‘เด็กธรรมดา…คือสิ่งสวยงาม’ จุดไฟสร้างงานศิลป์จากพลังแห่งการให้

‘เด็กธรรมดา...คือสิ่งสวยงาม’ จุดไฟสร้างงานศิลป์จากพลังแห่งการให้

‘เด็กธรรมดา…คือสิ่งสวยงาม’ จุดไฟสร้างงานศิลป์จากพลังแห่งการให้

ปัจจุบันการเฟ้นหาเด็กไทยที่มีความสามารถด้านต่างๆ มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะร้อง เล่น เต้นรำ รวมถึงด้านการสร้างสรรค์งานศิลปะ

โครงการไฟ-ฟ้า ริเริ่มกิจกรรมหลักของมูลนิธิทีทีบี ในปี 2552 ภายใต้ปรัชญา “Make Real Change” มีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบโอกาสและปลูกฝังให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์เชิงศิลปะและพัฒนาทักษะการใช้ชีวิต โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อนำสิ่งที่ได้เรียนรู้คืนสู่ชุมชน และเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน

จุดประกายศักยภาพผ่านผลงานศิลปะเด็กไฟ-ฟ้า สู่สังคมในวงกว้าง ชวนปลุกพลังเยาวชน ผ่านนิทรรศการภายใต้แนวคิด ‘เด็กธรรมดา…คือสิ่งสวยงาม’ จากอัตลักษณ์ ‘ไฟ’ คือพลังที่มีอยู่ในตัวเด็กและชาวชุมชนทุกคน ฟ้า คือพลังแห่งการ ‘ให้’ จากอาสาสมัครทีทีบี

Advertisement

ล่าสุด ทีทีบี จับมือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (Moca Bangkok) ต่อยอดผลงานและไอเดียสร้างสรรค์ของเด็กไฟ-ฟ้า ทั้ง 5 แห่ง จัดนิทรรศการแสดงผลงานของเยาวชน fai-fah Art Exhibition 2024

เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา กระทั่งโค้งสุดท้าย ถึงอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์นี้

Advertisement

โปรเจ็กต์แห่งการ ‘ให้’ ยื่นโอกาส จุดไฟสู่พลังซอฟต์พาวเวอร์

ประภาศิริ โฆษิตธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวถึงโครงการไฟ-ฟ้า ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบโอกาสและปลูกฝังเยาวชน รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ประภาศิริ โฆษิตธนากร

“ธนาคารมุ่งมั่นที่จะจุดประกาย ปลุกพลังในตัวเด็กๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าแนวทางการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ดำเนินมาถูกทางแล้ว

เราเชื่อว่าเด็กๆ ทุกคนมีศักยภาพ เพียงแต่พวกเขาจะมีโอกาสหรือไม่มี ทีเอ็มบีธนชาตเล็งเห็นว่า หากหยิบยื่นโอกาสให้ ก็สามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมาได้ ซึ่งดีต่อทั้งตัวเองและครอบครัว หรือแม้กระทั่งชุมชนรวมถึงประเทศไทยด้วย เพราะเด็กและเยาวชนเปรียบเสมือนทรัพยากรที่สำคัญ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อก็ควรจะมีเส้นทางที่ดีโดยมีคนรอบข้างสนับสนุน แม้เป็นเด็กธรรมดาแต่ก็มีความสวยงามภายในจิตใจ เมื่อพวกเขาได้รับโอกาสจากสังคม จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีสำหรับประเทศไทยในอนาคต” ประภาศิริเกริ่นความเป็นมา

จากนั้น ชวนให้ชมผลงานแต่ละชิ้นที่มีความหมายที่แตกต่างกันไป แต่ละภาพสื่อถึงประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้ชมได้สัมผัสจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดของเด็กๆ นอกจากนี้ ยังมีผลงานผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ส่องประกายความหลากหลายไลฟ์สไตล์ให้ชม

“ผู้ชมที่เข้ามาไม่ได้มีเพียงแค่คนไทย แต่ยังมีต่างชาติเข้ามาชมผลงานของน้องๆ เช่นกัน ความจริงมีต่างชาติเข้ามาถามถึงมูลค่าภาพเยอะมากซึ่งเราเองไม่สามารถจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ เพราะถือว่าแต่ละภาพมีความหมายเกินกว่าจะตีมูลค่าได้ เราไม่ได้ต้องการนำผลงานของเด็กๆ มาทำเป็นเชิงพาณิชย์ เพียงแต่เปิดพื้นที่ให้ผลงานของศิลปินตัวเล็กๆ ได้โชว์ศักยภาพเท่านั้น

