ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | จันทร์รอน |
เผยแพร่ |
หนทางที่จะทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปโดยเหมาะสม คือการจัดการปัจจัยต่างๆ ที่มาประกอบให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น
อาจจะเป็นการจัดการให้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว หรือเป็นไปตามคุณธรรมความดีความที่จิตใจยึดถือ
บุคคลที่จัดการชีวิตให้เป็นไปเช่นนี้ได้ ย่อมเป็นผู้นำพาชีวิตสู่ความสำเร็จ สู่ความดีงาม
หรืออย่างน้อยที่สุดไปปล่อยให้ชีวิตถูกลากจูงไปสู่ความเสื่อมในหนทางต่างๆ
เพียงแต่ทั้งที่เป็นความเหมาะสมที่ชีวิตควรดำเนินไป กลับมีคนน้อยมากสามารถนำพาชีวิตไปสู่ความเหมาะสม ดีงาม และด้วยเหตุนี้เองที่เราจะพบว่าผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ มีเวลาที่ทุกข์ตรม กลัดกลุ้มกังวลมากกว่าวันเวลาที่เริงรื่น เบิกบาน
ที่เป็นเพราะเนื่องจากเป็นธรรมชาติของคนที่จะทำตามความเคยชินของตัวเอง
ระหว่างความเคยชินที่จะอยู่ด้วยสติพินิจพิจารณาสิ่งต่างๆ ตามปัจจัยที่มาประกอบกันขึ้น อย่างพิเคราะห์ว่าจะส่งผลให้เกิดอะไรขึ้น จะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้เปลี่ยนแปลงผลไปตามเป้าหมาย ไปตามคุณธรรมความดีในใจ
กับความเคยชินที่กับการจัดการเรื่องราวต่างๆ ตามประสบการณ์ ตามวิธีแบบที่เคยทำโดยไม่พินิจพิจารณาให้ถี่ถ้วน
การทำตามประสบการณ์เดิม และวิธีการแบบเดิมๆ นั้นมีบางครั้งที่ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นวิธีที่เหมาะเจาะพอดีกับผลที่ได้รับ
แต่ส่วนใหญ่มักไม่เป็นไปตามนั้น เนื่องจากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้จะคล้ายกันกับเรื่องแบบเดียวกันทีเกิดขึ้นมาก่อน ทว่าโดยทั่วไปแล้วมักจะมีความแปลกต่างของปัจจัยบางอย่างที่มาประกอบ ยิ่งเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเป็นไป ยิ่งทำให้แตกต่าง นั้นหมายถึงหากจะให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ควรจะเป็น จะต้องมีวิธีการจัดการที่แตกต่างออกไป
เมื่อคนส่วนใหญ่มักจัดการไปตามความเคยชิน เรื่องราวที่ไม่เป็นอย่างใจจึงเกิดขึ้น
และจุดนี้ก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนอีกระดับหนึ่ง
อาจจะมีบางคนที่มองความไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ด้วยการเห็นถึงปัจจัยที่มาประกอบเปลี่ยนไป และเข้าใจถึงสาเหตุที่ไม่เป็นอย่างไร ก่อให้เกิดการเริ่มต้นวิธีการจัดการแบบใหม่ที่พิเคราะห์แล้วว่าจะเหมาะสมกว่า
หากเป็นเช่นนี้ การกลับไปสู่ความสำเร็จจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
แต่กลับกลายเป็นว่า ควรส่วนใหญ่ เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่เป็นอย่างใจ จะเกิดอารมณ์ ไม่พอใจ หรืออารมณ์โกรธขึ้นมา
ในทางหนึ่งอารมณ์นี้ก่อให้เกิดการเกรี้ยวกราด โมโหโกรธา
ในอีกทางหนึ่งจะก่อให้เกิดความระทมท้อ สิ้นหวัง น้อยเนื้อต่ำใจ วิตกกังวล
ผลที่ตามมาทางหนึ่งจะเป็นการใช้อำนาจบาทใหญ่ บังคับขู่เข็ญ ใช้กำลังหักหาญให้เป็นอย่างใจ
อีกทางหนึ่งคร่ำครวญ ร้องขอให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
ซึ่งอาจจะประสบความสำเร็จอยู่บ้างในผลที่เกิดขึ้น แต่จะเป็นความสำเร็จที่มาพร้อมกับแรงเสียดทาน บีบคั้น หรือบุญคุณ ความแค้นสารพัด เนื่องจากเป็นผลที่ไม่ใช่ได้จากการประกอบกันของปัจจัยที่เป็นปกติ แต่เป็นการเติมแรงกดดันบางอย่างเข้าไป และแรงกดดันนั้นจะก่อให้เกิดผลบางอย่างนอกเหนือจากความเป็นปกตินั้น
การบริหารจัดการปัจจัยด้วยจิตที่เป็นปกติ ไม่ถูกกดดันบีบคั้นกลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่มักถูกหล่อหลอมมาด้วยการหาวิธีการจัดการที่ตายตัว อยู่ในผลึกความคิดที่นำสู่การหยิบประสบการณ์เก่าๆ มาใช้อย่างปราศจากการพิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนถึงความไม่คงตัว ความแตกต่างของปัจจัยที่มาประกบกัน ละเลยที่จะคำถึงว่า เรื่องที่คล้ายเป็นอย่างเดียวกัน แบบเดียวกัน มีความเป็นไปได้ตลอดเวลาว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ความคุ้นชิน ทำให้มองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น
และยิ่งเผชิญหน้ากับสิ่งที่เปลี่ยนไปด้วยความโกรธ ความน้อยเนื้อ ต่ำใจ ทดท้อ ความคิดจะยิ่งถูกพาให้ไปไกลจากความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
การฝึกสติที่อยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบันขณะ
คือเบื้องต้นของการกำหนดวิธีการที่เหมาะสมที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จ และความดีงาม โดยไม่ต้องอาศัยแรงกดดันที่มากกว่าความปกติ