เริงโลกด้วยจิตรื่น : อยู่ร่วมคนไม่ดี

เริงโลกด้วยจิตรื่น : อยู่ร่วมคนไม่ดี

ไม่ใช่ “คนดี” หรือกัลยาณมิตรเท่านั้นที่มีความสำคัญต่อชีวิตเรา

ในทางตรงกันข้าม “คนไม่ดี” มีความสำคัญไม่แพ้กัน

สมมุติว่าความเป็นไปของชีวิตเหมือนน้ำ คนดีเป็นน้ำสะอาด ไม่มีเชื้อโรค หรือสิ่งสกปรกเจือปน ขณะที่คนไม่ดีเหมือนน้ำที่มีสิ่งไม่พึงปรารถนา สกปรก มีเชื้อโรคร้ายผสม

Advertisement

การอยู่ร่วมกับ “คนไม่ดี” เหมือนนำน้ำสกปรกมารวมกับน้ำสะอาด

ย่อมส่งผลต่อกันและกัน น้ำดีจะกลายเป็นน้ำไม่ดี และน้ำไม่ดีจะถูกเจือจางด้วยน้ำดี ทว่าแนวโน้มความเป็นธรรมดาของสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ การขยายตัว หรือแพร่ไปของความสกปรก หรือเชื้อโรคเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า

ความสะอาด หรือบริสุทธิ์ หรือความดีดูจะมีฤทธิ์เข้าไปเปลี่ยนแปลงความไม่ดีน้อยกว่า เว้นเสียแต่ว่าความดี หรือความบริสุทธิ์นั้นจะมีความมั่นคง มีพลังพอที่จะรักษาตัวเองไว้ และทรงอานุภาพพอจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เข้าไปสัมผัสสัมพันธ์ให้เปลี่ยนแปลงมาในทางที่ดี

Advertisement

นั่นแปลว่า หากจะเสวนาหรือคบหากับคนไม่ดีนั้น ต้องเชื่อมั่นว่าหนักแน่นเป็นคนดีที่มีพลังพอคุ้มครองตัวเองไม่ได้ถูกอิทธิพลของแนวโน้มความเป็นปกติของโลกครอบงำให้หลงตาม หรือถูกความไม่ดีซึมแทรกเข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เราเปลี่ยนไป

โลกที่ไหลตามความไม่ดีได้ง่ายกว่า ทำให้การอยู่ร่วมในสังคมของมนุษย์เราทั่วโลกล้วนพัฒนาที่จะกีดกันคนไม่ดีออกไปจากสังคมปกติ

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกฎหมายขึ้นมาเพื่อกำหนดว่าอะไรเป็นความไม่ดีที่ใครประพฤติเข้าจะต้องถูกลงโทษไปตามความหนักเบาของความไม่ดีนั้นๆ

ถูกปรับ ถูกกันออกจากสังคมปกติ ตั้งแต่ติดคุก ติดตะราง ไปถึงหนักหนาขนาดประหารชีวิตให้พ้นไปจากการอยู่ร่วมโลก

เบาหน่อยก็เป็นการกีดกันด้วยการตั้งข้อรังเกียจไม่ยอมให้ร่วมสังคม มีประเพณี และวัฒนธรรมที่จะทำให้เกิดสำนึกปรับตัวปรับใจ

ก่อนหน้านี้ในสังคมที่ไม่ซับซ้อน อยู่กันอย่างเรียบง่าย ไม่ขยายกว้างเหมือนทุกวันนี้ การจัดการกับคนไม่ดีไม่ยุ่งยากอะไร อาจจะใช้แค่ให้หลวงพ่อ หลวงตา อาจารย์ ผู้ใหญ่ที่มั่นคงในคุณงามความดีนำไปอบรมสั่งสอน ให้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็แก้ไขได้

แต่ถึงวันนี้การตีค่าความดีมีความสลับซับซ้อน

มีเรื่องราวมากมายที่เห็นกันอยู่ว่าคุณงามความดีตามค่านิยมของสังคมยุคนี้ถูกกำหนดด้วยผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า

กฎหมายที่เรียกร้องกันให้เชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นเครื่องมือที่จะทำให้อยู่ร่วมกันเป็นไปด้วยความสงบได้ กลับกลายเป็นถูกตั้งคำถามถึงความยุติธรรม

เป็นกฎหมายที่เขียนขึ้นเพื่อประโยชน์ในการเอารัดเอาเปรียบคนอื่น กลุ่มอื่น โดยคนกลุ่มที่มีอำนาจเหนือกว่าหรือไม่

ความยุ่งยากดูจะเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนสะท้อนให้เห็นชัดว่าการยอมอยู่ร่วมโดยยังไม่มีภูมิคุ้มกันคนไม่ดีนั้น ที่สุดแล้วความเป็นไปของสังคมจะถูกชักนำด้วยอิทธิพลของคนไม่ดี จนที่สุดแล้วยากจะแก้ไข เพราะกระทั่งกติกาและการตัดสินลงโทษถูกกำหนดด้วยคนไม่ดีเสียแล้ว

สังคมจึงมีแต่เสื่อมไปจากความดีงาม

ซึ่งนั่นจะเป็นการขัดต่อพัฒนาการของความเป็นมนุษย์ที่ความสุขขึ้นอยู่กับกระแสของความรัก ความมีไมตรีอันก่อความสงบในการอยู่ร่วมกัน

การแก้ไขกลับคืนต้องอาศัยพลังของคุณงามความดีมากมายมาเปลี่ยนแปลง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image