สเต็ปต่อไปของ ‘คนไร้บ้าน’ คืนสิทธิ ให้งาน เปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตที่ดีกว่า

สเต็ปต่อไปของ ‘คนไร้บ้าน’ คืนสิทธิ ให้งาน เปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตที่ดีกว่า
คนไร้บ้าน และคนจนเมือง ไม่ใช่คนอื่นไกล อย่าผลักไส ต้องช่วยโอบอุ้ม (ภาพจาก มูลนิธิกระจกเงา)

สเต็ปต่อไปของ ‘คนไร้บ้าน’ คืนสิทธิ ให้งาน เปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตที่ดีกว่า

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คนไร้บ้าน’ ถูกมองเป็นปัญหาหนึ่งของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร

ทว่า กทม.ยุคนี้ ที่นำโดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พร้อมหนึ่งในแม่ทัพอย่าง ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. ผู้คลุกคลีกับผู้คนหลากชนชั้นมาเนิ่นนาน มองต่างออกไป

ยืนยันมุ่งหน้า คืนสิทธิ ให้งาน ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างครบวงจร

Advertisement
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ครั้งลงพื้นที่จุดบริการฯ เพื่อคนไร้บ้าน ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 31 ต.ค. 65
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม.

ล่าสุด รองผู้ว่าฯศานนท์ นั่งหัวเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านคนไร้บ้านของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เน้นย้ำว่า เป้าหมายของการดำเนินการด้านคนไร้บ้านคือการคืนสิทธิ การให้งาน หรือการทำให้คนไร้บ้านมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างครบวงจร

หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกรุงเทพมหานครและภาคีเครือข่ายจากหน่วยงานภายนอก ไม่ว่าจะเป็น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมการจัดหางาน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) มูลนิธิอิสรชน มูลนิธิกระจกเงา ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว ทีมสุขภาวะข้างถนน และเครือข่ายคนไร้บ้านหัวลำโพง เป็นต้น

ที่ประชุมร่วมกันนำเสนอข้อมูลเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา

จัดระเบียบคนไร้บ้าน-แชร์ค่าเช่า ‘คนละครึ่ง’
ย้อนมอง 1 ปีที่ผ่านมา ของ #ทีมชัชชาติ ในการดำเนินการเกี่ยวกับคนไร้บ้าน พบว่ามีความหลากหลายในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำจุด Drop in เพื่อจัดระเบียบคนไร้บ้าน อีกทั้ง มิติเรื่องการอยู่อาศัย มิติเรื่องสุขภาพที่ รองผู้ว่าฯศานนท์ ยอมรับว่า ‘อาจจะยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก’

Advertisement

“สำหรับที่ผ่านมา เราได้มีการช่วยเหลือคนไร้บ้านหัวลำโพง โดยร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย นำโมเดลโครงการที่อยู่อาศัยคนละครึ่งมาใช้ ซึ่งเป็นการจัดการที่อยู่อาศัยผ่านการมีส่วนร่วมของคนไร้บ้านในรูปแบบ ‘แชร์’ ค่าเช่าที่อยู่อาศัย ให้คนไร้บ้านสมทบค่าเช่าร่วมกับโครงการ ในสัดส่วนประมาณ 60:60 ของค่าเช่าห้อง โดยทางโครงการจะแบ่งส่วนที่เพิ่มร้อยละ 20 ไปไว้ในกองทุนช่วยเหลือสมาชิกกลุ่มคนไร้บ้านในด้านอื่นๆ หรือรายอื่นๆ ต่อไป ระยะสัญญาอยู่ที่ประมาณ 6-7 เดือน สามารถต่อสัญญาได้

