คอลัมน์ โลกสองวัย: น้องหนูต้องเรียนรู้การเมือง

ห้วงแห่งปลายปี 2559 ต่อเนื่อง 2560 ประเทศไทยเข้าสู่ยุคเปลี่ยนรัชกาลใหม่ จากรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ความเปลี่ยนแปลงของระบบสังคม ระบบเศรษฐกิจ จะยังไม่ปรับเปลี่ยนไปมากนัก

เว้นแต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ส่วนการจะปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรนั้น ต้องรอกฎหมายสามสี่ฉบับที่ออกมาตามรัฐธรรมนูญ เรียกว่ากฎหมายลูก มีกฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้งเป็นหลัก

วันนี้ พรรคการเมืองยังขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้มากนัก ต้องรอให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ และประกาศใช้กฎหมายพรรคการเมือง

Advertisement

ถึงเวลานั้น น้องหนูจะทราบว่า ต่อไปพรรคการเมืองจะเคลื่อนไหวอย่างไร

เรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คงเช่นเดียวกับเมื่อครั้งก่อน บรรดานักการเมืองจำนวนหนึ่งจะปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะการเมืองในวาระต่อจากนี้ เห็นว่าเป็นการเมืองเพื่อป้องกันนักการเมืองที่ทุจริตเข้ามาในวงการนี้ ส่วนตัวนักการเมืองจะพลิกแพลงต่อไปอย่างไร ต้องใช้เวลา “มาลันดูแก” มาแลดูกัน

เรื่องของระบบระบอบการเมืองไทยเมื่อเข้าสู่ยุคระบอบประชาธิปไตย 24 มิถุนายน 2475 ถึงวันนี้ปีหน้า 2560 ผ่านมาแล้ว 85 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาว ล้มลุกคลุกคลานกับการปฏิวัติ ยึดอำนาจ “ฉีก” รัฐธรรมนูญมาแล้วไม่รู้กี่ฉบับ ใช้กำลังทหารปกครองประเทศมานานนับสิบปีก็เคย มีทหารปกครองประเทศหลายครั้ง

Advertisement

กระทั่งครั้งนี้ ที่บรรดาทหารและนักการเมืองบางคนยังคิดจะให้ทหารสืบทอดอำนาจไปอีกระยะหนึ่ง อย่างน้อย 5 ปี อย่างมากไม่น่าจะเกิน 20 ปี ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ

แต่น้องหนูรู้หรือไม่ว่า อะไรที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติ ไม่เป็นไปตามระบอบที่เกิดขึ้นมาแล้วนานนับร้อยปี เช่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จะเดินหน้าไปไม่ได้ไกลนัก

มีผู้ใหญ่หลายคนมักบอกว่า ประชาธิปไตยไม่ได้หมายความถึงการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงการมีพรรคการเมือง หรือนักการเมืองต้องสังกัดพรรคการเมือง หรืออีกหลายความหมาย

ทั้งหลายครั้งยังบอกว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ หรือเสียงข้างมาก

กระนั้น ห้วงเวลาสองสามร้อยปีที่ผ่านมา นับแต่สถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นในประเทศทั้งหลายที่เติบโตในระบอบประชาธิปไตย ล้วนแล้วแต่เป็นประชาธิปไตยอันเกิดขึ้นจากการเคารพเสียงส่วนมากทั้งสิ้น

ยิ่งประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยชัดเจน ยังกำหนดให้ผู้บริหารปกครองประเทศมีวาระการบริหารจัดการครั้งละ 4 ปี ไม่เกิน 2 ครั้งติดต่อกัน

หมายถึงเมื่อครบวาระของบุคคลนั้น 4 ปี 2 ครั้ง ให้ปรับเปลี่ยนตัวผู้จะเข้ามาบริหารจัดการคนใหม่

ส่วนจะมาจากกลุ่มเดียวกัน หรือพรรคการเมืองเดียวกัน ไม่เป็นไร

ระบบนี้เริ่มแพร่หลายเข้าสู่การเป็นชมรม สมาคม มีวัตุประสงค์เพื่อไม่ให้บุคคลผู้นั้นยึดครองชมรม สมาคมนั้นมากเกินกว่า 8 ปี ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะดีเลิศประเสริฐศรีเพียงใด

ไม่เช่นนั้น องค์กรนั้นจะไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น

วันนี้ปีหน้า น้องหนูที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม 2560 จะมีโอกาสเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก จึงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี

จำไว้ว่า ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร กฎหมายพรรคการเมืองจะเป็นอย่างไร กฎหมายเลือกตั้งจะกำหนดคุณวุฒิ คุณสมบัติของผู้เลือกตั้งอย่างไร

เมื่อถึงเวลานั้น ต้องตรวจสอบเรื่องของตัวเอง ก่อนไปลงคะแนนเสียง

ที่สำคัญคือ เลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เราชอบและศรัทธา ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหนก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image