เลือก ส.ว.67 ส่อวุ่น แต่(ยัง)แก้ได้ คำในใจ‘จากประชาชนถึง กกต.’

เลือก ส.ว.67 ส่อวุ่น แต่(ยัง)แก้ได้
คำในใจ‘จากประชาชนถึง กกต.’

แถลงข่าวสุดปัง คนฟังแน่น ‘ศาลจำลอง’ คณะนิติศาสตร์ รั้วแม่โดม ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับ ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ilaw) และ We Watch ที่ผนึกกำลังเอื้อนเอ่ยถ้อยแถลงถึงปมปัญหาการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งส่อวุ่นแน่ เพราะแม้แต่ขั้นตอนรับสมัครก็อุปสรรคนานัปการ

เตรียมจับตาวันที่ 9 มิถุนายน วันเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ ส่วนการเลือกระดับจังหวัดของกรุงเทพฯ จะมีขึ้นในวันที่ 16 มิถุนายน ปักหมุดโรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ขณะที่การเลือกระดับประเทศ กาปฏิทินไปที่วันที่ 26 มิถุนายน ศูนย์การประชุมอิมแพค ฟอรั่ม อาคาร 4 เมืองทองธานี ปากเกร็ด นนทบุรี

หลังการร่วมแถลงข่าว ยังมีเสวนา ‘ปัญหาการเลือก ส.ว.2567 จะแก้ไขอย่างไร? ข้อเรียกร้องจากประชาชนถึง กกต.’ โดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ (iLaw), กฤต แสงสุรินทร์ ตัวแทน We Watch, รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ดำเนินรายการโดย ปริมวิษา ทองฉอ้อน

ADVERTISMENT

และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของถ้อยความที่เน้นย้ำฝากฝังถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ ‘กกต.’ ในประเด็นหลากหลายจากใจภาคประชาชน

⦁ระบบยุ่ง แต่ยังแก้ได้
‘ตีความโดยอนุโลม’ เอาสิทธิประชาชนเป็นหลัก

ADVERTISMENT

“ปัญหาอยู่ที่ตัวระบบซึ่งถูกออกแบบไว้ให้ยุ่งยาก ยิ่งขั้นตอนมาก ปัญหาก็ยิ่งมาก เพียงเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเลือกเท่านั้นเอง เลยหาวิธีการให้ยุ่งเข้าไว้

เอาแค่จำนวนกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ซึ่งจะเลือกในกลุ่มตัวเอง กับเลือกไขว้ ที่ 1-ที่ 3 แต่ละกลุ่มจะเข้าสู่รอบจังหวัด แต่ละอำเภอก็จะมี 60 คน 20 กลุ่ม พอรวมเขตในกรุงเทพฯ 50 เขต เท่ากับ 928 เขต จำนวน 55,680 คน แต่มีผู้สมัคร 46,000 คน ถามว่าใครผิดพลาด จึงมีผู้สมัครไม่ถึงจำนวน ซึ่งระบบมันมีปัญหาอยู่แล้ว อำเภอที่มีผู้สมัครเพียงแค่ 1 คน เป็นไปได้อย่างไร

ตั้งแต่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ในระบบมีความยึดโยงกับประชาชนน้อยเกินไปหรือเปล่า เป็นไปได้น้อยมากที่ผู้สมัครแต่ละอำเภอ มีเพียงแค่ 1-2 คน ซึ่งผมนับได้ 18 อำเภอ ที่มีปัญหา แล้วปัญหาตรงนี้จะแก้อย่างไร?

ผมคิดว่า หากพลาดไปแล้วต้องแก้ไข ตามที่ได้ให้ข้อมูลไป แต่ละกลุ่มอาชีพ มีได้ 3 คน ทุกอำเภอ หากการสมัครไม่ถึงขึ้นมา ทุกคนก็เข้ารอบเลย

การแก้ปัญหาทางกฎหมายในรอบอำเภอ ทุกคนมีคะแนนอยู่แล้ว ในกลุ่มอาชีพของตนเอง มี 2 คะแนนเข้ารอบ ปัญหาคือตอนการเลือกไขว้ และการแบ่งรอบ เขาแบ่งเป็น 4 สาย สาย 1 ไม่เกิน 5 ไม่ต่ำกว่า 3 สาย แต่เมื่ออำเภอ 1 เป็นแค่ 2 กลุ่มอาชีพ ทำอย่างไร

