แท็งก์ความคิด : ปัญญา‘543BC’

ปัญญา‘543BC’

ปัญญา‘543BC’

นำชัย ชีววิวรรธน์ เป็นนักเขียนที่ทำเรื่องยากให้เข้าใจง่าย

หนังสือเรื่อง “543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล” เป็นข้อพิสูจน์

ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้เริ่มตั้งแต่การใช้ช่วงปี 543 BC หรือ 543 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นชื่อหนังสือ

Advertisement

ช่วง 543 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นช่วงเวลาระหว่างพระเยซูประสูติกับพระพุทธเจ้าดับขันธ์ปรินิพพาน

ช่วงเวลาดังกล่าวปรากฏนักคิดนักปราชญ์ และผู้ค้นพบสัจธรรมเกิดขึ้นมากมาย

นักคิดนักปราชญ์เกิดขึ้นทั้งฟากฝั่งตะวันตก และฟากฝั่งตะวันออก

Advertisement

แต่ละฟากฝั่งมีผู้มองเห็นว่าสรรพสิ่งขับเคลื่อนไปตามธรรมชาติ มิได้ขึ้นอยู่กับเทพเจ้าแต่อย่างใด

ความคิดเช่นนี้ทำให้มนุษย์มีวิวัฒนาการและพัฒนาการมาจวบจนปัจจุบัน

นักปรัชญาเมธีเหล่านี้ ท่านผู้อ่านคงคุ้นเคยชื่อกันดีอยู่แล้ว

อาทิ เธลิส (เกิดเมื่อ 624 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ชาวกรีก นักคิดที่พิสูจน์ว่า สรรพสิ่งมิได้เกิดขึ้นจากน้ำมือเทพเจ้า

ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นจากธรรมชาตินี่แหละ

หรือ พีธาโกรัส ที่เปิดสำนักปราชญ์ ตอกย้ำว่าคณิตศาสตร์ทำให้เกิดจักรวาล

นอกจากนี้ยังมี โสเครตีส คนที่ยอมเสียชีพเพื่อรักษาปรัชญา ฮิปโปเครตีส ผู้มีจิตวิญญาณของแพทย์ เพลโต ที่ถือเป็นนักปรัชญาเอกจากฟากฝั่งตะวันตก

อริสโตเติล ต้นธารสรรพวิชาตะวันตก อริสตาร์คัส ผู้ค้นพบว่าโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางจักรวาล อีราทอสเธนิส ผู้คำนวณขนาดของโลก

แล้วยังกล่าวถึง พระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มหาวีระผู้เผยแผ่หลักอหิงสาธรรม รวมไปถึง เหล่าจื่อ จวงจื่อ ขงจื่อ

สังเกตพบว่าเนื้อหาได้กล่าวถึงอัจฉริยะบุคคลระดับโลกทั้งสิ้น

เป็นบุคคลที่มีความคิด เป็นแนวคิดที่เกิดจากภูมิปัญญาหลุดพ้นจากความเชื่อดั้งเดิม

เป็นความคิดและแนวคิดที่หลุดพ้นจากเทพเจ้า

แนวคิดดังกล่าวได้รับการสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน

สานต่อผ่านการสั่งสอนจากอาจารย์สู่ศิษย์

อาทิ พีธาโกรัส (570-495 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เจ้าสำนักพิธาโกเรียน ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับพระพุทธเจ้า

พีธาโกรัส เป็นศิษย์ของ อาแน็ตซิแมนเดอร์ (มีอายุช่วง 610-56 ปีก่อนคริสต์ศักราช) นักปรัชญาผู้ที่วาดแผนที่โลก และแบบจำลองจักรวาล

