| ผู้เขียน | ณัฐวุฒิ สำราญ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
ถือเป็นบุคคลในข่าวที่เมื่อออนไลน์เมื่อใด ยอดอ่าน ยอดแชร์ ยอดไลค์มหาศาล
สำหรับเศรษฐีระดับพันล้าน อย่าง ประทีป วัชรโชคเกษม แห่งอาณาจักรแสงประทีปออโต้ซีท ซึ่งประกอบธุรกิจเบาะรถยนต์อันดับต้นๆ ของเมืองไทย ผู้ไม่เพียงคร่ำหวอดในแวดวงการค้าการลงทุน หากแต่ยังเคยนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาประธานสภา ยุค มารุต บุนนาค ทั้งยังเคยสมัครชิงชัยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาแล้ว
ด้วยเหตุนี้ จึงมีคอมเมนต์หลากหลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองไทยที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้
ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ที่ยอมรับตรงๆ ว่า ‘ไม่เห็นด้วย’ กับพรรคก้าวไกล เพราะหวาดหวั่นว่าเจ้าของธุรกิจจะไปต่อไม่ได้หากต้นทุนเพิ่มแบบพุ่งพรวด
ไหนจะความเห็นสะกิดแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ให้ประนีประนอมคุยพรรคประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนาให้เข้าร่วม ซึ่งแน่นอนว่าโดนทัวร์ลงตามคาด
ล่าสุด ยังออกมาฟันธงว่าพิธา รอดปมหุ้นสื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีและเอกสารงบการเงินนั้นไม่มีความหมาย เพราะไม่ว่าอย่างไร พิธาก็ไม่ใช่เจ้าของหุ้นตั้งแต่แรก
“อยากให้ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่”
คือคำตอบเรียบง่ายเมื่อถามถึงความมุ่งหวังของคหบดีผู้มั่งคั่งที่เริ่มต้นชีวิตจาก ‘เด็กขายไอติม’ ไม้ละสลึง กระทั่งก่อร่างสร้างตัวด้วยคติประจำใจ ‘ซื่อสัตย์ กตัญญู’ จนมั่งคั่งเป็นปึกแผ่น พร้อมด้วยประสบการณ์ในหลากวงการที่พร้อมแบ่งปันผ่านบทสนทนาครั้งนี้
- ก่อนอื่น ขอถามถึงความเห็นที่ออกมาบอกว่า คลิปประชุมและงบการเงินบริษัทไอทีวี ไม่สำคัญ เพราะพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ใช่เจ้าของหุ้นตั้งแต่แรก?
คุณพิธายังไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้น itv 42,000 หุ้น เพราะเป็นเพียงผู้จัดการมรดก ดูแลทรัพย์สินอื่นๆ รวมทั้งหุ้น itv แทนทายาทคนอื่นๆ เท่านั้น
ข้อเท็จจริง คือ 1.หุ้นเป็นของคุณพ่อคุณพิธาที่ซื้อมา เมื่อเสียชีวิต ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้และมีทรัพย์สินหลายรายการ เนื่องจากคุณพิธาเป็นบุตรชายคนโต ทายาทคนอื่นยินยอมรับรองให้ร้องศาลเป็นผู้จัดการมรดก รายการหุ้น itv จะแบ่งให้ทายาทคนอื่นทั้งหมดก็ได้ เนื่องจากทรัพย์สินมีหลายรายการ
2.คำสั่งศาลที่ให้คุณพิธาเป็นผู้จัดการมรดก ถึงหาไม่เจอ ก็ฟังได้ว่าเป็นผู้จัดการมรดกเท่านั้นและปี’62 ก็ยื่นหลักฐานตรวจสอบ สมัคร ส.ส.ผ่านการตรวจสอบจาก กกต. และยื่นบัญชีทรัพย์สิน เพิ่มเติมให้ ป.ป.ช.พิจารณาการถือครองหุ้นในนามตัวแทนทายาทคนอื่นๆ ในฐานะผู้จัดการมรดก การถือหุ้น itv ในกรรมสิทธิ์รวมมีทายาทในฐานะผู้จัดการมรดก ยังไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน
3.ระบบกล่าวหานั้นต้องรอบคอบ รับผิดชอบ หลักฐานอื่นๆ เป็นเพียงปลายเหตุ ผู้จัดการมรดก ยังไม่ใช่เจ้าของมรดก ในทรัพย์สินนั้นๆ วาระการประชุมของบริษัทที่ถูกเปิดออกมานั้นไม่สำคัญอะไรเลย
- เราเห็นพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตัวมองกระบวนการการเมืองรอบนี้เป็นอย่างไร ทำไมขั้วอำนาจเก่าแพ้ย่อยยับ?