ปัจจุบันนี้ได้มีหน่วยงาน มูลนิธิ หรือองค์กรต่างๆ มาร่วมกันเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคนไร้บ้านดีขึ้น ตั้งแต่การได้สิทธิ ได้รับอาหาร ได้งาน ได้รับการดูแลสุขภาพ ฯลฯ ซึ่งในส่วนของกรุงเทพมหานคร งบประมาณปี 2567 จะนำบ้านอิ่มใจ Respite care (บ้านพักชั่วคราว) ในรูปแบบ Emergency Shelters กลับมาใหม่ โดยใช้พื้นที่ของอาคารที่ทำการฝ่ายบริหารเอกสารกองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร บริเวณสะพานเฉลิมวันชาติ ฉะนั้น หากบ้านอิ่มใจแล้วเสร็จ การอยู่ชั่วคราวเพื่อจะคืนสภาพให้คนไร้บ้านได้มีงานและสวัสดิการต่างๆ ก็กำลังจะครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การเดินต่อของคนที่ขาดสิทธิสามารถไปต่อได้ ทั้งนี้ อนาคตอาจต่อยอดไปถึงบ้านของคนรายได้น้อยด้วย” ศานนท์กล่าว

สเต็ปต่อไป ‘จิตเวช’ จ่อบูรณาการร่วม พม.
จัดเทศกิจเข้ม ‘เพื่อทุกฝ่ายสบายใจ’

การประชุมร่วมของหลายภาคส่วนเพื่อช่วยเหลือคนไร้บ้าน เมื่อ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ ศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้า

อีกประเด็นไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ คนไร้บ้านจำนวนหนึ่งมีปัญหาทางจิตเวช ซึ่งกรุงเทพมหานครอาจบูรณาการร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่มีศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานครหรือบ้านมิตรไมตรี 5 แห่ง แต่ไม่มีกำลังเรื่องการแพทย์ โดยกรุงเทพมหานครอาจเข้าไปสนับสนุนเรื่องการแพทย์ เพื่อทำให้เป็นศูนย์ที่ดูแลทางด้านจิตเวชได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการบำบัดดูแลคนไร้บ้านที่มีอาการทางจิตเวชให้สามารถกลับสู่สังคมได้อย่างปลอดภัย

ที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องต่างๆ อาทิ ควรมีการเก็บข้อมูลเป็นรายบุคคลให้มากขึ้น ควรมีแนวทางการทำงานต่อในเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะต้องหารือกับสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย ในเรื่องของห้องพักราคาถูก หรือห้องพักสำหรับ First Jobber การทำงานด้านคนไร้บ้านต้องมีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักที่ชัดเจน โดยหน่วยงานสนับสนุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องรู้ภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องออกแบบระบบการทำงานร่วมกัน และวางแผนโดยมองภาพรวมและกำหนดทิศทางให้ชัดเจน เป็นต้น ทั้งนี้ การประชุมครั้งหน้าอาจจะต้องนำภาพใหญ่มาให้เห็นการกระจายทรัพยากรและการระดมความช่วยเหลือจากเอกชน ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาครบวงจรมากขึ้น กุญแจหลักในการแก้ปัญหาคนไร้บ้านคือเรื่องสิทธิ บริการทางสุขภาพ และการจ้างงาน โดยในการจ้างงาน เขตพระนครจะกำหนดจุดพื้นที่ ค่าจ้างจากทางมูลนิธิกระจกเงาส่วนหนึ่งและกรุงเทพมหานครจะมีการอิงตามระเบียบของกรุงเทพมหานครเพิ่มเติมให้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยของโรงเรียนในพื้นที่ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานครมีการจัดเทศกิจดูแลพื้นที่เข้มงวด โดยดูแลนักเรียนข้ามถนนในช่วงเช้าและเย็น รวมถึงมีการให้สำนักการจราจรและขนส่งมาติดตั้งไฟสัญญาณเพิ่มเพื่อความปลอดภัย สำหรับการดูแลพื้นที่ถนนราชดำเนินเป็นการดูแลคู่ขนานทั้งในเรื่องของการคืนคุณภาพชีวิตและเรื่องของความปลอดภัย เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจไปพร้อมๆ กัน

หัวหน้าโครงการ ‘จ้างวานข้า’ ชี้ปัญหา ‘ขาดการร้อยเรียง’