มาตรา 40 (10) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การตีความก็ตกไปเลย เพราะเลือกไม่ได้

ในข้อต่อมา การเลือก ก็ไม่สามารถเลือกตัวเองได้ ตอนแบ่งสายเลือกตนเองไม่ได้ ก็ไม่มีคะแนน ก็จะตกรอบ 18 อำเภอ ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข

โดยพื้นฐานแล้วเรื่องนี้เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่การรับสมัครเจ้าหน้าที่ กกต. นี่คือกระบวนการที่จะได้มาซึ่งผู้แทนปวงชนชาวไทย เมื่อประชาชนต้องจ่ายค่าสมัคร 2,500 บาท รวมกับความยุ่งยากที่ กกต.ต้องการเอกสาร และอยู่ดีๆ ไปตัดสิทธิเขา ซึ่งผิดแน่ๆ

อาจารย์ มีชัย ฤชุพันธุ์ พลาดในกรณีที่ไม่ได้เขียนไว้ว่า 2 อาชีพในกลุ่มอำเภอ ถ้าไม่ถึงจะทำเช่นไร หากอำเภอมีผู้สมัครคนเดียวจะทำอย่างไร ท่านคงไม่คาดคิดว่ามีผู้สมัครน้อยเกินไปต่ออำเภอ กล่าวคือพลาดที่กฎหมาย และ กกต.เองประชาสัมพันธ์อย่างไร สร้างการตื่นตัวต่อประชาชนอย่างไร

การแก้ ต้องตีความโดยอนุโลม เอาสิทธิประชาชนเป็นหลัก หากกลุ่มอาชีพในแต่ละอำเภอ ไม่ถึง 3 คน ในกลุ่มแต่ละอาชีพ แต่ละอำเภอ ก็ต้องเข้ารอบด้วย

แต่มีปัญหาข้อเดียว หากพูดแบบนี้ทาง กกต.ก็ต้องแย้งแน่ เพราะกฎหมายใน พ.ร.ป. เขียนไว้ว่า ต้องมีคะแนน โดยใช้คำว่า เฉพาะผู้ซึ่งได้คะแนนเป็นผู้รับเลือก มีคำว่าคะแนน เลือกตัวเองก็ไม่ได้ นี่คือปัญหา

ประเด็นนี้ ผมคิดว่าทำได้ 2 แบบ คือ 1.ตีความโดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของ สิทธิ ผู้สมัครไม่ถึง ก็ต้องเข้ารอบไปสู่ระดับจังหวัด

หรือ 2.หาก กกต.มีความกังวลใจในเรื่องนี้ ตีความตามตัวหนังสือว่า มีคำว่าคะแนนอยู่ หากไม่มีคะแนนจะเข้ารอบ จังหวัดได้อย่างไร ให้ประกาศออกมาโดยด่วน ก่อนถึงวันที่ 9 มิถุนายน ผู้ถูกตัดสิทธิจะไปร้องต่อศาลปกครองได้

สิ่งที่สำคัญมาก กกต. ตอนที่เขาสู้ในศาลปกครอง ประเด็นแรกที่สู้คือ ศาลปกครองไม่มีอำนาจรับฟ้อง

ความหมายก็คือ เมื่อการเลือก ส.ว.ระดับอำเภอในวันที่ 9 มิถุนายน เสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะไม่ถูกต้องอย่างไร ถ้า กกต.ประกาศออกมาว่าเข้ารอบจังหวัดมีกี่คน ใครบ้าง ศาลปกครองเข้าไปยุ่งไม่ได้แล้ว เพราะเป็นอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด เขาก็จะทำทีละรอบ เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก พอถึงรอบวันที่ 16 มิถุนายน ระดับจังหวัดก็ต้องประกาศออกมาว่า มีใครเข้ารอบบ้าง ถือว่าเป็นอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด ซึ่งศาลปกครองเข้าไปยุ่งไม่ได้

ดังนั้นจึงแปลว่า หาก กกต.จะตัดสิทธิใคร โดยเหตุอำเภอมีผู้สมัครเพียง 1 คน หรือกลุ่มอาชีพ 2 สาย แบ่งสายไม่ได้ ให้ประกาศเดี๋ยวนี้เลย ประชาชนจะได้ไปร้องศาลปกครอง”

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

⦁ซ้อมเลือก ส.ว.แทบตาย สุดท้าย ‘เปลี่ยนบัตร’
รับ ของใหม่ดีกว่า แต่สงสัย ทำไมเพิ่งมาทำ?

