กลิ่น‘ดิจิทัล วอลเล็ต’

กลิ่น‘ดิจิทัล วอลเล็ต’

กลิ่น‘ดิจิทัล วอลเล็ต’

หากนับเอา “แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” เป็นสมรภูมิ การปะทะระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “ฝ่ายต่อต้าน” ดูจะดุเดือดมากขึ้นทุกที

จาก “ฝ่ายต่อต้าน” ที่เริ่มบางกลุ่มของ “อำนาจเก่า” ที่ชัดเจนว่าหาเรื่องอาศัยคำว่า “ประชานิยม” มาโจมตี ด้วยเหตุผลเดิมๆ คือเป็นแค่นโยบายหาเสียง ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ให้ปลาไม่ให้เครื่องมือจับปลา ก่อนที่จะขยายมาเป็นเหตุผลทางวิชาการว่าด้วยความเสี่ยงต่อการสร้างภาวะเงินเฟ้อ สร้างหนี้สินไว้ให้อนาคตของชาติ

เป็นการออกโรงของกลุ่มต่อต้านที่มีพลังมากขึ้น โดยเฉพาะเหล่าอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เรียงหน้าเดินนำอารมณ์นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศลงชื่อในบัญชีหางว่าวถ่ายจดหมายเปิดผนึกที่มีไปถึงรัฐบาล และประชาชน ด้วยถ้อยคำที่ร้อนแรงเหมือนไฮด์ปาร์กบนเวทีปราศรัย

Advertisement

เหตุผลที่พร้อมด้วยหลักวิชาการ และความห่วงใยอนาคตทางการเงินการคลังของประเทศจากผลของนโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่ตั้งคำถามหนักหน่วงถึงที่มาของเงิน รูปแบบการจ่าย การขยายตัวของหนี้สาธารณะ ภาวะข้าวของแพงที่ประชาชนจะต้องรับภาระหลังจากนั้น เลยถึงความเสี่ยงต่อการลดลงของค่าเงินบาทที่จะสร้างความยุ่งยากให้การบริหารประเทศในอนาคต เนื่องด้วยประเทศไทยเราขึ้นอยู่กับสินค้านำเข้าโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและพลังงานอยู่ไม่น้อย

ไม่เพียงนักเศรษฐศาสตร์ออกมาไล่ถล่มเรียกหาคำตอบไม่หยุดเท่านั้น ถึงวันนี้รูปแบบการต่อต้านรุกคืบไปสู่ “เสียงขู่ทางกฎหมาย” โดยมีท่าทีของ “คณะกรรมการป้องการการทุจริตและประพฤติมิชอบ” ส่งเสียงให้รับรู้ถึงความเสี่ยงที่นโยบายนี้จะถูกตีความว่าผิดกฎหมาย

แรงถึงขนาดหยิบ “นโยบายจำนำข้าว” สมัย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ซึ่งผู้เกี่ยวข้องติดคุกติดตะรางกันระนาวมาเป็นหนังตัวอย่าง

Advertisement

ก่อความรู้สึกให้ทุกฝ่ายที่รับรู้ถึงทัศนคติในการใช้อำนาจเพื่อจัดการทางการเมืองมองเรื่องนี้ด้วยความห่วงใยยิ่ง

แม้จะดูเหมือนว่า “รัฐบาล” ที่มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี จะยืนยันแข็งกร้าวว่าเป็นนโยบายที่มีแต่เดินหน้าต่อ ไม่มีทางที่จะถอยหลัง รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำให้สำเร็จเพราะเป็นหนทางเดียวที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศจากความตกต่ำอันเนื่องด้วยการ “แช่แข็งประเทศ 9 ปีเต็ม” โดยเจตนาของรัฐบาลที่ผ่านมา

กระนั้นก็ตาม “รัฐมนตรีที่ออกมาตอบโต้การต่อต้าน” มีเพียงจาก “พรรคเพื่อไทย” แถมยังบางส่วนเท่านั้น “รัฐบาลจากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น” รวมถึง “รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยกระทรวงที่ไม่เกี่ยวข้องกับ การเงิน-การคลัง” ล้วนนับวันที่จะวางตัวเองไว้ในจุดที่ปลอดภัย

เห็นได้ชัดเจนว่าขณะ “ฝ่ายต่อต้าน” ขยายเครือข่ายแนวร่วมกว้างขึ้นเรื่อยๆ และมีบางส่วนโดยเฉพาะ “ผู้ที่อยู่ในขบวนการใช้การต่อต้านนโยบายจำนำข้าวไล่ล้างรัฐบาลเพื่อไทย” เริ่มแสดงออกด้วยความร้อนแรงยิ่งขึ้น ในส่วนของ “ผู้ขับเคลื่อนนโยบายนี้” กลับหดแคบลง เหลือในรัฐบาลไม่กี่คนที่ยังขยับ

ที่น่าสนใจอย่างมากคือ ท่าทีในการตอบโต้การต่อต้านของ “คนจากพรรคเพื่อไทย” กลับเลี่ยงที่จะชี้แจงในสาระที่ถูกโจมตี ทั้งในทางองค์ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ หรือการเคลียร์เรื่องตัวบทกฎหมาย

การตอบโต้กลับเป็นการหยิบยกเอา “ความเดือดร้อนของประชาชนระดับล่าง-ความเหลื่อมล้ำที่ก่อความได้เปรียบของอภิสิทธิ์ชนที่ไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน” มาโจมตีผู้ที่ออกมาคัดค้าน

สร้างภาพความจำเป็นต้องต่อสู้หัวชนฝา ในเชิงอุดมการณ์ ที่หากพิจารณาให้จะสัมผัสได้ถึง “ความแตกต่างจากการดำเนินนโยบายอื่น” ที่เน้นและตอกย้ำความคิด “อยู่กับความเป็นจริง”

ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ “ผู้ที่ออกตอบโต้การต่อต้าน” กลับเป็น “ระดับนักหาเสียงเลือกตั้ง” เรียงแถวออกมาแสดงวาทกรรม แทนนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์มากขึ้น

ด้วยเหตุนี้เองที่นับวัน จะได้กลิ่นทะแม่งๆ โชยมาจาก “แจกดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท” แรงขึ้นเรื่อยๆ

ว่าจะเป็น “นโยบายที่อ้างได้ถูกต่อต้านจนต้องผิดคำพูดกับประชาชน”

ไม่ได้ล้มเลิกเพราะ “รัฐบาลเลิกทำ” แต่ “ทำไม่ได้ เพราะถูกขัดขวาง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image