ททท.รุกตลาดเศรษฐีแดนมังกร อัดสารพัดกลยุทธ์ ดันจีดีพีโค้งสุดท้ายปลายปี

ถนนชุนซี ถนนคนเดินที่เฉิงตู

นโยบายเดินหน้าปราบปราม “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือ “ทัวร์ผิดกฎหมาย” จากตลาดนักท่องเที่ยวจีน ตามคำนิยามล่าสุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำหนดให้เรียกแทนทัวร์ศูนย์เหรียญ ถือเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลเดินหน้ากวาดล้างอย่างจริงจัง เพื่อปราบปรามบริษัททัวร์ที่ทำธุรกิจแฝงไปในทางผิดกฎหมาย จนทำให้ที่ผ่านมาไทยสูญเสียเงินเป็นหลักแสนล้านบาทต่อปี

เป้าหมายนอกจากทวงคืนรายได้ที่แท้จริงกลับเข้าประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทรัพยากรทางการ

ท่องเที่ยวไม่เสื่อมโทรมเร็วกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว ยังต้องการลดปัญหาหลอกลวงนักท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ จนเกิดเป็นปัญหาตามมามากมาย

ผลจากการดำเนินงานช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต่างทำให้บริษัททัวร์รายเล็ก รายกลาง หรือแม้แต่รายใหญ่หลายราย ทั้งในฝั่งไทยและคู่ค้าจากจีนที่เกี่ยวพันกับทัวร์ผิดกฎหมายต่างตั้งรับไม่ทัน ได้รับผลกระทบกันจำนวนมาก ต้องปรับตัวในด้านการขายอย่างหนัก โดยเฉพาะปรับราคาการขายแพคเกจให้มีราคาสูงขึ้น ทำให้ราคาขยับตัวแพงกว่าบางประเทศ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนหันไปท่องเที่ยวประเทศอื่นแทน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเมืองไทยจึงเริ่มลดลง

Advertisement

ล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางผ่านสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า ระหว่างวันที่ 1-20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเพียง 70,686 คน ลดลงมากถึง 73.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวถึง 2.66 แสนคน แต่ตัวเลขจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังชี้ให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจีนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมากกว่า 8.41 ล้านคน สูงกว่าทั้งปี 2558 ที่มีคนจีนเดินทางมาเที่ยวไทย 7.98 ล้านคน

ถึงกระนั้น รัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป แม้เป้าหมายหลักต้องการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว มากกว่าจะสนใจเพียงจำนวนนักท่องเที่ยวเหมือนในอดีต แต่ด้วยรัฐบาลต้องการให้หน่วยงานกำกับการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการจีน ตลอดจนนักท่องเที่ยวจีนเข้าใจกับวัตถุประสงค์จากฝั่งรัฐบาลไทยเดินหน้าปราบทัวร์ผิดกฎหมายอยู่นั้น การเดินทางไปสร้างความเข้าใจโดยผู้มีอำนาจสูงสุดด้านการท่องเที่ยวอย่าง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการแสดงความจริงใจว่าไทยยังให้ความสำคัญกับตลาดจีน เพียงแต่ปรับรูปแบบการสนับสนุนการท่องเที่ยวแตกต่างไปจากเดิม

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร

ล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.อ.ธนะศักดิ์ได้นำทีมผู้บริหารของกระทรวง ทั้ง นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รวมถึงภาคเอกชนอย่างสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน (ทีซีทีเอ) ผู้ประกอบการกว่า 100 รายเดินทางไปเมืองเฉิงตูและเมืองฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนอีกครั้ง เพื่อร่วมงาน “ควอลิตี้ ทัวริซึ่ม โรดโชว์” ซึ่งแต่ละเมืองมีผู้ประกอบการจากจีนเข้าร่วมกว่า 500 ราย เพื่อตอกย้ำผ่านการสร้างความเข้าใจในเป้าหมายการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมายของไทย และยังเป็นการเร่งกระตุ้นกำลังซื้อโค้งสุดท้ายให้เป็นไปตามเป้าหมายจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯประกาศว่าจะกระตุ้นตลาดจีนปีนี้ให้แตะ 9.1 ล้านคน หลังมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า จำนวน 1,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน

Advertisement

IMG_8217

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวจีน คือ เรื่องการจะขยายระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ยกเว้นค่าธรรมเนียม

