ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
เรื่องเล่า‘ยุติธรรม’
ติดตามการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 มองเห็นความสำคัญของกฎหมาย
หากกฎหมายที่ออกมาฝืนธรรมชาติ อาจผลักดันให้เกิดเหตุร้ายและความรุนแรงขึ้น
กฎหมายที่ออกมาด้วยกระบวนการที่ผู้คนไม่ได้เห็นด้วยอย่างแท้จริง หรือกฎหมายที่ออกมาตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ
แทนที่จะทำให้สังคมสงบสุข อาจกลายเป็นตัวกระตุ้นให้สังคมลุกเป็นไฟ
รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เกิดขึ้นภายใต้การควบคุมประเทศของ คสช. จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่
เพราะมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญที่ดูเหมือนจะฝืนเจตจำนงประชาชน ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เอาใจผู้มีอำนาจ รับฟังเสียงข้างน้อย ไม่สนใจเสียงข้างมาก
ฝืนธรรมชาติของมนุษย์
ระหว่างดำเนินการออกกฎหมายก็มีการไล่จับไล่ขังคนเห็นต่าง สร้างความคับข้องใจแก่ผู้ที่ไม่เห็นด้วย
รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาด้วยกระบวนการดังกล่าวจะทำให้สังคมสันติสุขหรือเกิดเหตุตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม
ความจริงแล้วที่มาของกฎหมายนั้นมีความสำคัญ
หนังสือ ประวัติศาสตร์ความคิด นิติปรัชญา ของ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ได้บอกเล่าเรื่องราวความคิดเกี่ยวกับความยุติธรรมและการได้มาซึ่งกฎหมายเอาไว้เยอะ
บทแรกๆ ของหนังสือบอกเล่าถึงวรรณกรรมยุคกรีกที่ชื่อว่า “เธโอโกนี”
วรรณกรรมเรื่องนี้กล่าวถึงธิดาของเทพซูสกับเทพีเธมิส 3 องค์
องค์หนึ่ง คือ ไดคี องค์หนึ่ง คือ ยูโนมีอา อีกองค์หนึ่ง คือ อีรีนี
เทพี 3 องค์นี้ ถือว่า ไดคี เป็นเทพีแห่งความยุติธรรม ยูโนมีอา เป็นเทพีแห่งความเป็นระเบียบ และเทพพีอีรีนี เป็นเทพีแห่งความสันติสุข
ตามตำนาน เทพีไดคี เป็นผู้นำกฎหมายจากสรวงสวรรค์โอลิมปัสมาสู่โลกมนุษย์
เทพีไดคี มีภารกิจประกาศกฎหมายให้มนุษย์ได้รับรู้ ปกป้อง และธำรงไว้ซึ่งกฎหมายที่ตนนำมาประกาศ
ชาวกรีกถือว่ากฎหมายเป็นของขวัญที่ได้รับจากทวยเทพ
นอกจากนี้ ในตำนานกรีกเมื่อเอ่ยถึงเทพีแล้ว ยังเอ่ยถึงมารอีกด้วย
มารที่ถือเป็นอริของเทพีไดคี มี 3 นาง คือ เอริส, บีอา หรือ ไบอา และ ไฮบริส หรือ ฮิวบริส
เอริส เป็นมารแห่งความขัดแย้ง เป็นผู้ทำลายกฎระเบียบ
บีอา เป็นมารแห่งการใช้กำลัง เป็นปฏิปักษ์ต่อกฎหมาย
ส่วน ไฮบริส เป็นมารแห่งความไม่พอเหมาะพอควร ความเกินเลยไร้ขอบเขต
อาจารย์วรเจตน์สรุปความเกี่ยวโยงอย่างเป็นเหตุและผลจากตำนานดังกล่าว
ระบุว่า วรรณกรรมดังกล่าวมองว่าโลกใบนี้ถูกปกครองด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยมีเทพเจ้าเป็นผู้ปกปักรักษากฎเกณฑ์
แต่โลกทั้งใบไม่ได้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน
โลกของสิ่งที่มีเหตุผลจะตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของไดคี ส่วนโลกที่ไม่มีเหตุผลตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของบีอา ซึ่งนิยมใช้กำลัง
มนุษย์ที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของไดคีจะมีชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
แต่เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ปฏิเสธกฎเกณฑ์ของไดคี เมื่อนั้นชุมชนมนุษย์ก็จะตกต่ำและเกิดการต่อสู้ใช้กำลัง
การใช้กำลังนำไปสู่ความเกินเลยไร้ขอบเขต และชุมชนแห่งนั้นจะไม่เป็นชุมชนมนุษย์อีกต่อไป
การอยู่ร่วมกันโดยอาศัยกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องเป็นธรรมคือสภาวะที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
กฎหมายจึงต้องไม่มีลักษณะเป็นกฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นจากเจตจำนงโดยอำเภอใจ
กฎหมายต้องเป็นกฎเกณฑ์ที่สอดรับกับคุณลักษณะหรือธรรมชาติของมนุษย์
การตรากฎหมาย จึงต้องไม่กระทำไปตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจ
บุคคลที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจให้ใช้อำนาจ มีภารกิจในการค้นหากฎเกณฑ์ที่ถูกต้องให้พบ
บุคคลเหล่านั้นจะต้องพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ภายใต้แสงสว่างหรือรัศมีของไดคี
กฎเกณฑ์ที่ตราขึ้นฉบับใดหรือคำพิพากษาใดที่ไม่สอดคล้องกับไดคี กฎเกณฑ์นั้นย่อมมิใช่กฎเกณฑ์หรือคำพิพากษาที่แท้จริง
แต่เป็นมายาที่ลวงให้เราเห็นว่าเป็นกฎเกณฑ์หรือคำพิพากษานั้นเป็นกฎเกณฑ์หรือคำพิพากษาที่แท้จริง
อ่านวรรณกรรมเรื่อง “เธโอโกนี” แล้ว ชวนให้คิดถึงรัฐธรรมนูญปี 60
กฎหมายฉบับนี้ออกมาภายใต้แสงสว่างของเทพีไดคีหรือไม่
หรือเป็นกฎกติกาที่ออกตามอำเภอใจที่หวังควบคุมคนส่วนใหญ่
หากกฎหมายที่ออกมาไม่สอดคล้องกับธรรมชาติมนุษย์ กฎหมายอาจเป็นต้นเหตุแห่งความรุนแรง
กฎหมายที่มีที่มาจากความอำเภอใจ ทำให้กฎหมายแปรสภาพ
จากกฎหมายจากเทพีที่นำไปสู่สันติสุข กลายเป็นกติกาจากมารที่ก่อให้เกิดความรุนแรง
เฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ
เป็นเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยง
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเรื่องเล่าเกี่ยวกับกฎหมายและความยุติธรรมของประเทศเรา