เด็กๆ สามารถสื่อสิ่งเหล่านี้ออกไปได้จากภาพเล็กๆ ที่เขาวาด ซึ่ง Moca Bangkok จะช่วยขยายภาพให้ยิ่งใหญ่และกว้างมากขึ้น ทำให้เห็นว่านิทรรศการนี้จะจุดพลังซอฟต์พาวเวอร์ในอนาคต”

สกัดโรค ‘รู้งี้’ ชี้เป้า ‘ธุรกิจ’ จากความชอบ

ด้าน บุณยนุช วิทยสัมฤทธิ์ ศิลปินและดีไซเนอร์ชื่อดัง กล่าวถึงความดีใจกับลูกศิษย์ที่ปั้นมาเองกับมือ จนถึงวันที่ได้จัดแสดงนิทรรศการออกสู่สายตาผู้ชม

บุณยนุช วิทยสัมฤทธิ์ (ซ้าย)

“ทั้งหมดทั้งมวลเริ่มจากคลาสศิลปะมาก่อน วาดรูประบายสีในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ละคนก็มีความถนัดที่แตกต่างกันไป บางคนถนัดวาดดินสอ บางคนถนัดลงสีหรือแม้แต่ถนัดด้านคอมพิวเตอร์ก็มี

ดีใจมากที่ได้ร่วมสอนในคลาสศิลปะ ที่ไม่ได้สอนเพียงแค่ศิลปะ แต่สอนให้เด็กๆ ได้ใช้ศิลปะนำไปต่อยอดในอนาคตได้ไม่ว่าจะนำไปเป็นแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้สอนให้เขาได้รู้จักการนำสิ่งที่ชอบไปทำธุรกิจได้” บุณยนุชกล่าว ทั้งยังย้อนเล่าถึงประสบการณ์ก่อนเป็นศิลปินและดีไซเนอร์

“มองกลับกันก่อนที่จะมาเป็นศิลปิน ดีไซเนอร์ ตอนอายุเท่าพวกเขา ยังไม่เรียนรู้อะไรได้มากขนาดนี้ เด็กรุ่นใหม่ๆ เมื่อพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ มันทำให้เขากล้าแสดงออก แรงบันดาลใจเหล่านี้ไม่ได้มีให้แค่เด็ก แต่รวมถึงผู้ใหญ่ที่มองย้อนกลับไปนึกถึงตัวเองแล้วให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ๆ แบ่งปันประสบการณ์ดีๆ เพื่อให้เขาเติบโตมีแนวทางเลือกที่ดีให้กับตัวเองเพราะเด็กเหล่านี้จะสามารถเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในทุกๆ อุตสาหกรรม”

ศิลปินและดีไซเนอร์ท่านนี้ ยังเล่าถึงความประทับใจทั้งต่อพ่อแม่ที่คอยสนับสนุน และเด็กๆ ที่ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่

“พ่อแม่ของเด็กๆ บางคนน่ารักมากจริงๆ เห็นว่าลูกตัวเองชอบงานศิลปะก็ซัพพอร์ตเต็มที่ บางคนอาจจะไม่ได้มีเวลาดูแลเขาอย่างเต็มที่เพราะต้องทำงานตลอด แต่เด็กๆ ก็น่ารักตรงที่สามารถเรียนรู้เอาตัวรอดได้เอง พ่อแม่ก็จะยิ่งภูมิใจด้วยซ้ำ ว่าถึงแม้จะไม่มีเวลามาดูแลแต่เขาสามารถดูแลตัวเองและไปได้ไกลมากๆ

ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน เด็กเจนใหม่ๆ มีช่องทางเยอะมาก อย่างโซเชียล ทุกคนสามารถที่จะลุกขึ้นมาแสดงตัวตน ไม่ใช่เพียงแค่เด็กแต่รวมถึงผู้ใหญ่ที่กำลังจะลงมือทำอะไรสักอย่างแต่ยังลังเล อย่าให้โรค รู้งี้ มาอยู่กับเรา เพราะไม่สามารถย้อนอดีตไปได้ ดังนั้น ถ้าชอบหรือคิดอยากจะทำอะไรให้ตั้งใจลงมือทำเลย คว้าโอกาสไว้ที่ตัวเราดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลัง สิ่งสวยงามรอเราอยู่เสมอ” บุณยนุชแนะ

เดินตาม ‘แสง’ ที่อยู่ข้างหน้า แม้ ‘ดาร์ก’ บ้าง แต่ยังสวยงาม

บุณยนุชยังเผยว่า สิ่งที่อยากเสริมคือ ศิลปะของเด็กๆ สามารถต่อยอดได้ทุกๆ ด้าน ยิ่งแสดงออกถึงความเป็นตัวตนมากเท่าไหร่ เชื่อว่าจะยิ่งสามารถเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ โดยเด็กแต่ละคนมีตัวตนที่ชัดเจนในรูปแบบของตัวเอง

