คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน : เมื่อไรเราจะยอมลองของใหม่

มนุษย์เรามีทั้งคนที่ชอบใช้ชีวิตแบบเดิมๆ กับชอบค้นหาสิ่งใหม่ๆ ขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของแต่ละคน คงจะดีถ้าเราสามารถทำเรื่องดีๆ เหมือนเดิมได้เรื่อยๆ โดยไม่เบื่อในระหว่างที่สามารถเปลี่ยนใจจากสิ่งไม่ดีไปทำสิ่งใหม่ที่ดีขึ้นเพราะต้องการแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า คนที่คิดแบบนี้ได้ถือว่าน่าชื่นชมค่ะแต่ก็มีอีกหลายท่านที่เลือกจะใช้ชีวิตแบบเดิมไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตแย่ลง

คุณสุภาพสตรีท่านหนึ่งผิดหวังในความรักค่ะ เธอเพิ่งถูกอดีตแฟนหนุ่มบอกเลิกไม่นานนี้เพราะอดีตแฟนหนุ่มตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตกับแฟนคนเดิม เธอจึงโทรเรียกอดีตแฟนหนุ่มให้ช่วยขับรถมารับจากที่ทำงานกลับบ้านซึ่งอดีตแฟนก็ยินดีแต่ก็ยืนยันว่าช่วยแค่ในฐานะเพื่อนกัน ความที่เธอไม่อยากให้แฟนหนุ่มกลับไปบ้านแฟนเก่าจึงซื้อยาจากร้านขายยามาจำนวนหนึ่งและกินเข้าไปทั้งกำมือต่อหน้าแฟนขณะอยู่ด้วยกันในรถเพราะต้องการให้แฟนเป็นห่วงและอยู่ดูแลเธอแต่แฟนหนุ่มก็ไหวตัวทันจึงส่งเธอกลับบ้านและโทรบอกพ่อแม่ของเธอเสียแทนว่าเธอกินยาเกินขนาด พ่อแม่จึงพามาโรงพยาบาล

“คุณเคยกินยาเกินขนาดหรือทำร้ายตัวเองแบบนี้มาก่อนไหมคะ”

“เคยครั้งนึงเมื่อ 2-3 ปีก่อนค่ะ ตอนนั้นก็ทะเลาะกับแฟนคนก่อน เขาขอเลิกเหมือนกันก็เลยกินยาเหมือนครั้งนี้”

Advertisement

“ครั้งก่อนพอคุณกินยาเกินขนาดไปแล้ว ความสัมพันธ์กับแฟนเป็นอย่างไรบ้างคะ”

เธอบอกว่าก็เลิกกันเหมือนกับครั้งนี้ นอกจากนั้นเธอยังเคยทำร้ายตัวเองอีกหลายครั้งเมื่อมีปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างและก็ทราบทุกครั้งว่าทำไปก็ไม่ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ที่เธอยังทำเหมือนเดิมอาจจะด้วยเหตุผลที่เรียบง่ายมากคือ “รู้จักอยู่วิธีเดียว” ถ้าเธอรู้ว่ามีวิธีอื่นดีกว่านี้ก็คงไม่อยากทำให้ตัวเองเจ็บและทำให้พ่อแม่เสียใจโดยไม่ได้ช่วยให้แฟนกลับมาคืนดีหรอกค่ะ แต่ใช่ว่าคนเราจะยินดีลองของใหม่เสมอไปนะคะ เธอคงเคยทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จมาก่อนจึงยังคงเลือกทำต่อไปและไม่รู้ว่าวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ต้องทำอย่างไร

การ์ตูนสั้น “Mugi No Mahoutsukai” เล่าเรื่องนักทำเบียร์สมัยยุคกลางของยุโรปที่เมื่อเปลี่ยนแล้วแย่ลงแต่ก็ยังไม่รู้ตัวและทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ “เฟรย์” เด็กสาวผู้อยากเป็นนักทำเบียร์ชั้นเลิศออกเดินทางตามหาเบียร์รสเยี่ยมที่เธอเคยดื่มเมื่อตอนเด็ก เมื่อกลับมาที่บ้านหลังเดิมก็พบว่าคุณยายที่เคยทำเบียร์เสียชีวิตไปแล้ว นักทำเบียร์คนใหม่หมักตามสูตรเดิมทุกอย่างแต่รสชาติออกมากลับแย่กว่ามาก เฟรย์บอกว่าสิ่งหนึ่งที่เธอทำไม่เหมือนคุณยายคือการ “ล้างแก้ว” ค่ะ คุณยายล้างแก้วเบียร์ด้วยน้ำร้อนและขัดจนสะอาดในระหว่างที่เธอแค่เช็ดแก้วด้วยผ้า เธอบอกว่า “ใครๆ ก็ทำกัน” เมื่อเลิกล้างแก้วสักครั้งก็ติดใจในความสบายจนทำไปเรื่อยๆ และไม่เชื่อด้วยค่ะว่าการไม่ล้างแก้วทำให้รสชาติเบียร์แย่ลงเพราะ “ใครๆ ก็ทำกัน” แต่เมื่อลองเปลี่ยนกลับไปล้างแล้วพบว่าดีจริง เธอก็เลือกจะเปลี่ยนนะคะ จะเห็นว่าเรื่องดีๆ ใครก็อยากทำแต่ก็ยากที่ตัวเราจะยอมรับว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องค่ะ

