การมองโลกในแง่ร้ายของคนมองโลกในแง่บวก คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน

“คุณหมอคะ หนูเครียดมากค่ะ ที่จริงก่อนสอบครั้งนี้ก็ไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่เพราะอ่านได้พอสมควร ตอนสอบเสร็จรู้สึกว่าทำไม่ค่อยได้แต่ก็ยังไม่เครียด แต่พอ 2-3 วันหลังสอบไม่รู้เป็นอะไรจู่ๆ ก็เครียดมาก กลัวว่าจะสอบตก อาจารย์ก็ไม่ประกาศผลซักที หนูคิดว่าหนูจะขอถอนวิชานี้ออกดีไหมคะ ถ้าสอบตกหนูต้องรับไม่ได้แน่ๆ เลย”

“แต่หนูยังไม่รู้ผลเลยไม่ใช่เหรอคะ อาจจะไม่ตกก็ได้”

“แต่ถ้าตกหนูจะต้องรับไม่ได้แน่ๆ สู้เรียนใหม่ปีหน้าดีกว่า”

“หมอยังไม่เข้าใจว่าการถอนรายวิชาจะเป็นการแก้ปัญหายังไงเพราะถ้าหนูต้องเรียนใหม่ปีหน้าก็อาจจะแย่กว่าสอบตกแล้วสอบซ่อมอีกไม่ใช่เหรอคะ แถมเรียนปีหน้าก็ต้องมาเจอสอบแบบนี้อีก”

Advertisement

“ก็รอแบบนี้มันเครียดค่ะ”

วิธีคิดของเธอค่อนข้างเข้าใจยากอยู่ค่ะแต่โดยสรุปคือนักศึกษาสาวท่านนี้ไม่ได้กลัวสอบตก เธอแค่ทนความกังวลระหว่างรอผลสอบไม่ได้จนคิดว่าถ้าต้องรอผลแล้วเครียดแบบนี้สู้ตัดสินใจทำตัวเองให้สอบตกคือถอนรายวิชาออกแล้วเรียนใหม่เลยดีกว่า อย่างน้อยก็น่าจะหยุดความเครียดตอนนี้ได้ วิชาอื่นเธอไม่เป็นแบบนี้ค่ะ เป็นคนมองโลกในแง่ดีและไม่ค่อยเคร่งเครียดกับชีวิตด้วยซ้ำแต่วิชานี้เธอเคยสอบไม่ผ่านในปีที่แล้วจนต้องเรียนซ้ำจึงกลัวมากเป็นพิเศษ ดังนั้น การรอฟังผลสอบวิชาอื่นจึงไม่น่ากลัวมากเท่าวิชาที่เคยสอบตกมาก่อน

การมองโลกในแง่ดีหมายถึงการที่บุคคลมีแนวโน้มจะเชื่อว่าสถานการณ์ไม่ว่าดีหรือไม่ดีจะต้องลงเอยในทางดี ตรงกันข้ามกับการมองโลกในแง่ร้ายซึ่งหมายถึงการมีแนวโน้มจะเชื่อว่าสถานการณ์จะลงเอยในทางไม่ดี อย่างไรก็ตาม การคิดล่วงหน้าในทางไม่ดีไม่ได้จำกัดอยู่เพราะคนมองโลกในแง่ร้ายเท่านั้น คนมองโลกในแง่ดีเองก็คิดล่วงหน้าในแง่ร้ายได้เหมือนกันถ้าสถานการณ์นั้นมีลักษณะเป็น “ข่าวร้ายที่ยังไม่แน่นอน” เช่น ไม่รู้ว่าจะสอบตกหรือไม่ในวิชาที่มีโอกาสสอบตกเพราะอ่านหนังสือไม่ทันหรือไม่รู้ว่าจะป่วยเป็นมะเร็งหรือเปล่าเพราะผลเลือดผิดปกติเล็กน้อยแต่ยังไม่ชัดเจน จุดที่แตกต่างจากคนมองโลกในแง่ร้ายคือถ้ามองโลกในแง่ร้ายจะคิดลบในทุกสถานการณ์ เช่น ทั้งวิชาที่อ่านหนังสือทันและไม่ทันก็จะกลัวสอบตกทั้งหมดในระหว่างที่คนมองโลกในแง่ดีจะคิดลบกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะร้ายแต่ยังไม่ชัดเจน เช่น กลัวสอบตกเฉพาะวิชาที่อ่านหนังสือไม่ทัน วิชาไหนอ่านทันตามแผนก็จะคิดในแง่ดีว่าคงผ่าน ถึงไม่ผ่านก็ยังซ่อมได้