“หลายเดือนที่ผ่านมาเราเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อจำลองการเลือกตั้ง ส.ว.และให้ทุกคนฝึกเขียนบัตร ทำคลิปจนมีคนเข้ามาดู 2-3 แสน เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าการเลือกไขว้มันใช้อย่างไร วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา กกต.แจ้งเปลี่ยนบัตรเฉยเลย ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าบัตรแบบใหม่ดีกว่า ผิดพลาดได้น้อยกว่า ล็อกผลได้ยากกว่า แต่ทำไมถึงมาเปลี่ยนตอนนี้ มาเปลี่ยนไม่กี่วันก่อนวันจริง

ผมไม่คิดว่าทาง กกต.จะมีเจตนาทุจริตอะไรจากการเปลี่ยนบัตร แต่การมาเปลี่ยนก่อนวันเลือกประมาณ 10 วันทำให้เสียหายมาก และยังไม่รู้ว่ามีความพยายามใดจาก กกต. ที่จะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนเรื่องนี้นอกจากส่งหมายให้นักข่าว 1 ครั้ง ทุกคนก็ตื่นตระหนกกันไปใหญ่ว่าบัตรใหม่มาจากไหนอยู่หลายชั่วโมง

นอกจากนี้ มีเรื่องที่หลายท่านยังไม่ทราบถ้าอำเภอหนึ่งมีคนสมัคร 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มี 3 คน กลุ่มที่ 2 มี 1 คน กลุ่มที่ 3 มี 1 คน ผมเรียกโมเดลนี้ว่า 3-1-1 ทุกคนไม่ต้องเลือกกันเองเข้ารอบไปเลือกไขว้ จะมี 1 คนที่ไม่ได้เข้าสู่รอบจังหวัดเพราะไม่มีผู้สมัครเพียงพอที่จะให้คะแนน ซึ่งเขาไม่ได้ผิดอะไร

ผลแบบนี้เกิดมาจาก 1.คนออกแบบระบบไม่เข้าใจว่าคนสมัครน้อยจึงไม่ได้ออกแบบทางแก้ไว้

2.กกต.ทำงานแบบที่เราเห็นทำให้คนสมัครน้อย ซึ่งการตกรอบแบบนี้มันไม่เป็นธรรม ระบบมันเป็นแบบนี้ และเรายังไม่เห็นว่า กกต.จะหาทางออกอะไร และถ้าไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้คนที่ตกรอบเพราะโมเดลนี้ไม่ได้เป็นเพราะเขาทำผิดอะไรเลย และไม่ได้เป็นเพราะเขาไม่ควรจะเข้ารอบ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ปวดหัวอยู่”

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์
ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ (iLaw)

⦁จับตาปรากฏการณ์ ‘เลือก เลิก ล้ม’
เซ็ง กกต.เฉื่อยชา พีอาร์ไม่ผ่าน

“สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ กระบวนการเคลื่อนไหวการเลือกของ ส.ว. เลือก เลิก ล้ม ผมคิดว่ามีร่องรอยปรากฏการณ์แบบนี้อยู่ เท่าที่สังเกตและติดตาม เพราะฉะนั้นจะต้องจับตาและส่งสียง

อย่างไรก็ตาม พันธกิจที่สำคัญคือให้มีการเกิดเลือกตั้ง ส.ว.ให้บรรลุสัมฤทธิผล มีการประกาศให้ได้ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม ตามที่ กกต.สัญญา เพื่อให้กระบวนประชาธิปไตยขับเคลื่อนไปได้ แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอยู่ก็ตาม ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องเป็นไปตามกระบวนการและร้องเรียนไป มีปัญหาก็แก้กันไป