ครั้งนี้ก็เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนต้องการเปลี่ยน ที่แล้วมา ไม่ว่ากระทรวง ทบวง กรม ข้าราชการ มีการทุจริตกันเยอะ การเลือกตั้งก็มีส่วนใช้เงิน 10 ล้าน 50 ล้าน เป็นร้อยล้าน กระแสความต้องการความเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว ประชาชนเชื่อใจพรรคก้าวไกลว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างได้ นี่จึงทำให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างถล่มทลาย
สำหรับความพ่ายแพ้ของขั้วอำนาจเก่า คิดว่าอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะพรรคฝั่งรัฐบาลเดิมก้าวไม่ทัน มีการใช้เงินมากมาย เอาไปทุ่มเทกับสิ่งที่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชนระดับรากหญ้าที่ยังต้องการความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อการยังชีพด้วย เช่น การเพาะปลูก การสร้างรายได้
- มองนโยบายอื่นๆ ของพรรคก้าวไกลที่นอกเหนือจากการแก้ไขโครงสร้างอย่างไรบ้าง?
ก็ถูกใจประชาชน เพราะประชาชนต้องการแก้ แต่บางนโยบาย ผมมองว่ายังอันตรายไปหน่อย อย่างการขึ้นค่าแรง เพราะถ้าคนรวยไม่มีกำลัง ธุรกิจก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ควรจะขึ้นครั้งละ 20% คือค่อยๆ ขึ้น ไม่ควรขึ้นทีเดียวสูงพรวด คนสั่งขึ้นไม่ได้เป็นคนจ่าย บริษัทใหญ่ๆ ทั้งนั้นที่จ่าย ถ้าขึ้นค่าแรงเยอะ เขาก็ไม่สามารถจ่ายได้ ต่างชาติไม่มาลงทุน อย่างธุรกิจประกอบรถยนต์ พอค่าแรงขึ้น ราคารถที่จะส่งออกก็จะสูงขึ้น ไปแข่งขันตลาดต่างประเทศไม่ได้
ประเด็นเรื่องค่าแรง 450 บาท ทำงาน 40 ชั่วโมงนั้น ควรใช้ของเพื่อไทย คือ 400 บาท และค่อยๆ ปรับตัว และการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ไม่ควรให้ใช้ ของเดิมดีอยู่แล้ว ไม่งั้นจะกระทบต่อการลงทุน เศรษฐกิจ แรงงานส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ ค่าแรงสูง จุดลงทุนไม่มี สินค้าขายไม่ได้ ธุรกิจอุตสาหกรรมไม่ได้ทำง่ายๆ และขายง่ายๆ ต้นทุนสูงค่าครองชีพสูง ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าธุรกิจเจ๊ง รัฐบาลก็ไม่สามารถเก็บภาษีเงินได้ ภาษีเท่านั้นจึงทำให้ประเทศอยู่ได้ กู้มาใช้ วันหนึ่งประเทศก็ล้มละลายได้ ทุกวันนี้หนี้สินประเทศมากมาย จะต้องเสียดอกเบี้ยให้ต่างชาติ ธุรกิจเพิ่งผ่าน
โควิดมา ประชาชน SME ยังไม่ฟื้น ค่าแรงสูงมากไป คนจะไม่ลงทุน และจะไม่มีการจ้างงาน จะทำให้คนตกงานมากขึ้น
- จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกขณะนี้ ถ้าเรายังไม่สามารถตั้งรัฐบาลใหม่ได้ในเร็วๆ นี้จะเกิดผลกระทบอย่างไร โดยเฉพาะความเชื่อมั่น?
