เพราะหลากหลายจึงงดงาม แฟชั่นแห่งการตระหนักรู้ ‘ความเท่าเทียมทางเพศ’

เพราะหลากหลายจึงงดงาม
แฟชั่นแห่งการตระหนักรู้ ‘ความเท่าเทียมทางเพศ’

หลายประเทศทั่วโลกต่างเปิดรับและตระหนักถึงศักดิ์ศรี-ความเสมอภาค และสิทธิต่างๆ ของคนทุกเพศทุกวัย

ความหลากหลายทางเพศ คือสิ่งสะท้อนความงดงามของมนุษยชาติ

ทว่ากว่าจะเดินมาจนถึงวันนี้ได้ ผู้คนมากมายผ่านประสบการณ์เจ็บปวดจนกระทั่งสังคมเกิดการเรียนรู้

Advertisement

ครั้นยุคสมัยเปลี่ยนไป ฉากการต่อสู้ก็เปลี่ยนตาม

ในอดีต เราคุ้นชินกับการเดินขบวนประท้วง ตัวอย่างเช่นในปี ค.ศ.1848-1920 เกิดขบวนประท้วงใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเพื่อเรียกร้องสิทธิการเลือกตั้งให้กับสตรี หรือการจัดขบวน Pride ของ LGBTQIA+ ทั่วทุกมุมโลก ก็ถือเป็นการแสดงพลังผ่านการเดินขบวนทั้งสิ้น

ทว่าในปัจจุบัน เครื่องมือการต่อสู้เพื่อแสดงออกถึงความคิด-จุดยืนต่อประเด็นนั้นๆ มีมากขึ้น และผันแปรไปตามไอเดีย-ทักษะ หนึ่งในนั้นคือการใช้ งานศิลปะ ผ่านการออกแบบ โดยเฉพาะ แฟชั่น-เครื่องแต่งกาย ที่มีทั้งการแฝงฝังนัยความหมายในลวดลาย ทั้งที่จำเป็นต้องอาศัยการตีความ และการสะท้อนออกมาอย่างตรงไปตรงมา

Advertisement

ดังเช่นผลงานของ นเรวิน สีชะนะ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากสาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบชุดเสื้อผ้าที่ใช้ชื่อสื่อความชัดเจนว่า ‘ผ้าอนามัยฟรี จากภาษีประชาชน’ ซึ่งถูกจัดแสดงอยู่ในงานนิทรรศการและแฟชั่นโชว์ ‘ศิลปนิพนธ์ Pastra24’ ในวาระครบรอบ 90 ปีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ทั้งหมดทั้งมวลตั้งต้นจากแนวคิดที่อยากจะสร้างชิ้นงานศิลปะ โดยการตั้งคำถามให้กับคนในสังคมไทยได้ฉุกคิด ‘นเรวิน’จึงหยิบยกประเด็นที่สามารถเห็นได้ชัดเจน นั่นก็คือความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศชายเเละหญิง ซึ่งเป็นพื้นฐานของสังคมไทยที่ยังใช้ระบบชายเป็นใหญ่ ผลให้สังคมพยายามกดขี่ผู้หญิง รวมถึง LGBTQIAN+

“สิ่งที่เห็นง่ายที่สุด คือการมองว่าการเป็นประจำเดือนนั้นเป็นของต่ำ การบูลลี่คนเป็นประจำเดือน การสนับสนุนถุงยางอนามัยฟรีเเต่ไม่มีการสนับสนุนผ้าอนามัยฟรี ซึ่งโดยธรรมชาติผู้หญิงจะเป็นประจำเดือนทุกๆ เดือน อีกทั้งยังจะคิดภาษีผ้าอนามัยอีก เราจึงหยิบเรื่องราวเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาผ่านผลงาน” นเรวินอธิบาย

ในส่วนของการออกแบบผลงานนั้น นเรวิน อธิบายสั้นๆ ว่า เริ่มต้นจากการใช้ผ้าอนามัยมาลดทอนโครงสร้างเก่าแล้วทำออกมาในรูปเเบบใหม่ (deconstruction) ให้เป็นเสื้อผ้ามีลักษณะคล้ายผ้าอนามัย โดยดึงทุกอิริยาบถของการใช้ผ้าอนามัยมาให้ดูเข้าถึงได้ในรูปเเบบของแฟชั่น ดีไซน์ เเละนำศิลปะการเสียดสีสังคมมาใช้ในงาน เพื่อล้อกับปัญหาการเมืองในปัจจุบัน

ที่สำคัญคือผลงานชิ้นนี้ไม่จำกัดว่าสำหรับเพศใด หรือก็คือสามารถใส่ได้ทุกเพศ (Unisex)

