เช็กสุขภาพกรุงเทพฯ 1 ปีชัชชาติ วิ่งมาราธอน ทะลวง ‘เส้นเลือดฝอย’

เช็กสุขภาพกรุงเทพฯ 1 ปีชัชชาติ วิ่งมาราธอน ทะลวง ‘เส้นเลือดฝอย’
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่เพลิงไหม้ย่านวุฒากาศ ฝั่งธนฯ พร้อมไฟเขียวให้ถังแดงดับเพลิงบ้านเรือนที่ขอมาแม้ไม่ได้จัดตั้งเป็น ‘ชุมชน’

22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่เพียงครบ 9 ปีรัฐประหารโดย คสช. ซึ่งพรรคก้าวไกลนำมาใช้เป็นฤกษ์เอาชัยแถลงการลงนาม MOU พรรคร่วมรัฐบาล แต่ยังเป็นวันครบรอบ 1 ปี การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้วิ่งมาราธอนเข้าเส้นชัย คือ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ประกาศแนวนโยบายที่ไม่เน้นโปรเจ็กต์ยักใหญ่แม้เห็นผลงานได้สะดุดตา ทว่า มุ่งวิ่งมาราธอนทะลวงเส้นเลือดฝอยไม่ให้อุดตัน อารมณ์เป็นพ่อเมืองพ่อบ้านที่ดูแลความสะดวกสบายให้คนกรุงใช้ชีวิตไม่สะดุด และเป็น ‘เมืองน่าอยู่’ สำหรับทุกคน

1 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ‘วิ่งแล้ว วิ่งอยู่ วิ่งต่อ’ เพราะยังคงประกาศชัดว่า เมื่อก้าวสู่ปีที่ 2 บนเก้าอี้ผู้ว่าฯ จะยังคงเน้นเส้นเลือดฝอยต่อไป โดยในปี 2567 ตั้งงบไว้ 9 หมื่นล้าน แบบ ‘งบประมาณฐานศูนย์’ ฟุตเวิร์กพร้อมวิ่งพาประเทศก้าวหน้าร่วมกับรัฐบาลใหม่

216 นโยบาย ทำแล้ว 190 ย้ำ ‘โปร่งใส’

Advertisement

24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ว่าฯกทม.กล่าวถึงการเข้ามาทำงานครบรอบ 1 ปีว่า สิ่งที่ให้ความสำคัญและดำเนินการมาตลอดคือเรื่อง ‘ความโปร่งใส’ เนื่องจากเป็นหัวใจในการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน โดยเน้นการเปิดเผยข้อมูล เอาจริงเอาจังเรื่องคอร์รัปชั่น ซึ่ง กทม.มีคณะกรรมการ และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส ต่อมาคือ การให้ความสำคัญกับ ‘เส้นเลือดฝอย’ เชื่อว่ากรุงเทพฯจะดีได้ไม่ใช่เฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ โครงการเส้นเลือดฝอยลงในชุมชน ทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ร่วมกับโครงการเส้นเลือดใหญ่

ชัชชาติสัญจรสถานธนานุบาล กทม. ย้ำ อย่าเน้นกำไร ให้เน้นช่วยชาวบ้าน

“สำหรับระบบทราฟฟี่ฟองดูว์ ซึ่งประชาชนมีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการแจ้งปัญหาต่างๆ ถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของราชการ ปัจจุบันมีการแจ้งปัญหาผ่านระบบทราฟฟี่ฟองดูว์ ประมาณ 285,771 เรื่อง แก้ไขไปแล้ว 206,844 เรื่อง ส่งเรื่องให้หน่วยงานอื่น 61,870 เรื่อง กำลังดำเนินการ 8,911 เรื่อง ซึ่งระบบทราฟฟี่ฟองดูว์ สามารถตรวจสอบได้ว่าปัญหาถูกแก้ไขหรือไม่ หรือมีการทุจริตเกิดขึ้นที่ใด

ข้าราชการเปลี่ยนเลย ไม่มาสนใจผู้ว่าฯแล้ว ไปสนใจการบริการให้ประชาชน เพราะผู้ว่าฯไปสนใจการให้บริการประชาชนมากกว่า

Advertisement

ส่วนนโยบาย 216 เรื่อง ทำไปแล้วประมาณ 190 เรื่อง มีอีกประมาณ 20 เรื่องกำลังทบทวนให้ทันสมัย ซึ่งหลายโครงการทำแล้วไม่เห็นชัด เหมือนโครงการคลองโอ่งอ่าง ที่ประชาชนให้ความสนใจมาก แต่หลายเรื่องที่ทำอยู่ในชีวิตประชาชน เช่น การขุดลอกท่อ พัฒนาระบบการศึกษา การเปลี่ยนหลอดไฟแสงสว่าง

