กุ๊ก ฝ้า หยุ่น : คอลัมน์ ชิมชิล-ชิล

ทําร้านอาหารต้องพร้อมรับคำวิพากษ์ ลูกค้าติชม โดยเฉพาะ “ติ” เป็นสิ่งดี ทำนอง “รักดอกจึงบอกให้”

ดีกว่าเขาไม่พอใจ เดินจากร้าน แล้วไปเลย

ผมทำร้านอาหารเองลูกค้าบ่น ต้องคุยหาสาเหตุ น้อมรับ ตามด้วยการหารือกับในครัว หรือพนักงานบริการว่าจะแก้ไขอย่างไรได้ รวมถึงการ “คอมเมนต์” ใน “โซเชียลมีเดีย” ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก หรือเว็บแนะนำอาหาร แนะนำสถานที่เที่ยว ซึ่งจะมีความเห็นของลูกค้าทั้งที่ดีและเสีย

เสียดายอย่างเดียวในสื่อหลัก คอลัมน์ส่วนใหญ่จะไปในทาง “แนะนำ” ที่กินดื่มเที่ยว ถ้ามี “อวย” กันไปเต็มๆ ไม่เหมือนเมืองนอกที่เขาวิจารณ์กันเต็มเหนี่ยว ใครที่อยากเข้าใจว่ามีผลอย่างไรลองไปหาหนังเรื่อง “Chef” มาดูได้ครับ

Advertisement

และการวิพากษ์ (ร้าน) อาหาร ที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า “Food Critic” ไม่ใช่เพื่อความสะใจของผู้วิจารณ์ หากแต่ทำให้ร้านอาหารต้องตื่นตัว ปรับปรุงในทุกมิติ ทำให้มีการแข่งขัน ซึ่งโดยรวมเป็นการยกระดับคุณภาพของอาหาร และการให้บริการ

ผมตั้งใจจะเขียนอย่างนั้น แต่ยอมรับว่าอยู่ในสังคมไทยบางทีก็ “เกร็งๆ” คนไทยไม่ค่อยยอมรับคำวิพากษ์ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และไม่ยอมรับ “ความจริง” วันก่อนเจอ บก.มติชน ฐากูร บุนปาน ซึ่งเห็นตรงกับผม ตอนชวนให้มาเขียนต้องการทำแบบนั้น แต่ “ต่อว่า” เดี๋ยวนี้เขียนไม่ “วิจารณ์” ผมยืนยันถ้างั้นขอลุยเต็มที่ได้นะ เขาก็ “โอ” มา

ครับ เวลาไปกินที่ไหน ออกเงินเองหมด บางแห่งจ่ายมากกว่าที่ได้ค่าบทความเสียด้วย แต่เจ้าของร้านขอให้เข้าใจนะครับว่า “ติเพื่อก่อ” จริงๆ ไม่ใช่ต้องการทำให้เสียหาย

Advertisement

IMG_1716
เอาละไปลอง “ชิมชิลชิล” ต่อดีกว่า วันนี้พาไปร้าน “บะหมี่” ว่ากันว่ามาจาก “ฮ่องกง” คือ “Gok Fa Yuen-กุ๊ก ฝ้า หยุ่น” อยู่ในซอยทองหล่อ 9 ร้านห้องแถวเดียว เปิดตั้งแต่ 11 โมงยันเที่ยงคืน เคยแวะไปหนหนึ่งช่วงเย็นๆ พนักงานรีบบอกหมูแดงและอื่นๆ หมด แหะๆ เดินกลับโดยตั้งใจว่าต้องกลับมาให้ได้

วันก่อนผ่านไปทองหล่อ คราวนี้ไม่ตั้งใจ เห็นหน้าร้านโดดลงรถทันที เข้าร้านช่วงบ่ายแก่ๆ ร้านโล่งใจเสียนึกว่าของหมดอีก ถามพนักงานอาหารมีหรือเปล่า บอกว่ายังไม่หมด เลยนั่งโซ้ยได้ พนักงานบอกแล้วแต่ละวัน ส่วนใหญ่ร้านแน่นช่วงเที่ยง คนทำงานแถวนั้นกิน ไม่ก็ค่ำดึกไปเลย นักเที่ยวแถวทองหล่อแวะเวียน

บะหมี่และเกี๊ยวที่นี่ลือชื่อ ต้องสั่ง “เกี๊ยวกุ้งน้ำ” (119 บาท) “เกี๊ยวกุ้งโรยไข่กุ้ง” (139 บาท) “ผักลวกราดซอสน้ำมันหอย” (99 บาท) “บะหมี่แห้งซอสเผ็ดหมูแดง” (89 บาท) และ “หมูแดง” (149 บาท)

IMG_1764 IMG_1745

เส้นบะหมี่ที่นี่เส้นเล็กแบบฮ่องกง ทำเองและมีความพิเศษ เพราะเจ้าของมีพัฒนาการอยู่เรื่อย เหนียวแน่นเคี้ยวอร่อย เส้นไม่มีที่ติครับ แต่หมูและซอส “หวาน” ไปหน่อย ทั้งๆ ที่ภาษาไทยบอกว่า “ซอสเผ็ด” เหลือบไปมองป้ายจึงเข้าใจ ภาษาอังกฤษเป็น “Sweet & Spicy” คือมี “หวานและเผ็ด” ด้วย ซึ่งจานที่ผมสั่ง ความหวานกลบความเผ็ดมากไปหน่อย

เนื้อหมูเป็นเศษเล็กๆ ดีที่สั่งหมูแดงมาพิเศษ ซึ่งหมูแดงเป็นฮ่องกงจริง รสชาติดี ประกอบกับผักลวกและซอสน้ำมันหอยชุ่มฉ่ำด้วย กินกับบะหมี่แล้ว “ลืม” บะหมี่หมูแดงที่หากินได้ทั่วไปเลย

IMG_1747 IMG_1767

ส่วน “เกี๊ยว” ตามคำร่ำลือ แป้งบาง ห่อไส้เต็ม พอดีคำ ผมชอบเกี๊ยวน้ำมากกว่าเกี๊ยวแห้งที่โรยไข่กุ้ง อาจเพราะน้ำซุปกลิ่นหอม ร้อนๆ ซดแล้วสบายคอ ซุปสูตรพิเศษมีคำอธิบายเสร็จสรรพในเมนู Story Telling ครับถ้วน เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่น้ำแกงจืดธรรมดา

เสียดายไม่มีที่ว่างในท้องเหลือให้กับ “โจ๊ก” (79 บาท) อ่านรีวิวคนอื่นแล้วยิ่งทำให้คิดว่าต้องกลับไปใหม่อีก อาหารอร่อย ราคากันเอง ร้านนั่งง่ายๆ แต่สะอาด มีแอร์ พนักงานดูแลดี ข้อเสียคือไม่มีที่จอดรถเท่านั้น รถไฟฟ้า แล้วซ้อนมอเตอร์ไซค์เข้ามาง่ายสุด

ที่สำคัญ ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบินไปถึงฮ่องกง ก็อิ่มได้!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image