Chinese sense and The World today “กลิ่นอายความเป็นจีน” กับโลกในวันนี้

เข้าใกล้ตรุษจีนอีกแล้ว ผู้เขียนเลยอยากมาเขียนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับจีน ว่าทำไมโลกถึงให้ความสำคัญกับประเทศมังกรนี้นัก ทั้งด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ และรวมไปถึงด้านวัฒนธรรม?

หลังจากจีนเปิดประเทศ และก้าวสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างเต็มตัวแล้ว ทั้งโลกให้ความสำคัญกับประเทศนี้มาโดยตลอด ก้าวแรกก็เริ่มจากการตั้งตัวทางโครงสร้างพื้นฐานเปรียบเสมือนเป็นโรงงานของโลก โดยใช้ความได้เปรียบจากจำนวนประชากรที่มีมากที่สุดของโลก (ขนาดนี้นับแค่คนจีนในจีนนะ ยังไม่รวมถึงคนจีนที่อพยพออกมาตามมุมต่างๆ ทั่วโลก) โรงงานในจีนทั้งหลายต่างผลิตสินค้าเพื่อป้อนให้กับมุมต่างๆ ในโลกนี้ จะบอกว่าเป็นสินค้าอะไรนั้น เอาเป็นว่าจีนผลิตได้ทุกอย่าง คุณภาพนั้นต้องขึ้นกับว่าการบริหารจัดการภายในบริษัทของแต่ละโรงงานนั้นๆ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบบริษัทจีนที่มีศักยภาพเอง เช่น Lenovo Huawei และ Haier หรือเป็นแบบบริษัทต่างชาติเข้าไปลงทุนสร้างผลิตภัณฑ์ในจีน แต่ใช้เทคโนโลยีของต่างชาติเข้ามาเสริมและกำกับดูแล เช่น apple inc จากอเมริกา และโรงงาน Foxxcon ผู้ผลิต iphone ในจีน เศรษฐกิจจีนในช่วงนั้นโตด้วยอัตราที่น่าระทึก พอช่วงหลังๆ นี้อัตราการเติบโตไม่ได้เหมือนเมื่อ 8-10 ปีก่อน แต่ก็ยังมีการเติบโตอยู่เรื่อยๆ

พูดถึงเกมการเมือง จากประเทศที่รุ่งโรจน์และพังถล่มลงมา แทบจะสู้ใครไม่ได้ เก็บตัวอยู่ วันนี้ก็มายืนอยู่ตำแหน่งที่ว่าเป็นหนึ่งในตัวละครเอกในเวทีการเมือง เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของอเมริกา ประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐ Donald Trumps หลังจากการหาเสียงเพื่อเน้นเศรษฐกิจภายในประเทศ จะขึ้นกำแพงภาษีสินค้าในจีนเพื่อให้ของจีนที่เข้าอเมริกาแพงขึ้นนั้น ก็ยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก เพราะมีหลายเกมที่ซ้อนเกมอยู่ ประมาณว่าถ้าคุณทำอันนี้ ฉันก็จะทำอันนี้

สุดท้ายเกมการเมืองก็ยังเล่นอะไรมากกับจีนไม่ได้ ได้แต่ถูกประณามว่าเป็น “currency manipulator” (ผู้บิดเบือนค่าเงิน) คงต้องรอดูกันไป แต่ที่แน่ๆ จีนยังเป็นหมากที่ต้องระวังของอเมริกาแน่นอน

Advertisement
โดนัล ทรัมป์ พบกับแจ็ก หม่า ที่ทรัมป์ทาวเวอร์เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา
โดนัล ทรัมป์ พบกับแจ็ก หม่า ที่ทรัมป์ทาวเวอร์เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา

กลับมาด้านเศรษฐกิจ จากก้าวแรกที่เป็นเหมือนโรงงานผลิตเน้นแรงงานถูกเป็นส่วนใหญ่ เหล่าคนจีนก็เรียนรู้ พัฒนา ต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการของตัวเอง เช่น alibaba ของ แจ๊ก หม่า น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการต่อยอดจากก้าวแรกๆ ของจีน ประกอบกับสถานภาพทางการเมืองที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก และค่าเงินก็เหมือนจะไม่ขยับขึ้นเหมือนประเทศอื่นๆ (อันนี้ก็สำคัญต่อการส่งออกมากเพราะสินค้าและบริการจีนเมื่อเทียบค่าเงินอื่นๆ แล้วก็จะถูกกว่าสินค้าประเทศอื่นๆ เสมอมา) คนที่กอบโกยเงินช่วงแรกๆ ได้ ก็รวยกันไป พวกที่ต่อยอดได้ก็รวยกันเข้าไปอีก ตลาดจีนทั้งตลาดบน ตลาดชนชั้นกลาง และตลาดล่างจึงมาเป็นที่จับตามองของกลุ่ม retailing business ของบริษัทต่างๆ ทั่วโลก เพราะตลาดจีนมีกำลังซื้อที่สูงมากไปกว่านั้นตลาดจีนเป็นตลาดที่น่าสนใจอยู่เพราะคนจีนมีความรักพวกพ้อง รักเอกลักษณ์วัฒนธรรมตัวเอง รักครอบครัว ยิ่งชาวจีนที่อยู่นอกประเทศจีนแล้วยิ่งมีเอกลักษณ์เหล่านี้มากขึ้น สินค้าและบริการก็จะสะท้อนสิ่งเหล่านี้ เช่น ศิลปะของจีน ยกตัวอย่างสินค้าแบรนด์หรูอย่างกุชชี่ (GUCCI) ก็ดึงกลิ่นอายความเป็นจีน (Chinese sense) เข้ามาในคอลเล็กชั่นบางกลุ่มของแบรนด์

บ้านเรือน หรือโรงแรมชั้นนำก็ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นจีนมาเล่นตามมุมต่างๆ ในบ้านเรือน ในห้องบางห้อง หรือในล็อบบี้ของโรงแรม

นอกจากกลิ่นอายจีนนี้จะออกมาในแนวผลิตภัณฑ์แล้วนั้น ทางสังคมก็ไม่แพ้กัน เมื่อลูกหลานคนจีนในประเทศจีนและคนจีนโพ้นทะเลในประเทศอื่นๆ ได้รับการศึกษาในซีกโลกตะวันตก การผสมผสานของวัฒนธรรมก็เกิดขึ้นในแบบที่น่าสนใจ มีการแต่งงานข้ามเชื้อชาติกันเยอะ คนต่างชาติก็มาเรียนภาษาจีนกันเยอะมากขึ้น ตัวอย่างชัดๆ ก็เจ้าของเฟซบุ๊ก มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ที่ได้ศรีภรรยาเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน และแถมยังพูดจีนกลางได้สำเนียงเกือบเหมือนอีกด้วย ต้องมารอดูกันต่อไปว่ากระแสจีนนั้นจะพัฒนากันไปได้อีกถึงไหน

Advertisement

แต่ที่แน่ๆ วันตรุษจีนนี้ก็เตรียมรับ/แจกซองแดงหรืออั่งเปา พร้อมกับการรวมตัวกันพร้อมหน้าของครอบครัวในมื้ออาหารที่มีอาหารเต็มโต๊ะ

foxxconn_ready_0

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image