3 เดือน ว่าจะขยายเพิ่มให้มากกว่า 3 เดือนหรือไม่นั้น มีความเป็นไปได้ แต่ขอรอดูการตอบรับจากนักท่องเที่ยวจีนก่อน ถ้าสถานการณ์เป็นไปด้วยดี อาจจะนำเรื่องนี้เสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือไปจนถึงสิ้นปีนี้ รัฐบาลจะทำเรื่องการท่องเที่ยวให้ดีที่สุด เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจด้านอื่นให้ดีขึ้น

“ปี 2560 เตรียมเสนอเปิดสำนักงานการท่องเที่ยวจีนแห่งใหม่ ในมณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นสำนักงานการท่องเที่ยวในจีนแห่งที่ 6 หลังจากร่วมเดินทางโรดโชว์จีนกับ ททท. เพราะเล็งเห็นศักยภาพของเหอหนาน น่าจะสามารถเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวให้กับไทยได้ไม่น้อย เพราะในมณฑลเหอหนานมีประชากรประมาณ 100 ล้านคน ประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง สอดคล้องกับนักท่องเที่ยวศักยภาพกลุ่มเป้าหมายหลักของรัฐบาล หากได้รับอนุมัติจากทางการจีนจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการการท่องเที่ยว หรือบอร์ด ททท.”

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร

ด้านนายยุทธศักดิ์ระบุว่า สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน (ซีเอ็นทีเอ) ประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ (เอาต์บาวด์) ระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2559 พบว่า ชาวจีนเดินทางลดลงเหลือประมาณ 70 ล้านคน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีสูงถึง 120 ล้านคน หรือเท่ากับว่าปีนี้จำนวนชาวจีนที่เดินทางเรียกได้ว่าลดลงถึง 20%

ส่วนสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงนั้นคือ ปัจจัยของเศรษฐกิจภายในประเทศจีนเองที่มีการสะดุดชะลอตัวลง จนส่งผลทำให้ชาวจีนวางแผนเดินทางออกนอกประเทศลดลง แต่ ททท.ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญในช่วงเวลาการปรับโครงสร้างของตลาดจีนให้เป็นตลาดคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากเราต้องการดึงนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสูงราว 5 หมื่นบาท/ทริปมาท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มนี้มีกำลังซื้อย่อมจะไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ ททท.จะไปร่วมงานโรดโชว์ ที่เมืองกว่างโจว เพื่อขยายเจตนารมณ์ของเราให้ผู้ประกอบการในพื้นที่รับทราบอีกพื้นที่หนึ่ง

IMG_6967

“ปีหน้า ททท.จะหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดผ่านการดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มใหม่มาแรง และ ททท.โฟกัสอยู่ คือ กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงกีฬาหรือสปอร์ตทัวริซึ่ม อาทิ กอล์ฟ มาราธอน หรือฟุตบอล โดยไทยจะเริ่มส่งเสริมให้มีการจัดแข่งขันฟุตบอลจากทีมฟุตบอลในจีนร่วมกับประเทศไทยมากขึ้น เบื้องต้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ได้เตรียมเดินทางไปประเทศจีน เพื่อเข้าพบปะกับทีมฟุตบอลชื่อดังในประเทศจีน คาดว่าหากในอนาคตมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาฟุตบอลระหว่างกันได้ ย่อมช่วยดึงแฟนคลับชาวจีนมาเมืองไทยได้มากขึ้นด้วย”

ด้าน นางศรีสุดา วณภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีที่เหลือ ททท.ได้ทุ่มงบประมาณ 50 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์กระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนให้มาเดินทางมาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น โดยโฟกัสไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง หรือเอฟไอที และกลุ่มวางแผนเดินทางระยะสั้น หรือลาสต์มินิตที่มีการตัดสินใจเดินทางช่วงสุดท้ายได้ง่าย

คาดหวังจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอีก 1 แสนคน หากทำได้จะสร้างรายได้ให้ประเทศจากตลาดนี้เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท ถือเป็นการลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายที่คุ้มค่ามาก แต่ก็ยอมรับว่าความคาดหวังครั้งนี้จะมีความเป็นไปได้อย่างน้อย 50% หลังได้หารือกับบรรดาผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ทั้ง 5 แห่งในจีน ซึ่งทุกสำนักงานจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันให้ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้ถึง 6% ในไตรมาสสุดท้ายของปีตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรี

L6A_1110_LR

เช่นเดียวกับ รัญจวน ทองรุต ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า การมาร่วมงานครั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้แคมเปญสื่อสารยกภาพลักษณ์ประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายท่องเที่ยวคุณภาพ ให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่มจากราคาทัวร์ศูนย์เหรียญ เป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง มูลค่าเงินที่จ่ายไปจะได้รับคุณค่าทางประสบการณ์กลับมาที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