ผมคิดว่า กกต.ทำงานแย่มากในการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งนี้ อย่างแรกสะท้อนให้เห็นปัญหาคือการประชาสัมพันธ์ การที่จะบอกกล่าวให้คนมาสมัคร ภาคประชาชนยังทำได้ดีกว่า

ถ้ามีความกระตือรือร้นในการส่งเสริมประชาธิปไตยต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ ก็ต้องเปิดแคมเปญอย่างกว้างขวางให้คนเข้ามามีส่วนร่วมสมัคร ส.ว. ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า หนึ่งอำเภอ หนึ่งคน ก็คงไม่เกิด หนึ่งอำเภอ หนึ่งคน เกิดเนื่องจาก กกต.ทำงานเฉื่อยชา ไร้ประสิทธิภาพ ไม่รับผิดชอบต่อประชาธิปไตย จังหวัดไหน ฝากคุณแสวง (แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.) ถ้ามีจังหวัดไหนสมัครไม่ครบ ต้องลงโทษ แปลว่าทำงานบกพร่อง

หากไม่ไขนอตก็ทำงานแบบนี้ตลอด ตอนนี้ กกต.ติดเชื้อระบบราชการ ห่างเหินจากประชาชน ตีความกฎหมายเซฟตัวเอง

หลังจากเลือก ส.ว.เสร็จแล้ว จะมีเรื่องตามมาอีกมากมาย ไม่ว่า กกต.จะวินิจฉัยแบบไหน ตัดสิทธิพี่น้องประชาชนที่สมัคร ต้องถูกฟ้องแน่ๆ คงมีคนเตรียมการไว้หลายคน หรือว่าให้สิทธิ อีกฝ่ายก็ฟ้องเช่นกัน หลังมีการเลือก ส.ว. ผลของการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ จะเป็นบทเรียนที่ต้องจำต่อไป

ในวันเลือก ส.ว. 9 มิถุนายนนี้ อาจจะมีปัญหาในบางพื้นที่ ซึ่งก็เป็นคำถามว่า กกต.จะทำอย่างไร

ผมเสนอให้นักข่าวเลือกพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่คาดว่ามีปัญหา เกณฑ์ในการดู เช่น ให้ดูแนวโน้มของการจัดตั้งในเขตอำเภอนั้นมากน้อยขนาดไหน ซึ่งเราตรวจสอบได้อย่างชัดเจน อย่างบุรีรัมย์กับศรีสะเกษ อันนี้ในเรื่องของเกณฑ์ผู้สมัคร แต่ยังมีพื้นที่อื่นอย่างในกรุงเทพฯ แถวราชเทวี ก็น่าเลือก ผู้สมัครมาจากบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง ที่พวกเราน่าจะทราบ ให้ไปหากันเอง ซึ่งน่าสนใจในการตรวจสอบในพื้นที่อำเภอคนไม่มีสมัคร ก็น่าสนใจในอีกแง่หนึ่ง ให้ดูว่า กกต.ตัดสินใจอย่างไร

ในส่วนเรื่องอื่นนั้น กระบวนการก็คงต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ กระบวนการที่พยายามสร้างปัญหาเลือก ส.ว.ไม่ให้บรรลุผล โดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์กลุ่มหน้าเก่า ดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์กลุ่มหน้าเก่า ผมไม่เชื่อว่าเขาปรารถนาดีกับระบอบประชาธิปไตย เราต้องจับตาดูให้ดี”

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

⦁‘วีวอตช์’ สายเข้า! แห่โทรหา ‘สมัคร ส.ว.ไม่ได้’
สับสนกฎหมายเก่า-ใหม่ เจ้าหน้าที่ตีความเกินขอบเขต

จากการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ช่วงรับสมัคร ส.ว.เป็นต้นมา ปัญหาที่พบมากในช่วงของการรับสมัคร คือ

