ผู้เขียน | ปริศนา ทับดวง |
---|
ถอดมุมคิด ซีอีโอพันล้าน ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ย้ำจุดยืน ‘ที่ไหนๆ ทั่วโลก ก็เลือกใช้ข้าวตราไก่แจ้’
ผ่านไปหมาดๆ กับงาน “THAIFEX-Anuga Asia 2023” ที่อิมแพค เมืองทองธานี เวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ประกอบการรายใหม่และรายใหญ่ได้พบปะเจรจาต่อยอดทางธุรกิจ ปีนี้มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 2,000 ราย จากกว่า 120 ประเทศ
หนึ่งในบูธที่ได้รับความสนใจชนิดหัวกระไดไม่แห้งคือ “ข้าวตราไก่แจ้” ภายใต้แนวคิด “ที่ไหนๆ ทั่วโลก ก็เลือกใช้ข้าวตราไก่แจ้” ถือเอาวาระนี้เปิดตัวแพคเกจจิ้งใหม่ ทันสมัยทั้งสีสันและดีไซน์ สำหรับวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อย่าง บิ๊กซี ซีเจ แม็คโคร และ เซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศไทย
ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารตราไก่แจ้ และ บริษัท KJ World Foods ดูแลด้านการส่งออก บอกว่า ข้าวตราไก่แจ้มีสินค้าหลากหลายกลุ่ม ตลาดในประเทศมีสินค้ามากกว่า 400 รายการ ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ข้าว ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอม ข้าวขาว ข้าวเหนียว ข้าวเพื่อสุขภาพ แต่ละตัวมีหลากหลายเกรด อย่างข้าวญี่ปุ่นมี 2 เกรด เกรดพรีเมียมพันธุ์อาคิตะ และพันธุ์ซาซานิชิกิ จำหน่ายในกลุ่มร้านอาหารข้าวญี่ปุ่นทั่วประเทศ มีบริการฟู้ดเซอร์วิสกระจายไปตามร้านอาหาร โรงแรม หรือครัวในโรงงานต่างๆ
“ข้าวที่ขายดีที่สุดยังเป็นข้าวหอมมะลิ นอกจากนี้ ตลาดให้ความสนใจเรื่องของราคาด้วย อย่างข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ถุงสีเขียวได้รับความนิยมมาก เป็นพรีเมียมแมส ใช้ทั้งในร้านอาหารและในครัวเรือนเพราะราคาไม่สูงมาก วางแผนว่าปีหน้าจะพยายามกระจายสินค้าเข้าทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่ตลาด Traditional Trade อย่างเดียว ทั้ง Local Trade Modern Trade รวมทั้งฟู้ดเซอร์วิส ต่อไปจะมีสินค้าที่ไม่ใช่ข้าวกระจายเข้าไปมากขึ้นด้วย รวมถึงตลาดส่งออกที่เราเติบโตเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ข้าว อาทิ เส้นก๋วยเตี๋ยว พริกป่น พริกแห้ง น้ำปลาร้า ปลากระป๋อง พริกไทย ธีรินทร์บอกว่า ส่งต่างประเทศมากเช่นกัน เราพยายามหาสินค้าใหม่ๆ มาตอบโจทย์ลูกค้า รวมถึงน้ำปลาพริกสำหรับตลาดในประเทศและส่งออกบางส่วน น้ำส้มปรุงรส พริกน้ำตาล ได้รับการตอบรับดี แม้ว่าตลาดหลักยังเป็นในประเทศ แต่ก็มีกลุ่มลูกค้าที่สนใจส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ
ทุกตลาดมีช่องว่าง อยู่ที่จะหาเจอหรือไม่
สำหรับตลาดส่งออกแม้จะเพิ่งเริ่มทำตลาดได้ 10 ปี แต่จากการลงพื้นที่เรียนรู้ ทำความเข้าใจ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาปรับใช้ ปัจจุบันข้าวตราไก่แจ้วางจำหน่ายใน 30 กว่าประเทศทั่วโลก และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับกลุ่มลูกค้า OEM (รับจ้างผลิต) เช่น ออกแบบแพคเกจจิ้งให้สอดคล้องกับความนิยมของประเทศที่ส่งไป ทั้งโทนสี อารมณ์ของสี อย่างยุโรปชอบแบบนุ่มนวล เท่ๆ ลุ่มลึก แต่อเมริกาชอบสว่าง สดใส
ธีรินทร์บอกว่า ตลาดส่งออกนอกจากประเทศในแถบยุโรป อเมริกา ยังมีที่แอฟริกา ตะวันออกกลาง อินเดีย สิงคโปร์ และเอเชียบางส่วน และในอนาคตเราจะไปทำตลาดที่จีน ตอนนี้อยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาต
ยกตัวอย่างตลาดอินเดีย ผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 เข้ายากมาก พอดีได้รู้จักคู่ค้าในงานแสดงสินค้า จึงติดต่อและเริ่มขายและเติบโตมาด้วยกัน