สิทธิพล ชูประจง
หัวหน้าโครงการ ‘จ้างวานข้า’
มูลนิธิกระจกเงา

ด้าน สิทธิพล ชูประจง หัวหน้าโครงการ ‘จ้างวานข้า’ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยหลังการประชุมว่า การหารือกันครั้งนี้ เป็นเรื่องของการสนับสนุนพื้นที่การทำงานที่เป็นพื้นที่สาธารณะในพื้นที่เขตพระนครให้แก่คนไร้บ้านที่เข้าโครงการจ้างวานข้า วันละประมาณ 50-100 รายต่อวัน เพื่อให้คนไร้บ้านหรือคนจนเมืองเข้าถึงสิทธิปกติที่คนทั่วไปพึงมี เช่น การได้ซักเสื้อผ้า อาบน้ำ มีอาหารการกิน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เปลี่ยนผ่านจากคนไร้บ้าน สู่การมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ปัจจุบัน (ก่อนมีความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร) มีกลุ่มคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบงานกับทางมูลนิธิกระจกเงาประมาณ 60 ราย ในจำนวนนี้มีการเปลี่ยนผ่านไปมีที่อยู่อาศัยมั่นคงประมาณ 30 ราย คาดว่าหากได้ร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานครซึ่งจะให้การสนับสนุนด้านพื้นที่เพื่อให้เราสามารถออกแบบการทำงานได้ จะสามารถขยายผลนำคนเข้าสู่ระบบงานได้ถึงประมาณ 100 ราย ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านได้จำนวนมากขึ้น

“อุปสรรคการทำงานด้านคนไร้บ้านคือยังขาดการร้อยเรียงงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านคนไร้บ้านของกรุงเทพมหานครนี้ จะทำให้เราได้ทราบว่ากลุ่มทำงานในหลายๆ ส่วนดูแลในด้านใด อย่างไร รวมถึงเห็นภาพการพยายามเชื่อมโยงบูรณาการการทำงานร่วมกัน และเห็นภาพรวมทั้งหมดมากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” หัวหน้าโครงการจ้างวานข้ากล่าว

หัวลำโพง คือหนึ่งในจุดที่มีคนไร้บ้านพักอาศัยเป็นจำนวนมาก

——————————–

ผลการแจงนับคนไร้บ้าน (ข้อมูลเมื่อ พ.ค.66) พบว่า มีจำนวน 2,499 ราย ใน 75 จังหวัด เป็นคนไร้บ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 1,271 ราย คิดเป็น 50.86% รองลงมาคือ จ.ชลบุรี 126 คน และ จ.เชียงใหม่ 118 คน หากแบ่งตามเพศพบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชาย 82.5% หญิง 16.2% ที่เหลือไม่ต้องการระบุเพศ อายุของคนไร้บ้านส่วนใหญ่คือ 40-59 ปี 56.8% รองลงมาคือ 60 ปีขึ้นไป 22.1% และ 19-39 ปี 20%

ในส่วนของสถิติการให้บริการบริเวณจุด Drop in ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และตรอกสาเก ตั้งแต่ 23 ส.ค.65-30 มิ.ย.66 มีดังนี้

o ให้คำปรึกษาแนะนำสิทธิสวัสดิการ (ทุกวัน) 1,249 ราย (ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 1,175 ราย ตรอกสาเก โดยมูลนิธิอิสรชน [เฉพาะวันอังคาร] 61 ราย ตรอกสาเก โดยเขตพระนคร 13 ราย)
o แจกอาหาร (ทุกวัน) 115,430 ชุด (ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 78,550 ชุด ตรอกสาเก โดยมูลนิธิอิสรชน [เฉพาะวันอังคาร] 19,800 ชุด ตรอกสาเก โดยเขตพระนคร 17,080 ชุด)
o ให้บริการด้านสุขภาพ (ทุกวันศุกร์) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 1,131 ราย
o จ้างงาน (ดำเนินการโดยศูนย์คุ้มครองฯ และมูลนิธิกระจกเงา) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 169 ราย
o ทำบัตรประชาชน (ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 80 ราย
o ย้ายสิทธิการรักษาพยาบาล (ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 257 ราย
o ซัก อบ อาบ (ทุกวันอังคารและวันศุกร์) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 960 ราย
o ตัดผม (ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 438 ราย
o ส่งศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง (ทุกวัน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 5 ราย
o ส่งกลับภูมิลำเนา (ทุกวัน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 10 ราย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image