สเต็ปต่อไปของ ‘คนไร้บ้าน’ คืนสิทธิ ให้งาน เปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘คนไร้บ้าน’ ถูกมองเป็นปัญหาหนึ่งของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร
ทว่า กทม.ยุคนี้ ที่นำโดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พร้อมหนึ่งในแม่ทัพอย่าง ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. ผู้คลุกคลีกับผู้คนหลากชนชั้นมาเนิ่นนาน มองต่างออกไป
ยืนยันมุ่งหน้า คืนสิทธิ ให้งาน ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างครบวงจร
ล่าสุด รองผู้ว่าฯศานนท์ นั่งหัวเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านคนไร้บ้านของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เน้นย้ำว่า เป้าหมายของการดำเนินการด้านคนไร้บ้านคือการคืนสิทธิ การให้งาน หรือการทำให้คนไร้บ้านมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างครบวงจร
หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกรุงเทพมหานครและภาคีเครือข่ายจากหน่วยงานภายนอก ไม่ว่าจะเป็น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมการจัดหางาน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร ศูนย์แม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.) มูลนิธิอิสรชน มูลนิธิกระจกเงา ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว ทีมสุขภาวะข้างถนน และเครือข่ายคนไร้บ้านหัวลำโพง เป็นต้น
จัดระเบียบคนไร้บ้าน-แชร์ค่าเช่า ‘คนละครึ่ง’
ย้อนมอง 1 ปีที่ผ่านมา ของ #ทีมชัชชาติ ในการดำเนินการเกี่ยวกับคนไร้บ้าน พบว่ามีความหลากหลายในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำจุด Drop in เพื่อจัดระเบียบคนไร้บ้าน อีกทั้ง มิติเรื่องการอยู่อาศัย มิติเรื่องสุขภาพที่ รองผู้ว่าฯศานนท์ ยอมรับว่า ‘อาจจะยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก’
“สำหรับที่ผ่านมา เราได้มีการช่วยเหลือคนไร้บ้านหัวลำโพง โดยร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย นำโมเดลโครงการที่อยู่อาศัยคนละครึ่งมาใช้ ซึ่งเป็นการจัดการที่อยู่อาศัยผ่านการมีส่วนร่วมของคนไร้บ้านในรูปแบบ ‘แชร์’ ค่าเช่าที่อยู่อาศัย ให้คนไร้บ้านสมทบค่าเช่าร่วมกับโครงการ ในสัดส่วนประมาณ 60:60 ของค่าเช่าห้อง โดยทางโครงการจะแบ่งส่วนที่เพิ่มร้อยละ 20 ไปไว้ในกองทุนช่วยเหลือสมาชิกกลุ่มคนไร้บ้านในด้านอื่นๆ หรือรายอื่นๆ ต่อไป ระยะสัญญาอยู่ที่ประมาณ 6-7 เดือน สามารถต่อสัญญาได้
ปัจจุบันนี้ได้มีหน่วยงาน มูลนิธิ หรือองค์กรต่างๆ มาร่วมกันเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคนไร้บ้านดีขึ้น ตั้งแต่การได้สิทธิ ได้รับอาหาร ได้งาน ได้รับการดูแลสุขภาพ ฯลฯ ซึ่งในส่วนของกรุงเทพมหานคร งบประมาณปี 2567 จะนำบ้านอิ่มใจ Respite care (บ้านพักชั่วคราว) ในรูปแบบ Emergency Shelters กลับมาใหม่ โดยใช้พื้นที่ของอาคารที่ทำการฝ่ายบริหารเอกสารกองกลาง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร บริเวณสะพานเฉลิมวันชาติ ฉะนั้น หากบ้านอิ่มใจแล้วเสร็จ การอยู่ชั่วคราวเพื่อจะคืนสภาพให้คนไร้บ้านได้มีงานและสวัสดิการต่างๆ ก็กำลังจะครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การเดินต่อของคนที่ขาดสิทธิสามารถไปต่อได้ ทั้งนี้ อนาคตอาจต่อยอดไปถึงบ้านของคนรายได้น้อยด้วย” ศานนท์กล่าว
สเต็ปต่อไป ‘จิตเวช’ จ่อบูรณาการร่วม พม.