จรัญ ชื่นในธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานเฉิงตู ททท. กล่าวว่า ตลาดศักยภาพฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือในมณฑลเสฉวน จะมีเฉิงตู ฉงชิ่ง และซีอาน มีประชากรรวมกันกว่า 220 ล้านคน ปีที่ผ่านมามีผู้เดินทางท่องเที่ยว

ต่างประเทศกว่า 4 ล้านคน และในจำนวนนี้มาท่องเที่ยวไทยกว่า 1.4 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจากพื้นที่นี้ส่วนใหญ่ราว 60% เลือกเดินทางไปกรุงเทพฯ-พัทยา อีก 30% เดินทางไปภาคใต้ เช่นภูเก็ตและกระบี่ และที่เหลือราว 10% ไปสมุย เชียงใหม่

แม่น้ำจินเจียง
แม่น้ำจินเจียง

ททท.มองว่า การโรดโชว์ครั้งนี้จะทำให้การท่องเที่ยวไทยเป็นที่เข้าใจของตลาดจีน และได้รับกระแสตอบรับที่ดีกลับมา จากก่อนหน้านี้ผลการปราบปรามทำให้ตลาดจากพื้นที่รับผิดชอบหายไปราว 30% อัตราบรรทุก

ผู้โดยสารเฉลี่ย (โหลดแฟกเตอร์) ลดลงเหลือ 50% จากปกติราว 70%

“การโรดโชว์ ตลอดจนการจัดทำแผนกระตุ้นตลาดช่วงสุดท้ายปลายปี ททท.หวังว่าจะส่งอานิสงส์ถึงช่วงตรุษจีนในปีหน้าด้วย เพราะขณะนี้ยอดจองตรุษจีนล่วงหน้ามีแล้วกว่า 60% คิดว่ามาตรการต่างๆ ครั้งนี้จะดันไปถึง 90% อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าพื้นที่พัทยาที่ได้รับผลกระทบมาก ททท.ได้เจรจากับสายการบินเสฉวน แอร์ไลน์ จัดเที่ยวบินตรงเฉิงตู-อู่ตะเภา และนำเสนอแพคเกจทัวร์เกาะเสม็ด 2 คืน และพัทยา 3 คืน นอกจากเป็นการนำเสนอจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ ยกระดับเกาะเสม็ดขายสู่ตลาดไฮเอนด์ได้ ด้วยราคาเริ่มต้นแพคเกจที่ประมาณ 3.1 หมื่นบาทแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้สู่ภูมิภาคมากขึ้น ไม่กระจุกตัวในแง่จำนวนและรายได้เพียงแหล่งท่องเที่ยวหลักเท่านั้น”

ด้าน สุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกแอตต้า ระบุว่า หน่วยงานการท่องเที่ยวมณฑลเสฉวน ซึ่งปกครองเมืองต่างๆ ได้ออกมาตรการกำกับบริษัทนำเที่ยวในเรื่องราคาขายแพคเกจทัวร์ไปเที่ยวประเทศต่างๆ ตามมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวฯกับซีเอ็นทีเอ เพื่อป้องกันปัญหาทัวร์ผิดกฎหมายเกิดขึ้นอีก โดยกำหนดกรอบราคาแยกตามประเทศ เช่น ตลาดหลักอย่างอย่างเฉิงตูที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวไทยจำนวนมาก ก็ประกาศราคาทัวร์ขั้นต่ำสำหรับบริษัทนำเที่ยวในประเทศมาแล้ว แบ่งตามจุดหมายที่นิยมเดินทางของชาวจีน ราคาแพคเกจสำหรับไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย อยู่ที่ราคา 1.6 หมื่นบาท ราคาช่วงไฮซีซั่นเส้นทางยุโรป (เยอรมนี, อิตาลี, ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์) อยู่ที่ 6.2 หมื่นบาท เส้นทางญี่ปุ่น 6 วัน ราว 4.1 หมื่นบาท, เกาหลีใต้ 6 วัน ราว 2.2 หมื่นบาท, บาหลี ตั้งราคาช่วงตรุษจีนสูงถึง 4.1 หมื่นบาท เหล่านี้อนาคตนับจากนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศในภาพรวม

ภาพตลาดท่องเที่ยวจีนกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะเป็นไปในทิศทางตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้หรือไม่ หลังจากรัฐบาลไทยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีศักยภาพการใช้จ่าย เพื่อให้เม็ดเงินเข้าประเทศได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ต้องรอลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อ

ยามเช้าที่เฉิงตู
ยามเช้าที่เฉิงตู
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image