“พวกเขาดูผ่านอะไรมาเยอะ ถ้าให้เปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นๆ ที่มีความพร้อมมากกว่า สิ่งเหล่านี้สามารถแสดงออกมาให้เห็นในมุมของเขาถึงแม้ในสตอรี่เหล่านั้นจะมีความดาร์กบ้างแต่แสดงออกมาได้อย่างสวยงาม อีกทั้งสร้างแรงผลักดัน แรงบันดาลใจให้กับเด็กคนอื่นได้เช่นกัน อยากให้เห็นแสงในสิ่งที่ทำ แล้วเดินตามแสงที่อยู่ข้างหน้าของเขาให้สำเร็จ” บุณยนุชกล่าว

ปิดท้ายกับมุมมองของ สิรีญา ภัทรวดี หนึ่งในตัวแทนเด็กศูนย์โครงการไฟ-ฟ้า ที่บอกเล่าว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ มีความฝันอยากนำผลงานไปจัดแสดงในงานนิทรรศกาล รวมถึงมีแรงบันดาลใจมาจากคุณครู จึงได้พัฒนาเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อไม่ให้จมปลักอยู่กับเทคนิคเดิมๆ” สิรีญากล่าว อีกทั้งยังเล่าถึงประสบการณ์ที่พบเจอกับอุปสรรคในชีวิต

“ความไม่พร้อมคืออุปสรรคที่ไม่สามารถพัฒนาในด้านเทคนิคใหม่ๆ ได้ เพราะต้องเรียนรู้อยู่ในที่เดิมๆ แต่พอรู้ว่าการที่มาเรียนศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า สามารถเติมเต็มโอกาสเหล่านั้นได้ ก็ไม่ลังเลที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านเทคนิคการวาด จากที่วาดเพียงแค่ดินสอพัฒนาขึ้นมาเป็นสี

ผลงานบางอย่างที่ทำขึ้นมาส่วนมากจะสะท้อนถึงความเป็นตัวเอง มีบ้างที่สะท้อนถึงสังคมอย่างผลงานที่ได้นำมาจัดแสดงที่นิทรรศกาล โครงการไฟ-ฟ้า มีสะท้อนถึงความบิดเบี้ยวในสังคมเพราะพวกเรายังไม่เห็นถึงความสมบูรณ์แบบ ยกตัวอย่างเด็กที่มีความพร้อมทางด้านจิตใจ แต่ไม่พร้อมทางด้านทุนที่เอื้อหนุนให้เขาทำตามความฝันตัวเองได้ นั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งของปัญหาที่ยังมีอยู่ในสังคม ทุนที่ไม่สามารถเข้าถึงและผลักดันความฝันให้เป็นจริงได้

แต่หลังจากเข้ามาเรียนรู้ที่ศูนย์ฯ ก็ได้รับประสบการณ์มากมายเจอเพื่อน เจอสังคมใหม่ๆ ที่มีความสุข สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้มีแรงบันดาลใจในการผลิตผลงานในทุกๆ ชิ้น” สิรีญากล่าว ก่อนเล่าด้วยว่า จากกระแสตอบรับถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเราภูมิใจในตัวเองมากๆ เหมือนประสบความสำเร็จไปอีกขั้น พร้อมทิ้งท้ายถึงใครที่ยังลังเลว่า

ศิลปะไม่มีผิด ไม่มีถูก ค้นหาตัวเองให้เจอแล้วผลักดันความชอบของตัวเองให้สำเร็จ

fai-fah Art Exhibition 2024

ไฟฟ้า โดย ทีทีบี ร่วมกับ MOCA BANGKOK เชิญชมนิทรรศการศิลปะสุดพิเศษ ผสมผสานมัลติมีเดียของเด็กไฟ-ฟ้า วันสุดท้าย 4 ก.พ.นี้

เปิดพื้นที่สำหรับเด็กไฟ-ฟ้าคลาสศิลปะของศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ในการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะสุดพิเศษ ภายใต้แนวคิด ‘เด็กธรรมดา…คือสิ่งสวยงาม’ นิทรรศการที่รวบรวมผลงานกว่า 50 ชิ้น นำมาจัดแสดงในรูปแบบผสมผสานเทคนิคพิเศษ ด้วยมัลติมีเดีย พร้อมด้วยการแสดงผลงานการ์ตูนแสนน่ารัก และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์สุดเก๋ จากการจับมือระหว่างนักออกแบบชื่อดังและเด็กไฟ-ฟ้า

ผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการผลงานศิลปะ fai-fah Art Exhibition 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA BANGKOK) พิเศษ! เปิดให้เข้าชมฟรี! เพียงแจ้งความประสงค์เข้าชมนิทรรศการของเด็กไฟ-ฟ้า (สำหรับห้องนิทรรศการอื่นๆ เสียค่าเข้าชมของพิพิธภัณฑ์ตามปกติ)

สุภัทตรา น้อยสอาด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image