จัดเทศกิจเข้ม ‘เพื่อทุกฝ่ายสบายใจ’
อีกประเด็นไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ คนไร้บ้านจำนวนหนึ่งมีปัญหาทางจิตเวช ซึ่งกรุงเทพมหานครอาจบูรณาการร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่มีศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานครหรือบ้านมิตรไมตรี 5 แห่ง แต่ไม่มีกำลังเรื่องการแพทย์ โดยกรุงเทพมหานครอาจเข้าไปสนับสนุนเรื่องการแพทย์ เพื่อทำให้เป็นศูนย์ที่ดูแลทางด้านจิตเวชได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการบำบัดดูแลคนไร้บ้านที่มีอาการทางจิตเวชให้สามารถกลับสู่สังคมได้อย่างปลอดภัย
ที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องต่างๆ อาทิ ควรมีการเก็บข้อมูลเป็นรายบุคคลให้มากขึ้น ควรมีแนวทางการทำงานต่อในเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะต้องหารือกับสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย ในเรื่องของห้องพักราคาถูก หรือห้องพักสำหรับ First Jobber การทำงานด้านคนไร้บ้านต้องมีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักที่ชัดเจน โดยหน่วยงานสนับสนุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องรู้ภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องออกแบบระบบการทำงานร่วมกัน และวางแผนโดยมองภาพรวมและกำหนดทิศทางให้ชัดเจน เป็นต้น ทั้งนี้ การประชุมครั้งหน้าอาจจะต้องนำภาพใหญ่มาให้เห็นการกระจายทรัพยากรและการระดมความช่วยเหลือจากเอกชน ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาครบวงจรมากขึ้น กุญแจหลักในการแก้ปัญหาคนไร้บ้านคือเรื่องสิทธิ บริการทางสุขภาพ และการจ้างงาน โดยในการจ้างงาน เขตพระนครจะกำหนดจุดพื้นที่ ค่าจ้างจากทางมูลนิธิกระจกเงาส่วนหนึ่งและกรุงเทพมหานครจะมีการอิงตามระเบียบของกรุงเทพมหานครเพิ่มเติมให้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยของโรงเรียนในพื้นที่ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานครมีการจัดเทศกิจดูแลพื้นที่เข้มงวด โดยดูแลนักเรียนข้ามถนนในช่วงเช้าและเย็น รวมถึงมีการให้สำนักการจราจรและขนส่งมาติดตั้งไฟสัญญาณเพิ่มเพื่อความปลอดภัย สำหรับการดูแลพื้นที่ถนนราชดำเนินเป็นการดูแลคู่ขนานทั้งในเรื่องของการคืนคุณภาพชีวิตและเรื่องของความปลอดภัย เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจไปพร้อมๆ กัน
หัวหน้าโครงการ ‘จ้างวานข้า’ ชี้ปัญหา ‘ขาดการร้อยเรียง’
ด้าน สิทธิพล ชูประจง หัวหน้าโครงการ ‘จ้างวานข้า’ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยหลังการประชุมว่า การหารือกันครั้งนี้ เป็นเรื่องของการสนับสนุนพื้นที่การทำงานที่เป็นพื้นที่สาธารณะในพื้นที่เขตพระนครให้แก่คนไร้บ้านที่เข้าโครงการจ้างวานข้า วันละประมาณ 50-100 รายต่อวัน เพื่อให้คนไร้บ้านหรือคนจนเมืองเข้าถึงสิทธิปกติที่คนทั่วไปพึงมี เช่น การได้ซักเสื้อผ้า อาบน้ำ มีอาหารการกิน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เปลี่ยนผ่านจากคนไร้บ้าน สู่การมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ปัจจุบัน (ก่อนมีความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร) มีกลุ่มคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบงานกับทางมูลนิธิกระจกเงาประมาณ 60 ราย ในจำนวนนี้มีการเปลี่ยนผ่านไปมีที่อยู่อาศัยมั่นคงประมาณ 30 ราย คาดว่าหากได้ร่วมมือกับทางกรุงเทพมหานครซึ่งจะให้การสนับสนุนด้านพื้นที่เพื่อให้เราสามารถออกแบบการทำงานได้ จะสามารถขยายผลนำคนเข้าสู่ระบบงานได้ถึงประมาณ 100 ราย ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านได้จำนวนมากขึ้น
“อุปสรรคการทำงานด้านคนไร้บ้านคือยังขาดการร้อยเรียงงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านคนไร้บ้านของกรุงเทพมหานครนี้ จะทำให้เราได้ทราบว่ากลุ่มทำงานในหลายๆ ส่วนดูแลในด้านใด อย่างไร รวมถึงเห็นภาพการพยายามเชื่อมโยงบูรณาการการทำงานร่วมกัน และเห็นภาพรวมทั้งหมดมากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” หัวหน้าโครงการจ้างวานข้ากล่าว
——————————–
ผลการแจงนับคนไร้บ้าน (ข้อมูลเมื่อ พ.ค.66) พบว่า มีจำนวน 2,499 ราย ใน 75 จังหวัด เป็นคนไร้บ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 1,271 ราย คิดเป็น 50.86% รองลงมาคือ จ.ชลบุรี 126 คน และ จ.เชียงใหม่ 118 คน หากแบ่งตามเพศพบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชาย 82.5% หญิง 16.2% ที่เหลือไม่ต้องการระบุเพศ อายุของคนไร้บ้านส่วนใหญ่คือ 40-59 ปี 56.8% รองลงมาคือ 60 ปีขึ้นไป 22.1% และ 19-39 ปี 20%
ในส่วนของสถิติการให้บริการบริเวณจุด Drop in ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และตรอกสาเก ตั้งแต่ 23 ส.ค.65-30 มิ.ย.66 มีดังนี้
o ให้คำปรึกษาแนะนำสิทธิสวัสดิการ (ทุกวัน) 1,249 ราย (ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 1,175 ราย ตรอกสาเก โดยมูลนิธิอิสรชน [เฉพาะวันอังคาร] 61 ราย ตรอกสาเก โดยเขตพระนคร 13 ราย)
o แจกอาหาร (ทุกวัน) 115,430 ชุด (ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 78,550 ชุด ตรอกสาเก โดยมูลนิธิอิสรชน [เฉพาะวันอังคาร] 19,800 ชุด ตรอกสาเก โดยเขตพระนคร 17,080 ชุด)
o ให้บริการด้านสุขภาพ (ทุกวันศุกร์) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 1,131 ราย
o จ้างงาน (ดำเนินการโดยศูนย์คุ้มครองฯ และมูลนิธิกระจกเงา) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 169 ราย
o ทำบัตรประชาชน (ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 80 ราย
o ย้ายสิทธิการรักษาพยาบาล (ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 257 ราย
o ซัก อบ อาบ (ทุกวันอังคารและวันศุกร์) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 960 ราย
o ตัดผม (ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 438 ราย
o ส่งศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง (ทุกวัน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 5 ราย
o ส่งกลับภูมิลำเนา (ทุกวัน) ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 10 ราย