เชื่อว่าจะทำตามนโยบายที่ให้ไว้ เพื่อให้กรุงเทพฯเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน เราจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น หลายๆ โครงการเริ่มได้งบประมาณ มาปรับฟุตปาธ นำสายสื่อสารลงดิน” ชัชชาติกล่าว

9 หมื่นล้าน งบประมาณปี’67 หัวใจหลักสอดคล้อง MOU ‘รัฐบาลใหม่’

ส่วนประเด็นเรื่องงบประมาณของปี’67 ชัชชาติเผยว่าอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท โดยทำเป็นงบแบบสมดุล ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายจะเป็นโครงการหลากหลายด้านทั้งเส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดใหญ่ ภายใต้นโยบาย Zero-Based Budgeting หรืองบประมาณแบบฐานศูนย์ คือการปรับทุกอย่างให้เป็นศูนย์ก่อน โดยกรุงเทพมหานครได้นำโครงการเก่ามาดูและพิจารณาว่าคุ้มหรือไม่ ถ้าไม่คุ้มหรือไม่จำเป็นก็จะไม่นำโครงการเดิมมาทำ หากจำเป็นจริงๆ หรือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ก็ค่อยใส่เข้ามา ซึ่งเป็นแนวคิดหนึ่งที่ทำให้เราใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ จะต้องนำเข้า สภากรุงเทพมหานคร อีกครั้งหนึ่ง

ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. กับคาราวานสำรวจคนไร้บ้านปี’66

“จากที่ได้ติดตามอ่าน MOU ซึ่งทางกลุ่มที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลวางแนวทางไว้ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายใครจะเป็นรัฐบาล แต่เบื้องต้น นโยบายในหลายๆ ด้านของกรุงเทพมหานครและสิ่งที่เราดำเนินการอยู่นั้นมีความสอดคล้องกับ MOU ดังกล่าว ทั้งในแง่ของความโปร่งใส ซึ่งเป็นหัวใจในการทำงาน การใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงกระบวนการให้ดีขึ้น การทำ Zero-Based Budgeting เป็นต้น อย่างไรก็ดี เราสามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ เพราะเราเป็นหน่วยงานท้องถิ่นซึ่งต้องทำตามรัฐบาลกลางอยู่แล้ว

ขณะนี้ก็มีนโยบายหลายเรื่องที่เตรียมจะนำเรียนรัฐบาลใหม่ เช่น เรื่อง PM2.5 ที่ต้องลงมืออย่างใกล้ชิด โดยนำแผนแห่งชาติขึ้นมาพิจารณาใช้อย่างจริงจัง ซึ่งต้องร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนวคิดเรื่องท่าเรือคลองเตยในอนาคต หรือแม้กระทั่งการนำพื้นที่สาธารณะ เช่น ใต้ทางด่วน/ทางรถไฟ มาทำเป็นลานกีฬา สถานที่ปลูกต้นไม้ การนำพื้นที่ราชการต่างๆ ที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ มาทำสวนสาธารณะเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว การบริหารจัดการขนส่งมวลชน ขนส่งสาธารณะในเมือง ตลอดจนเรื่องค่าครองชีพ หากรัฐบาลใหม่เห็นด้วยก็จะเป็นสิ่งที่ดี และหากเราหาแนวทางร่วมกันได้ดี สุดท้ายก็จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้” ชัชชาติอธิบาย

‘ทราฟฟี่ฟองดูว์’ เปลี่ยนวิถีราชการ

เลิกเมินข้อเรียกร้องชาวบ้าน ‘ไม่คิดว่าจะสำเร็จขนาดนี้’

จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ลุย ‘สวน 15 นาที’ ตลอดทั้งปี
ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม.ร่วมซ้อมใหญ่เหตุเรือด่วนเจ้าพระยาชนโป๊ะเรือที่ท่าเรือยอดพิมาน

จากนั้น มาโฟกัสที่ผลงานจาก Traffy Fondue ผู้เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของราชการให้สนใจให้บริการประชาชนอย่างแท้จริง

