Fine Dining ไฟน์ไดน์นิ่ง คือ ร้านอาหารชั้นดี หรู ทั้งรูปลักษณ์ บรรยากาศ การบริการ และรสชาติอาหาร ต้องเรียกว่า เพียบพร้อม จึงจะได้รับการยอมรับ และสามารถเรียกราคาที่สูงขึ้นได้ด้วย
ปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีร้านที่เป็น ไฟน์ไดน์นิ่ง มากขึ้น และไม่จำเป็นต้องเป็นร้านที่อยู่ในโรงแรมห้าดาว ส่วนใหญ่เช่าบ้านเก่าๆ ตกแต่งสวย มีทั้งที่ทำได้สำเร็จ ประเภทกำลังไต่เต้า และที่ หลอกตัวเอง ว่าถึงแล้วได้แล้ว แต่เอาเข้าจริงยัง สอบตก อยู่
เพราะ มีเงิน เปิดร้านอย่างเดียว ไม่นับว่าสำเร็จ อย่างอื่น เนรมิต ไม่ได้ ต้องเรียนรู้และพัฒนา!!
วิธีปรับปรุงตัวที่ดีที่สุดคือ การ ฟัง คำติชมลูกค้า เลือกลูกค้าที่ไม่ใช่เพื่อนหรือญาติมิตรที่จะมีแต่
คำหวาน หรือ ความเกรงใจ หาพวกที่หวังดี ติเพื่อก่อ หรือเข้าไปดู รีวิว ในเว็บและโซเชียลมีเดีย ที่ไม่ใช่พวกรับเงินโฆษณาร้าน แล้วจ้างคนมาโพสต์อวยกันเองไปมา
ของต่างประเทศอย่าง Trip Advisor น่าเชื่อถือสุด ลูกค้าจริง มีทั้งชม ทั้งติ ทั้งด่า อ่านให้ครบ แล้วประเมินได้ เพราะใช่ว่าทุกอย่างจะดีเลิศเสมอไป ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เส้นผมในอาหาร เนื้อไม่สุกพอ อาหารไม่มาตามสั่ง
ร้านที่ดีไม่ได้หมายความว่าไม่ทำผิดเลย แต่เขาแก้ปัญหาอย่างไรต่างหาก เช่น หากทำมาผิด ทำใหม่ลดราคาให้ หรือหากเป็นเส้นผม แมลง หรือมีข้อผิดพลาดอย่างหนัก เช่น ออเดอร์หาย ลูกค้ารอนาน ทวงแล้วทวงอีก เจ้าของหรือผู้จัดการต้องมาขอโทษ ทำให้ใหม่ และให้ ฟรี ไปเลย อย่า เสียน้อยเสียยาก เพราะลูกค้าไม่ แฮปปี้ เดินออกไปแล้ว จะ เสียมากเสียง่าย เพราะไม่กลับมาอีก และด่าต่อให้ฟังไม่รู้จบ!!
ใครอยากรู้ว่า ไฟน์ไดน์นิ่ง ที่ดีเป็นอย่างไร ลองไปชิมที่ Lenzi ซอยร่วมฤดี 2 วันก่อนไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะไปงานแถวถนนวิทยุ เสร็จกูเกิลหาร้านกินช่วงค่ำ ธรรมดาจะฝากท้องกับ Neils Tavern แต่ร้านนี้โผล่ขึ้นมาในโทรศัพท์ อ่าน Trip Advisor รีวิวดี โทรเข้าไปเช็กว่ามีโต๊ะไหม พอจองได้ เลี้ยวรถมุ่งไปเลย
เข้าไปภายในร้านคึกคัก โต๊ะเกือบเต็ม แต่ร้านจัดที่นั่งสบาย โต๊ะเก้าอี้อย่างดี สว่างไสว และบรรยากาศไม่เกร็งจนคอตั้ง หรูแต่เป็นกันเอง
Lenzi เป็นร้านอาหารอิตาเลียนจาก Tuscany จึงเรียกตัวเองว่าเป็น Tuscan Kitchen วัตถุดิบอาหารมาจากฟาร์มที่นั่นโดยตรง เน้นว่าเลี้ยงโดยธรรมชาติที่สุด และใช้การปรุงแต่งแบบ Slow Cooking เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยที่มาจากความเป็นธรรมชาติมากที่สุด และได้อรรถรสที่กลมกล่อม ไม่ต้องใช้สารปรุงแต่ง
พนักงานคนไทยเรียบร้อย แนะนำอาหารได้ และ ผู้จัดการร้านชาวอิตาลี ชื่อ ฟรานเชสโก้ “Francesco” ขยันขันแข็ง เดินแนะนำตัวเองตามโต๊ะ พูดคุย และแนะนำอาหารไวน์ได้อย่างดี ทั้งไม่ใช่ว่า สั่งอาหารเสร็จแล้วหายไปอย่างบางร้าน ฟรานเชสโก้จะแวะเวียน ถามไถ่รสชาติอาหาร พูดคุยสัพเพเหระ
ได้ความว่าเมื่อก่อนอยู่นิวยอร์ก ทำร้านอาหาร และ F&B โรงแรม จนเพื่อนคือเชฟ ชื่อ ฟรานเชสโก้ เหมือนกัน ชวนมาทำที่นี่ คุยๆ ไปผมก็งงๆ ว่า ฟรานเชสโก้ ไหน จนผู้จัดการบอกเดี๋ยว เชฟฟรานเชสโก้ ก็จะมาทักทายลูกค้า
เชฟ Francesco Lenzi เป็นเจ้าของร้าน อัธยาศัยดี บอกว่าพ่อแม่เป็นคนอิตาเลียน แต่รักเมืองไทย ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ปีละแปดเดือน กลับไปอิตาลีอีกสี่เดือน เลยชวนเขามาอยู่ที่นี่ เปิดร้านอาหาร เปิดมาได้แล้วสองปี เชฟเองเดินทักทายลูกค้าไปเรื่อยๆ ดูทุกโต๊ะจะพอใจกับความเป็นกันเองแต่ให้เกียรติลูกค้าของ ฟรานเชสโก้ ทั้งสอง
วันที่ไป ชิมสลัดและไส้กรอกอิตาเลียน (Rucola E Salsiccia 650.-) ทอร์เดลลี่เนื้อ (Tordelli 490.-) และซี่โครงแกะ Lamb Chops (Costolette Agnello 1,090.-)
ขอบอกว่าเลิศรส ไม่ผิดหวัง โดยเฉพาะไส้กรอกกับผักร็อคเก็ตราด Balsamic ของหวานเป็น Tiramisu อร่อยมาก อย่าพลาด
เป็นอีกร้านที่ตั้งใจว่าจะต้องกลับไป!!