Advertisement

“โมเอะ” นางเอกสาวจากการ์ตูนผู้หญิงน่ารัก “อุ่นไอรักส่งรักมาทักทาย” คือตัวอย่างของคนมองโลกในแง่ร้าย เธอเป็นนักวาดภาพประกอบในโตเกียวที่กลัวว่ายามแก่จะไม่มีที่อยู่ที่มั่นคงเพราะที่อยู่และค่าครองชีพในโตเกียวสูงมาก

โมเอะทนความคิดด้านร้ายที่น่าจะเกิดขึ้นในอีกหลายสิบปีข้างหน้าไม่ได้จึงตัดสินใจซื้อบ้านไม้เก่าในต่างจังหวัดเพราะเชื่อว่าได้อยู่ใกล้เพื่อนและมีพื้นที่ปลูกผักรอบบ้านบ้างจะได้ไม่อดตายตอนแก่แม้ว่าจะต้องใช้เงินเก็บและเป็นหนี้จำนวนมากก็ตาม โมเอะเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ไม่สามารถทนแรงกดดันได้จนยอมทำอะไรที่อาจจะเจ็บตัวเพื่อแลกกับการไม่ต้องรอคอยค่ะ

คุณ Sweeny กับ Falkenstein จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียตีพิมพ์บทความเรื่องคนมองโลกในแง่ดีก็กลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายได้เมื่อต้องรอคอยบางเรื่องที่อาจจะเป็นข่าวร้ายและยังไม่แน่นอน ความเชื่อดั้งเดิมที่เรามีต่อคนมองโลกในแง่ดีคือคนเหล่านี้มักจะเชื่อว่าเรื่องต่างๆ ต้องคลี่คลายไปได้ในทางดีเสมอจึงทำให้ไม่มีภูมิต้านทางต่อข่าวร้ายเลย

ดังนั้นถ้ารับรู้ข่าวร้ายขึ้นมา คนมองโลกในแง่ดีน่าจะตกใจและรับมือกับเรื่องร้ายๆ ไม่ถูกเพราะไม่เคยคิดวางแผนมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ผลการทบทวนงานวิจัยเก่าๆ ทำให้พบว่าความเชื่อนี้ไม่จริงเสมอไปค่ะ คนมองโลกในแง่ดีเมื่อเริ่มรับรู้สัญญาณของข่าวร้ายที่ยังไม่แน่นอน คนกลุ่มนี้จะกลายร่างเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายและคาดเดาผลลัพธ์ร้ายๆ ทันทีจนทำให้เกิดความเครียด ผู้วิจัยเชื่อว่าเกิดจากกลไกการป้องกันตัวเองของคนมองโลกในแง่ดีที่ปกป้องความรู้สึกของตัวเองจากการระเบิดอารมณ์เมื่อได้รับทราบข่าวร้ายในท้ายที่สุด ดังนั้น การเป็นคนมองโลกในแง่ดีก็ใช่จะไม่ทุกข์นะคะ

ถ้าเราไม่อยากให้คนมองโลกในแง่ดีกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย วิธีช่วยเขาคือพยายายามทำให้เรื่องต่างๆ แน่นอนและได้ข้อสรุปเร็วขึ้นโดยเฉพาะเรื่องที่มีโอกาสเป็นข่าวร้ายในท้ายที่สุดได้ เช่น ถ้าสอบตกก็ให้รีบบอกเสียแต่เนิ่นๆ หรือถ้าป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็ให้หมอบอกแต่เนิ่นๆ ระบบเสมอภาคที่สอบผ่านหรือตกหรือเป็นมะเร็งกับไม่เป็นมะเร็งก็แจ้งผลพร้อมกันอาจจะทำให้คนมองโลกในแง่ดีเครียดเอาได้

ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายอยู่แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าถ้ารู้ข่าวร้ายเร็วแล้วจะเครียดมากเพราะเขาเครียดมากเป็นปกติอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามค่ะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image