“เมื่อก่อนราชการอาจจะไม่ได้สนใจข้อเรียกร้องของประชาชนมากนัก ทั้งที่ประชาชนคือผู้ที่รู้ปัญหาในพื้นที่ได้ดี เมื่อเรานำระบบ Traffy Fondue มาใช้อย่างเอาจริงเอาจัง จึงเป็นการเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้ข้าราชการไม่ต้องมาสนใจผู้ว่าฯ แต่สนใจแค่การบริการประชาชน การเอาใจใส่ประชาชน เพราะผู้ว่าฯเองก็ใส่ใจการให้บริการประชาชนมากกว่าเช่นกัน ในช่วงแรกไม่ได้คิดว่าจะสำเร็จขนาดนี้ ปัจจุบันมีเรื่องแจ้งมาทั้งหมด 285,771 เรื่อง แก้ไขแล้วเสร็จ 206,844 เรื่อง เป็นของหน่วยงานอื่น 61,870 เรื่อง กำลังดำเนินการอยู่ 8,911 เรื่อง นับเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการประชาชน ทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นอย่างไร้รอยต่อ เป็นการทลายไซโล (Silo) ที่เมื่อก่อนต่างคนต่างทำ สิ่งนี้เป็นตัวเชื่อมที่ทำให้ทุกหน่วยงานสามารถเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อนาคตเชื่อว่าจะมีการขยายผลใช้งานไปทั่วประเทศต่อไป ในส่วนของกรุงเทพมหานครก็ได้ขยายผลแล้ว โดยใช้ Traffy Fondue เป็นช่องทางการรับแจ้งเบาะแสเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะสิ่งที่เราเน้นมาตั้งแต่ต้นคือเรื่องของความโปร่งใสซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นกับเรา จึงได้เน้นย้ำว่าเราต้องเปิดเผยข้อมูล เอาจริงเอาจังกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งก็เริ่มเห็นผลแล้ว โดยได้มีคณะกรรมการ คณะทำงานที่ลงไปดำเนินการอย่างเข้มข้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เราคิดว่าทำได้ดี” ผู้ว่าฯกทม.สรุป

‘ถังแดง’ จัดให้ได้ แม้ไม่ได้ตั้งเป็น ‘ชุมชน’ เพราะทุกคนจ่ายภาษี

ส่วนเรื่องการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ซึ่งล่าสุด ชัชชาติลงพื้นที่ซอยที่วุฒากาศ 18 ซึ่งเพลิงโหมห้องเช่าเสียหาย 31 ห้อง

“ทีมดับเพลิงเข้าถึงพื้นที่ไม่ช้า ประมาณ 5 นาทีก็ถึง หัวแดงก็ทำงานได้ น้ำก็มี แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่อาคารไม้จึงทำให้เกิดการลามติดต่ออย่างรวดเร็ว บทเรียนจากเหตุครั้งนี้คงต้องพัฒนาเรื่องถังแดงและการเข้าเผชิญเหตุนาทีแรกให้เร็วขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ต้องดูหลังการพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งหนึ่งว่าปัญหาเกิดจากอะไร…ในส่วนของกรุงเทพมหานครก็จะพยายามปรับเรื่องการช่วยเหลือด้านการดับเพลิง โดยเข้าถึงเหตุให้เร็วขึ้น ตอนนี้ได้ให้ตั้งศูนย์บรรเทาภัย รับลงทะเบียนผู้ประสบภัย จัดหาที่อยู่อาศัย และความช่วยเหลือเบื้องต้น”

อีกประเด็นสำคัญคือพื้นที่ซึ่งไม่ได้จัดตั้งเป็น ‘ชุมชน’ แต่มีความประสงค์ได้ ‘ถังแดงดับเพลิง’ ไว้นั้น ผู้ว่าฯเผยว่า ‘จัดให้ได้’ เพราะทุกคนก็จ่ายภาษีเหมือนกัน ต้องช่วยหมด ขณะเดียวกันก็ต้องดูเรื่องมาตรการในการอนุมัติให้เป็นชุมชน ซึ่งน่าจะทำให้สะดวกขึ้น เพราะการเป็นชุมชนจะดีตรงที่เข้าสู่ระบบเรา ทำให้เรามีฐานข้อมูล รวมถึงจะมีอาสาสมัครต่างๆ และเข้าถึงความช่วยเหลือต่างๆ ได้มากขึ้น

“ปัจจุบันระเบียบอาจจะตึงบ้างในบางส่วน ต้องไปทบทวนเรื่องนี้ ปรับให้สามารถนำชุมชนเข้าสู่ระบบ ปัญหาตอนนี้คือการจะเป็นชุมชนต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของบ้านทุกหลัง หรือกรณีหลังคาเรือนน้อยกว่าที่กำหนด ซึ่งในเรื่องนี้จะให้รองผู้ว่าฯศานนท์ดูรายละเอียดว่าจะปรับระเบียบอย่างไรเพื่อให้โอบรับชุมชนต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา และเพื่อให้เราสามารถให้ความช่วยเหลือต่างๆ ได้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น” ผู้ว่าฯกทม.กล่าว