Advertisement

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Human Behaviour เดือนที่ผ่านมากล่าวถึงสมการที่อธิบายว่าเมื่อใดที่คนเราจะยินดีลองสิ่งใหม่ๆ จริงอยู่ว่าการชอบลองของใหม่เป็นเรื่องความแตกต่างของบุคลิกภาพแต่มีพฤติกรรมบางอย่างที่ช่วยให้เราทำนายได้ว่าคนคนนี้มีโอกาสลองของใหม่มากกว่าอีกคนหนึ่ง สมการนี้อธิบายว่าคนที่ใช้ของสิ่งใดอยู่ก็มีแนวโน้มจะซื้อของเดิมใช้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าวงจรนี้จะถูกรีเซตใหม่เมื่อได้ลองใช้ของใหม่ เช่น ใช้ยาสีฟันยี่ห้อเดิมก็จะซื้อแบบเดิมไปเรื่อยๆ แต่อยู่มาวันหนึ่งถ้าได้ใช้ของใหม่ อาจจะบังเอิญได้รับแจกหรือได้ยืมเพื่อนใช้ก็มีแนวโน้มจะซื้อยี่ห้อใหม่ครั้งหน้า ไม่ได้ซื้อเพราะชอบยี่ห้อใหม่แต่ซื้อเพราะ “อยากเปลี่ยน” หมายถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปคือพฤติกรรมการเลือกซื้อที่ยินดีลองของใหม่แทนที่จะใช้แบบเดิมที่ใช้มาตลอด

ผู้วิจัยทำโดยศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากลูกค้ากว่า 280,000 คน และสร้างสมการขึ้นมา เขาพิสูจน์สมการโดยการส่งคูปองลดราคาให้คน 1 พันคนและทำนายว่าใครจะใช้คูปองนี้เพื่อซื้อของแบบใหม่ ผลพบว่าเป็นไปตามสมการค่ะ คนที่เพิ่งจะเปลี่ยนยี่ห้อสินค้ามาหมาดๆ จะใช้คูปองเพื่อซื้อสินค้ายี่ห้อใหม่มากกว่าคนที่ใช้ของเดิมต่อเนื่องมานานถึง 2 เท่า ผู้วิจัยสรุปให้นึกภาพออกว่า “คำพูดที่ว่าคนที่ขับ BMW จะกลายมาเป็นลูกค้า BMW น่าจะเป็นจริงมากกว่าคนที่ชอบ BMW จะเป็นกลายมาเป็นลูกค้า BMW” หมายถึงถ้าเคยขับ BMW อยู่แล้วก็มีแนวโน้มจะซื้อ BMW ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งที่จริงอาจจะเป็นแค่พฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่คิดจะลองของใหม่ก็ได้ ไม่ใช่ว่าชอบอะไรหรอก ในทางกลับกันถ้าใช้รถยี่ห้อ A อยู่ ต่อให้ชอบ BMW แค่ไหนแต่ถ้าไม่มีโอกาสได้ลองขับรถยี่ห้อใหม่ๆ ก็ยากที่จะเปลี่ยนใจไปซื้อ BMW ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ยุคใหม่หลายยี่ห้อที่ต้องการเพิ่มลูกค้าใหม่จึงไม่ได้โฆษณาความยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์ตัวเองเพราะถึงลูกค้าชอบก็ใช่ว่าลูกค้าจะซื้อ ในทางกลับกันเลือกที่จะโฆษณาให้ลูกค้าลองเปลี่ยนไปใช้อะไรใหม่ๆ บ้างโดยไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของฉันก็ได้ ฟังดูเป็นโฆษณาที่ใจกว้างแต่แท้จริงมุ่งที่จะรีเซตวงจรการใช้ของเดิมๆ ของลูกค้านั่นเองค่ะ

ถ้าการคบแฟนเหมือนการซื้อสินค้า หมายถึงมีการลงทุนและยังคาดเดาผลลัพธ์ได้ไม่แน่นอน คนส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มจะคบแฟนลักษณะแบบเดิม ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิม แล้วก็เลิกกันด้วยปัญหาแบบเดิม ดังนั้น วิธีที่จะรีเซตวงจรนี้คือให้ลองหาแฟนแบบใหม่บ้างค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าจะดีเท่าแบบเดิมหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ คือการลองของใหม่สักครั้งเป็นการเปิดโอกาสให้คบหาคนแบบใหม่ไปเรื่อยๆ และหวังว่าจะได้เจอคนดีๆ เข้าสักวัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image