ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
เผยแพร่ |
ปีใหม่นี้ได้รับความรู้จาก กนกศักดิ์ ปิ่นแสง ที่ส่งหนังสือชื่อ “วัดพระเมรุราชิการาม” มาให้อ่าน
หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสวัดหน้าพระเมรุฯ งานสมโภช 513 ปี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมปี 2559
กนกศักดิ์ ปิ่นแสง และคณะจึงเป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์หนังสือรวบรวมเรื่องราวของวัด
วัดแห่งนี้มีชื่อว่า “วันพระเมรุฯ” หรือบางทีก็เรียกว่า “วัดหน้าพระเมรุฯ”
เป็นวัดที่มีชื่อในประวัติศาสตร์การรบพุ่งระหว่างพม่ากับไทยในยุคอยุธยา
ครั้งแรก ปรากฏชื่อ “ตำบลวัดพระเมรุ” สถานที่หลั่งน้ำทักษิโณทกระหว่างพระเจ้ากรุงหงสากับพระมหาจักรพรรดิ
คราวนั้นพระเจ้ากรุงหงสาขอสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระราเมศวรเจ้า และช้างเผือก 4 ช้างไปเมืองหงสา
ครั้งต่อๆ มา ปรากฏชื่อวัดเป็นชัยภูมิที่อริราชศัตรูใช้โจมตีพระนครศรีอยุธยา
อาทิ คราที่พระเจ้าอลองพญายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา แล้วปืนใหญ่แตกถูกพระองค์บาดเจ็บสาหัสจนต้องเลิกทัพ
สถานที่ตั้งปืนใหญ่ยิงใส่พระนครศรีอยุธยาก็ปรากฏชื่อ “วัดพระเมรุ”
นอกจากนี้ วัดหน้าพระเมรุยังเป็นวัดที่ไม่ถูกเผาทำลายตอนเสียกรุง
หนังสือเล่มที่จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสจัดงานสมโภช 513 ปี วัดหน้าพระเมรุฯนี้ ได้พาเที่ยววัด โดยแนะนำให้รู้จักกับ “ของดี” ของวัดหน้าพระเมรุฯ
แนะนำให้รู้จักพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ ซึ่งเป็นพระประธานภายในพระอุโบสถ
บอกเล่าเรื่องราวสถาปัตยกรรมพระอุโบสถ ทั้งเสาในประธาน เสาระหว่างผนัง ฝ้าเพดาน หน้าบัน พระพุทธรูปในซุ้มพระบัญชร เสมาทั้ง 8 ทิศ
รวมไปถึงพระวิหารสรรเพชญ์ พระพุทธรูปศิลาเขียว จิตรกรรมฝาผนัง และอื่นๆ
และเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ “ยันต์”
ยันต์นี้เป็นแผ่นดินเผาติดเหนือประตูทางเข้าพระอุโบสถมีด้วยกัน 2 แผ่น
ปัจจุบันยันต์แผ่นจริงกรมศิลปากรนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม ส่วนที่เห็นอยู่คือแบบจำลอง
ยันต์ที่ติดมีลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยม ภายในปรากฏเป็นตัวเลข แบ่งได้เป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน
ด้านนอกสุด 4 ด้านล้อมด้วยจารึกอักษรขอม ภาษาบาลี
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าให้ฟังว่าตัวเลข ยันต์ และจารึกเหล่านี้คืออะไร
หนังสือระบุว่า ตัวเลขชั้นนอกเป็นยันต์ “โสฬสมหามงคล” ชั้นกลางเป็นยันต์ “ตรีนิสิงเห” และชั้นในเป็นยันต์ “จตุโร”
ตัวเลขที่ปรากฏในยันต์เป็นสัญลักษณ์
อาทิ ยันต์โสฬสมงคล ตัวเลข 16 เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งมงคล 16 อย่าง เลข 9 แทนโลกุตตรธรรม 9 อย่าง คือ มรรค 4 ผล 4 และนิพพาน 1 เลข 5 แทนพระโคตมะ หรือพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ เป็นต้น
ขณะที่ตัวเลขในยันต์ชั้นกลางก็มี อาทิ เลข 3 หมายถึง ตรีนิสิงเห หรือสิงห์สามตัว เลข 7 แทนสัตตะนาเค หรือนาคเจ็ดตัว เลข 4 แทนจตุเทวา หรือเทพทั้ง 4 หรือท้าวจตุโลกบาล เลข 8 แทน อัฎฐะ อะระหันตา หรืออรหันต์ทั้งแปด เป็นต้น
ยันต์ชั้นในก็มีตัวเลขที่ให้ความหมาย
เช่น เลข 4 หมายถึงจะตุโร เลข 5 หมายถึงปัญจะ เลข 2 หมายถึงเทวจะ เป็นต้น
ส่วนอักขระจารึกนั้น ในยันต์แผ่นแรกแปลความได้ว่า “ท่านผู้เจริญ ขอให้ทานศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา จงมาแก่ท่านทั้งหลาย ขอศัตรูของท่านทั้งหลาย จงหลีกลี้”
อักขระจารึกในยันต์แผ่นที่สอง แปลรวมความได้ว่า “เชิญท่านผู้เจริญทั้งหลาย คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน พร้อมทั้งเมตตาและอุเบกขา มา ณ ที่นี้ จงจับอาวุธ ขึ้นต่อยุทธ”
อักขระดังกล่าวเป็น “คาถาอาวุธ” และ “คาถาอายันตุโภนโต” หรือคาถาพระพุทธเจ้าปราบมาร
คาถานี้ได้ปิดล้อมยันต์ทั้งชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน เกิดเป็นแผ่นยันต์มหามงคล
ว้าว!
หนังสือเล่มนี้ยังมีอะไรต่อมิอะไรอีกมากให้ศึกษา
แต่ที่หยิบยกเรื่องยันต์ขึ้นมา เพราะเห็นว่าเป็นสัญลักษณ์อันเป็นมงคล
และในโอกาสที่เป็นมงคลเช่นขึ้นปีใหม่ จึงอยากนำสิ่งอันเป็นมงคลมาถ่ายทอด
เพื่อเป็นกำลังใจแก่ทุกคนในการเดินหน้าสู่ปีไก่ มีความพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
พร้อมรับด้วยกายที่เข้มแข็ง ด้วยใจที่รื่นรมย์ และการกระทำอันเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม
ขอให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญ คิดสิ่งใดสมปรารถนาทุกประการ
สวัสดีปีใหม่ครับ