กว่าแสนดวง บนหน้าตัก กรุงเทพฯ ต้องสว่าง

คืบหน้า ‘เปลี่ยนหลอดเป็น LED’

ปิดท้ายด้วยถ้อยแถลงของ เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเปิดเผยความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขไฟฟ้าส่องสว่างดับและการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเป็น LED ที่ กทม.มีไฟฟ้าที่รับผิดชอบอยู่ 1 แสนกว่าดวง ปัจจุบันสำรวจไฟฟ้าส่องสว่างไปทั้งสิ้น 147,566 ดวง แก้ไขแล้ว 28,014 ดวง ยังดับ 165 ดวง

ผลการติดตั้ง LED IOT มีดังนี้

120W จำนวน 4,419 ดวง แล้วเสร็จ 207 ดวง (ถนนพระรามที่ 4 ถนนอังรีดูนังต์ ซอยรางน้ำ ถนนเทิดราชัน) 150W จำนวน 746 ดวง แล้วเสร็จ 746 ดวง (ถนนพระรามที่ 4 ถนนราชวิถี ถนนราชปรารภ ถนนราชดำริ ถนนเพลินจิต ถนนนวมินทร์ ถนนบางขุนเทียนชายทะเล ถนนนิมิตใหม่ ถนนรัชดา) และ 50W จำนวน 20,000 ดวง แล้วเสร็จ 4,434 ดวง

ด้านการติดตั้งโคมไฟริมคลองแสนแสบ รวม 1,285 โคม อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,134 โคม แล้วเสร็จ 151 โคม ส่วนโคมไฟริมคลองบางลำพู รวม 208 โคม อยู่ระหว่างดำเนินการ 70 โคม แล้วเสร็จ 138 โคม

วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. พร้อมชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงตรวจอุโมงค์ยักษ์บางซื่อ พร้อมรับมือน้ำท่วม

ถอดบทเรียนเลือกตั้งครั้งหน้า เตรียมระบบ ‘สำรองไฟ’

สำหรับการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป กทม.มีการสรุปบทเรียนเพื่อให้ครั้งหน้าออกมาราบรื่น ไร้อารมณ์สะดุด อาทิ การพัฒนาหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าให้ดีขึ้น การติดตั้งกล้อง CCTV ห้องเก็บหีบบัตรเลือกตั้งเพื่อความโปร่งใส โดยให้มีความพร้อมในเรื่องระบบสำรองไฟ หลัง ‘ห้องมั่นคง’ เก็บหีบบัตรเลือกตั้งเกิดเหตุไฟดับกะทันหัน จากอุบัติเหตุรถเครนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูล้มทับเสาไฟหัก ทำ ‘บางเขน’ ตกอยู่ในความมืด จนเจ้าหน้าที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ย้ำความโปร่งใสด้วยการ ‘ไลฟ์สด’ ผ่านเฟซบุ๊ก

ส่วนผลการเลือกตั้ง ซึ่งกรุงเทพมหานครผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 4,479,599 คน มาใช้สิทธิ 3,312,916 คน คิดเป็นร้อยละ 73.96 เอกวรัญญู เผยว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ประชาชนกรุงเทพฯตื่นตัวออกมาใช้สิทธิมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา

โดยเขตเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 31 ประกอบด้วย เขตทวีวัฒนา และเขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง) คิดเป็นร้อยละ 77.78 มีบัตรเสียร้อยละ 1.45 ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.กทม.แบบบัญชีรายชื่ออย่างไม่เป็นทางการ เรียงลำดับผลคะแนนสูงสุด 3 ลำดับ ดังนี้ 1.พรรคก้าวไกล ได้คะแนน 1,600,689 คะแนน 2.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้คะแนน 630,997 คะแนน และ 3.พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 600,267 คะแนน โดยคะแนนข้างต้นเป็นข้อมูลที่รายงานในที่ประชุม แต่ต้องรอทาง กกต.ยืนยันอีกครั้ง

นับเป็น 1 ปีที่แม้ไม่หวือหวาด้วยเมกะโปรเจ็กต์ แต่มีผลงานชี้แจงอย่างเป็นรูปธรรม เน้นย้ำศักยภาพนักวิ่งมาราธอน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และทีม กทม.

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image