องการตามกิเลสและตัณหานั้น

การขับเคลื่อนชีวิตไปตามการตีความนี้ ทำให้มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนสติ เพื่อสร้างสภาวะจิตที่สงบ ว่าง

แต่นั่นเป็นข้ออ้าง หรือการปกป้องให้ชีวิตดำเนินไปด้วยสัญชาตญาณตามโลกธรรมแปดอันเป็นชีวิตของปุถุชนได้

ชีวิตที่ไม่พร้อมให้ “สติ” และ “ปัญญา” เป็นตัวนำ ย่อมยังต้องอยู่กับความสุข ทุกข์ หวั่นไหวกับความแปรเปลี่ยนของ ลาภ ยศ สรรเสริญ

ปรารถนาสิ่งที่ดียึดถือว่าดีงาม มองไม่เห็นว่าทั้งหมดนั้นมีสภาวะเสื่อม ดับเป็นธรรมดา

จึงเป็นชีวิตที่หมุนวนอยู่กับความไม่รู้เนื้อรู้ตัว

การนับว่าการใช้ชีวิตเช่นนี้มีประสิทธิภาพ ย่อมทำให้เกิดข้อกังขามากมาย

ชีวิตที่ไม่มีสติคุ้มครอง และใช้ปัญญาเพื่อส่งเสริมตัณหา ความอยากจะเรียกว่ามีประสิทธิภาพได้อย่างไร

จะว่าไปคำตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ว่า “ใครจะมองเห็น ใครจะไม่เห็น” เท่านั้น

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image