เศรษฐกิจไทยทุกวันนี้ ผมมองว่าในด้านมหภาคเราไม่ได้เดือดร้อนอะไร มันอยู่ตัวของมันแล้ว พรรคที่เก่งทางนี้คือ เพื่อไทย ส่วนก้าวไกลจุดเด่นที่เห็นตอนนี้คือนโยบายด้านเศรษฐกิจชุมชน กระจายรายได้ อย่างสุราก้าวหน้า เอสเอ็มอี ที่จะช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม แต่เรายังต้องขยายฐานการส่งออกด้วย
จุดแข็งของก้าวไกลก็คือช่วยเหลือคนยากจน มุ่งเน้นความช่วยเหลือรัฐสวัสดิการ ดูแลตั้งแต่เกิดยันแก่ ส่วนของเพื่อไทย ก็จะเป็นนโยบายแบบประสงค์ของเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงเยอะ ซึ่งผมอยากให้ทั้ง 2 พรรคร่วมกัน ก้าวไกลถนัดตรวจสอบ ก้าวไกลโปร่งใส แต่อย่างไรก็ต้องมีเพื่อไทยเป็นเหมือนคนจับหางเสือเรือ เพื่อให้แล่นไปข้างหน้าได้
ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่ร่วมกันเปลี่ยนแปลง ปกครองร่วมกัน ประเทศไทยก็จะเจริญมั่นคงพัฒนา ไปพร้อมกันกับการพัฒนา คน และการศึกษา แนวคิด คุณภาพชีวิต สังคม ระบบระเบียบ ผังเมือง อุตสาหกรรม ชุมชน ชนบท ฝีมือแรงงาน ความขยัน
- ขอย้อนไปที่การเสนอให้แกนนำตั้งรัฐบาล ดึงพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วม ทำไมมีประเด็นนี้?
อยากให้จัดตั้งรัฐบาลได้ อาจจะมีคนมาแข่งกับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ฉะนั้น การที่เราดึงประชาธิปัตย์กับชาติไทยพัฒนา มันจะทำให้คนที่มาแข่งสู้ไม่ได้ ถึงผมเสนอให้ดึงพรรคเหล่านี้มาก็จริง แต่ก็อยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นนายกฯก่อน เข้าสู่อำนาจก่อน ให้ปกครองก่อน แล้วค่อยมาปรับโครงสร้าง ถ้ามัวแต่เถียงกันแล้วไม่ได้เข้าสู่อำนาจ มันก็ทำอะไรไม่ได้ บริหารอะไรไม่ได้ เอาให้ชนะเข้ามาเป็นรัฐบาลก่อน
การดึงประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลข้อดีมีหลายประการ มีท่านชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือและเป็นประชาธิปไตย และพรรคที่เหลือก็มีปัญหากับ ปชป.ในการเลือกตั้งทางใต้
ส่วนนโยบายเศรษฐกิจ ต้องให้เพื่อไทยเป็นผู้กำหนด เพื่อไทยชำนาญทางด้านเศรษฐกิจ ก้าวไกลได้ทำตามฝันครึ่งหนึ่งก่อน เป็นนายกฯให้ได้ก่อน พบกันครึ่งทาง หาทางสายกลาง ประเทศจะเปลี่ยนแปลงทันทีนั้นยาก ส่วน ส.ว.หลังรับรอง ส.ส.เปิดสภา ก็เหลืออายุการทำงานประมาณ 7 เดือนเท่านั้น การเมืองทุกพรรค ทุกคนล้วนมีคุณค่า ต้องการบริหารประเทศ สิ่งไหนทำได้ทันทีทำไปก่อน
- ถ้าให้สมมุติตัวเองเป็นรัฐบาล หรือสามารถขับเคลื่อนนโยบายของประเทศได้ 3 ข้อ อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร?