“จริงๆ เเล้วผลงานที่ทำออกมานั้นสามารถใส่ได้ทุกเพศ รวมถึง LGBTQIAN+ เราอยากให้ผ้าอนามัยเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถพูดได้อย่างเต็มที่ และอยากให้สะท้อนถึงความคิดว่า หากผ้าอนามัยหรือการเป็นประจำเดือนไม่สามารถอยู่ใกล้ผู้ชายได้นั้น ถ้าผู้ชายต้องอยู่กับสิ่งนี้อย่างเปิดเผยจะมีมุมมองอย่างไรบ้าง”

อย่างไรก็ตาม กว่าผลงานชิ้นนี้จะประกอบรูปขึ้นร่างจนสำเร็จในเวลากว่าขวบปีนั้น ต้องผ่านอุปสรรคหลายด่าน อาทิ เรื่องความขัดแย้งทางความคิดระหว่างครอบครัว และคนรอบข้าง การศึกษาข้อมูลต่างๆ

“เรื่องของความคิดที่ต่างกันที่มองว่าเราไม่ได้เป็นบุคคลที่ใช้ผ้าอนามัยแต่ทำไมถึงทำ แต่เรามองว่ามันไม่ใช่เเค่ชายหรือหญิง แต่มันคือความเท่าเทียมในสังคม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เเค่เรื่องของประจำเดือน เเต่รวมไปถึงการถูกกดขี่จากสังคมชายเป็นใหญ่ด้วย” นเรวินกล่าว

นอกจากชุดเสื้อผ้าของ ‘นเรวิน’ แล้ว ยังมีอีกหนึ่งชิ้นงานที่สื่อสารในประเด็นเดียวกันนี้ แต่ใช้วิธีการถ่ายทอดความหมายระหว่างบรรทัด โดยใช้ชื่อว่า ‘The Magic of Butterflies ความมหัศจรรย์ของผีเสื้อ’ ซึ่งผลิตออกมาในรูปแบบผ้าทอสำหรับใช้นุ่งหรือห่มเรือนกาย

ผลงานของ อรณัชชา จิณปัน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากสาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มธ. โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากลวดลายและสีสันของผีเสื้อ รวมถึงในเชิงสัญลักษณ์ยังเป็นตัวแทนสูงสุดของ เสรีภาพ ที่ครอบคลุมทุกมิติด้วย

เทคนิคในการทำนั้นได้ตัดหรือเจียนบางส่วนของส่วนต่างๆ (crop) ของปีกผีเสื้อที่มีองค์ประกอบสัดส่วน (composition) ที่ลงตัว จากนั้นนำมาวางลายบนผืนผ้าแล้วลดทอนรายละเอียดของลาย รวมถึงปรับสีให้เข้ากับงานผ้าทอและเพื่อให้สามารถทอได้จริง

แม้วัสดุที่เลือกใช้ส่วนใหญ่เป็นผ้าฝ้าย และผ้าไหมที่ไม่ได้ใช้แล้วจากโรงงานผลิตเสื้อผ้า แต่เจ้าตัวบอกว่าอนาคตถ้าเป็นไปได้ก็อยากปรับเปลี่ยนวัสดุและการย้อมให้มาจากธรรมชาติที่จะทำให้เกิดผลเสียต่อธรรมชาติให้น้อยที่สุด รวมถึงอยากสนับสนุนเกษตรกรที่ปลูกฝ้ายหรือวัสดุธรรมชาติต่างๆ

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า ชิ้นงานทั้งสองชิ้นนี้ อาจเป็นสิ่งที่ช่วยบอกได้อย่างดีว่าทำไมปีล่าสุดธรรมศาสตร์เราได้อันดับที่ 7 ในการขับเคลื่อนเพื่อไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDGs ข้อที่ 5 ความเสมอภาคทางเพศ หรือ Gender Equality เพราะไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยที่พยายามผลักดันหรือขับเคลื่อนผ่านนโยบายต่างๆ แต่นักศึกษาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงออกตรงนี้ด้วย

มากไปกว่านั้นไม่เพียงแต่ผลงานเหล่ามีแนวคิดที่สะท้อนปัญหาเชิงสังคมอย่างเดียวเท่านั้น ตัววัสดุที่ใช้ต่างก็เป็นวัสดุเหลือใช้ และใช้เวลาในการย่อยสลายได้เมื่อเวลาผ่านไปอีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ ในการรณรงค์เรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า

ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมต่างเชื่อมโยงไปสู่ความเป็นธรรมศาสตร์ที่สอนให้รักประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image