โดยที่ อาแน็ตซิแมนเดอร์ เป็นลูกศิษย์ของ เธลิส อีกทีหนึ่ง

เท่ากับว่า พีธาโกรัส เป็นหลานศิษย์ของ เธลิส

เมื่อ เธลิส ไม่เชื่อว่าสรรพสิ่งเกิดจากเทพเจ้า หากแต่เกิดจากธรรมชาตินี่เอง

ศาสตร์นี้เธลิสได้ส่งต่อรุ่นต่อรุ่น

ถ่ายทอดสู่ลูกศิษย์และสืบต่อไปยังรุ่นหลานศิษย์

พีธาโกรัส ได้รับความรู้จากอาจารย์ แต่ก็ไม่ได้หยุดตัวเองอยู่แค่นั้น

ความรู้ของพีธาโกรัสนอกจากมาจากอาจารย์แล้วยังมาจากประสบการณ์ในต่างแดนอีกด้วย

เป็นประสบการณ์จากอียิปต์ และบาบิโลน

โดยเฉพาะบาลิโลนในสมัยนั้นถือว่ามีความรู้ด้านคณิตศาสตร์ระดับสูงสุดยอด จึงเชื่อว่า พีธาโกรัสได้รับความรู้คณิตศาสตร์และกลับมาพัฒนาถิ่นเกิด

ความรู้จากชนรุ่นก่อน ผนวกกับความฉลาดหลักแหลมของพีธาโกรัส ทำให้ค้นพบสิ่งใหม่เพิ่มขึ้นมา

สุดท้ายสามารถสรุปหมวดความรู้ที่มีกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแล้วตั้งสำนักถ่ายทอดวิชา

ศิษย์ของสำนักนี้เรียกตัวเองว่า พีธาโกเรียน

ชาวพีธาโกเรียน มองว่า เลข 10 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ เพราะเลข 10 เกิดจากการบวกเลขจำนวนนับ 4 ลำดับแรกเข้าด้วยกัน

นั่นคือ 1+2+3+4

เลขเหล่านี้นำมาวางเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปทรงสมบูรณ์

เรียกว่า “เทแทร็กทิส”

ชาวพีธาโกเรียนสวดบูชา “เทแทร็กทิส” และกล่าวสัตย์สาบานแสดงศรัทธาต่อรูปเคารพนี้

ถือว่า รูปสามเหลี่ยม “เทแทร็กทิส” มีความสำคัญทั้งด้านคณิตศาสตร์ และเวทมนตร์

สำนักพีธาโกรัสรุ่งเรืองในซีกฝั่งโลกตะวันตก ขณะที่โลกฝั่งตะวันออกก็มีบุคคลที่มีปัญญาระดับอัจฉริยะเกิดขึ้นเช่นกัน

อันดับหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงคือ พระพุทธเจ้า (มีพระชนมายุช่วง 623-543 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ทรงเป็นศาสดาของศาสนาพุทธ

เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน และเป็นผู้นำที่เชื่อในเรื่อง “อเทวนิยม”

ทรงค้นพบสัจธรรมและเผยแผ่ “วิชา” เพื่อดับ “อวิชชา”

นอกจากพระพุทธองค์แล้วยังมีนักปราชญ์อย่างเหล่าจื่อ (6-5 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช) ที่สามารถเข้าถึงธรรมชาติ

หลายคนคงรู้จักยันต์แปดเหลี่ยม สัญลักษณ์สำคัญของนักพรตเต๋า

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “คัมภีร์อี้จิง”

ทั้งหมดคือภูมิปัญญาที่เกิดขึ้นในยุคนั้น

นำชัย ชีววิวรรธน์ เขียนไว้ในหนังสือว่า ช่วงเวลาที่ปรากฏนักคิดเหล่านี้ถือเป็นห้วงเวลาแรกของ “ภูมิปัญญาโลก”

ถือเป็น “เรอเนสซองส์” แรกของโลกที่มีการรวบรวมความรู้ที่สั่งสมไว้ก่อนหน้านั้นมาต่อยอดจนแผ่ไพศาล

ก่อเกิดเป็นปัญญาญาณแห่งยุคสมัยและสืบต่อกันมา 2,500 ปี

ปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นมา นำชัยมีคำตอบ

หนังสือ “543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล” ก็มีคำตอบ

หากมีหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือลองพลิกดูแล้วจะได้คำตอบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image