1.ผังเมือง พื้นที่สีเขียวไม่ต้องกำหนด แต่ให้สามารถไปสร้างอุตสาหกรรมได้ สร้างโรงงานได้
2.พัฒนาการศึกษา พัฒนาคน ต้องช่วยตั้งแต่อยู่ในท้อง เมื่อเกิดมาแล้วต้องดูแลให้เติบโตโดยมีคุณภาพ การศึกษาต้องได้เรียนสอง สาม ภาษา คิดเลขเป็นคำนวณเป็น ถ้าไปเรียนชั้นประถมก็ควรสอนให้เด็กปลูกผัก ทำงานบ้าน รู้จัดงานช่างไม้ สามารถเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ได้ ดูแลกันได้
3.เก็บภาษีให้อยู่ที่จังหวัดนั้น เพื่อให้เงินคงคลังต่างจังหวัด จะได้ให้ท้องถิ่นพัฒนา
ถ้าผมเป็นรัฐบาล จะผลักดันการวางท่อส่งน้ำมันดิบขึ้นไปที่อีสาน จะตอนบนหรือตอนล่างก็ได้ สร้างโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ เพื่อส่งออกไปจีน ออกไปลาว สร้างรถไฟรางคู่จากอีสานลงมาระยอง มาที่แหลมฉบังเลย เราต้องพัฒนาอุตสาหกรรมไม่ว่าที่ไหนก็แล้วแต่
- ในฐานะที่ถือได้ว่าเคยลำบากมาก่อน กระทั่งสร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นนักธุรกิจในวันนี้ มองความสำคัญของรัฐสวัสดิการอย่างไร ถึงเวลาแล้วหรือไม่?
ในส่วนของแนวคิดและนโยบาย เป็นเรื่องที่ดี แต่ในทางปฏิบัติอาจต้องพิจารณาหลายอย่างประกอบ ตอนนี้สิ่งที่ประเทศไทยมีแล้วคือ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งก็ช่วยได้มาก ถ้ามีการพัฒนาต่อยอดไปอีก จะยิ่งดี ให้การรักษาดีๆ ส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพ ถ้าไม่มีตรงนี้ บางคนเป็นมะเร็ง ค่ารักษาสิบล้าน ชาวบ้านจะหาเงินที่ไหนมาจ่าย เครื่องมือแพง ยาเข็มหนึ่งสองหมื่น สามหมื่น รักษามะเร็งกับโรคไต โรคเบาหวาน ถ้าชาวบ้านไม่มีตังค์จะทำอย่างไร ดังนั้น ต้องช่วยเขา ผมเลยสนับสนุนให้เปิดกาสิโนแบบถูกกฎหมายเพื่อเอาภาษีพวกนี้ไปพัฒนา ถ้ารัฐบาลไหนทำให้ประชาชนแข็งแรง
มีคุณภาพชีวิตที่ดี เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ชนะ
- รัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น หากเปรียบกับรถยนต์ ควรเป็นรถแบบไหน แล้วคนขับควรจะขับเคลื่อนไปในทิศทางใด?
เปรียบเหมือนเป็นโฟร์วีล คนขับดุดันมุ่งมั่น เชื่อมั่นตัวเอง ขับไปบนเส้นทางที่มั่นคง แต่ก็ต้องฟังคนที่ให้คำปรึกษา อย่าขับเร็วจนตกถนน
อยากให้ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่โดยขอให้มองทั้งนักธุรกิจระดับบนระดับล่าง ดำเนินงานให้มันเป็นเหมือนใยแมงมุม มีเครือข่าย คือคุณต้องสัมพันธ์กันหมด อย่าไปมุ่งเน้นจุดใดจุดหนึ่ง คุณต้องทำให้ล่างอยู่ได้ และบนก็อยู่ได้ด้วย