“ผมมองว่าทุกตลาดมีช่องว่างอยู่ เพียงแต่ต้องหาให้เจอ และต้องเจอคู่ค้าที่เชื่อถือได้ เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี ถ้าไปเจอคู่ค้าที่ไม่ใช่พาร์ตเนอร์ที่ดี จะไม่สามารถพัฒนาสินค้าให้เติบโตไปได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญ และสุดท้ายคือต้องใช้เวลาและเปิดโอกาสให้กับตัวเองมากๆ ผมจะแบ่งเวลา 30-40% จะเดินทางไปหาลูกค้าต่างประเทศ ได้เรียนรู้ได้เข้าใจพื้นที่ เข้าใจคน พฤติกรรมผู้บริโภค และได้เงินด้วย ผมสนุกกับเวย์นี้มากขึ้น”
ข้าวไทยยังยืน 1 ในตลาดโลก
ต้องยอมรับว่าการทำตลาดผลิตภัณฑ์ข้าวนั้นไม่ง่าย เฉพาะในประเทศไทยมีมากกว่าหมื่นแบรนด์ ธีรินทร์บอกว่า ข้าวไทยถ้าเทียบเรื่องคุณภาพเรายังเป็นที่หนึ่ง ราคาพอจะแข่งขันได้ และมีช่องทางในตลาดให้เติบโตได้อีกมาก ข้าวไก่แจ้ตอนนี้ในตลาดต่างประเทศเติบโตได้มาก ขณะเดียวกันก็เริ่มทำตลาดกลุ่มในประเทศ มีการขยายเพิ่มเติมในโมเดิร์นเทรดและฟู้ดเซอร์วิส ซึ่งปีที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ได้ตลาดที่เป็นฐานใหม่ๆ มากขึ้น ส่วนปีนี้เราตั้งเป้าที่ 3,000 ล้าน ตั้งเป้าเติบโตในภาพรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20-30% ตลาดต่างประเทศเติบโต 50-100% เทียบกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จะเห็นว่างาน Thaifex ปีนี้มีคนเข้าชมงานมากขึ้น เป็นปีแรกหลังจากจีนเปิดประเทศ จึงคึกคักมาก ตลาดกลับมาโอเพ่น 100% ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
ถามถึงอนาคตข้าวไทย ธีรินทร์ ให้ความเห็นว่า ยังไปได้อีกมาก “ถ้าภาครัฐช่วยส่งเสริมหรือรณรงค์ให้คนรู้จักข้าวไทยมากขึ้น รู้จักอาหารไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะผ่าน Soft Power อะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่แค่ข้าวอย่างเดียว ผมว่าสินค้าเกษตรไทยยังไปได้ไกล เพราะเรามีต้นทุนที่ดี มีดินที่ดี มีอากาศที่ดี สินค้าเกษตรไทยมีคุณภาพอยู่แล้วทุกคนในโลกรู้ ถ้าสามารถสร้างให้คนอยากมากินและให้อาหารไทยเป็นที่นิยมมากขึ้น สินค้าเกษตรไทยจะเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะข้าวที่เป็นสินค้าหลักของประเทศ”
2 “ไม่” สร้างความสำเร็จ
ธีรินทร์เปิดใจถึงหลักคิดในการดำเนินธุรกิจว่าต้อง “ไม่หยุดคิด และไม่เอ็นจอยกับความสำเร็จเดิม” เพราะปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนเร็วมาก เราไม่สามารถทำแบบเดิม ขายแบบเดิม กับกลุ่มธุรกิจเดิม ต้องพยายามหาช่องทางใหม่ๆ มากขึ้น อย่างเมื่อก่อนข้าวตราไก่แจ้ขายแต่ข้าวอย่างเดียว ขายในประเทศอย่างเดียว วันนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์แล้วในการที่จะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ต้องหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ลูกค้าใหม่ๆ เราไม่หยุดคิด พยายามหาช่องทางมากขึ้นเรื่อยๆ
“สินค้าทุกชนิดมีโอกาสเติบโต หรือแม้จะมีเจ้าตลาดอยู่ก่อน หรือมีคู่แข่งมากขนาดไหน ขอเพียงมุ่งมั่น และนำเสนออะไรที่แตกต่างและทำให้ทุกคนเห็น ลูกค้าเห็น และเชื่อถือในแบรนด์เราให้ได้ ผมมองว่าทุกอุตสาหกรรมสามารถเติบโตได้ ไม่ว่าการแข่งขันนั้นจะมีเป็น Red Ocean (ธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง) ขนาดไหนก็ตาม
“สำคัญที่สุดต้องเริ่มเร็ว คิดเร็ว ทำเร็ว วันนี้ธุรกิจเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ใครเริ่มก่อนได้เปรียบ”
ข้าวตราไก่แจ้เองตอนเริ่มต้นก็เป็นโรงงานเล็กๆ ขายอยู่แค่ 3 อำเภอในจังหวัดชลบุรี แต่เรามุ่งมั่นในทางของเราโดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จของคนอื่นของคู่แข่ง มันก็สามารถสร้างความแตกต่างและทำให้เรามีที่ยืนและเกิดขึ้นมาเป็นไก่แจ้ในวันนี้ได้
ปริศนา ทับดวง