1.การตัดสิทธิ มีเหตุผลอยู่ 2 ประการ คือ อาจจะเป็นเรื่องอายุ 40 ปีขึ้นไป และเรื่องค่าใช้จ่าย 2,500 บาทในการสมัคร ซึ่งไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวที่ประชาชนจ่ายเงินเพื่อมีสิทธิในการลงคะแนน ยังไม่นับรวมคนที่ยังไม่รู้ว่าไม่มีสิทธิลงสมัคร หลังจากมีการปรับการใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะอายุ 40 ขึ้นไปที่มีภาพจำว่า ถ้าไม่ไปใช้สิทธิ สิทธินั้นจะกลับมาเมื่อไปใช้สิทธิในครั้งต่อไป แต่หลังจากการใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 เป็นต้นมา ทั้งกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นและ ส.ส. ระบุว่าถ้าไม่ไปใช้สิทธิครั้งไหน จะถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง 2 ปี

ดังนั้น จึงเป็นความสับสนระหว่างกฎหมายเก่าว่าจะมีสิทธิกลับคืนมาหรือไม่ นับเป็นปัญหาระดับภาคใหญ่ ที่ทำให้คนจำนวนมากที่โทรมาหา We watch แจ้งว่าสมัครไม่ได้ และยังไม่นับรวมว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าตนเองมีชื่อในพรรคการเมือง หรือไม่ได้จ่ายเงินพรรคการเมือง แต่ กกต.ไม่ยอมเอาชื่อออก จึงเสียสิทธิไป ทำให้มีคนสมัครแค่ 48,000 คน แล้ววันที่มีการประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร แต่ กกต.ตัดสินไปอีก 2,000 คน ซึ่งหลายคนโทรมาว่ายื่นเอกสารครบแล้ว หรือจริงๆ มีสิทธิ จริงๆ ไม่มีชื่อในพรรคการเมือง เอาเอกสารลาออกไปยื่นแนบกับใบสมัครแล้ว

กกต.มีอำนาจมากในการตัดสิทธิตั้งแต่ขั้นตอนการประกาศรายชื่อผู้สมัคร และมีอำนาจตัดสิทธิเมื่อประกาศรายชื่อมาแล้ว หากเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติ หรือตัดสิทธิหากมีหลักฐาน และเชื่อว่าหลักฐานนั้นมีการทุจริต พอ กกต.ตัดรายชื่อออก กฎหมายบอกให้ประชาชนไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 3 วัน เป็นการผลักภาระให้ประชาชน

สำหรับข้อที่ 2 คือความผิดพลาดที่เกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ ทั้งเรื่องเอกสารที่ กกต.เรียกเอกสารเกินจำเป็น ทั้งสูติบัตร ใบรับรองการทำงาน และวุฒิการศึกษา ที่กฎหมายไม่ได้บังคับใช้ หากไม่ได้สมัครในอำเภอที่เกิด ยังไม่รวมถึงรูปถ่าย โดยกฎหมายระบุว่า เป็นภาพถ่ายแค่รูปหน้าตรง ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตา แต่หลายอำเภอให้กลับไปทำใหม่ เนื่องจากแต่งตัว ทำหน้าตา และใส่เสื้อไม่สุภาพ เป็นการตีความเกินกฎหมายไปมาก

รวมถึงมีการเรียกเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองความรู้และรับรองความเชี่ยวชาญ ส.ว.4 จริงๆ กฎหมายระบุว่าใครก็ได้ แค่ต้องแนบสำเนาบัตรประชาชนมาด้วย แต่ กกต.หลายพื้นที่บอกว่าให้คนที่มีคุณภาพเพียงพอในการรับรอง ทำให้เกิดเป็นภาระในการสมัครและการถกเถียงกับ กกต. ทำให้เกิดข้อกังวล

ข้อที่ 3 คือ เรื่องการดูแลการใช้สิทธิในการเลือกตั้งของผู้พิการและผู้สูงอายุที่มีจำนวนมาก พบว่าการจัดสถานที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางของผู้พิการหรือผู้สูงอายุต้องใช้ไม้เท้าหรือรถเข็น การจัดบนชั้นสูงซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรืออาสาสมัครยกรถเข็น เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายและไม่ได้รับอำนวยความสะดวก อาจทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ตัดสินใจไม่ไปใช้สิทธิ และตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งผมคาดหวังว่าในวันจริงจะแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระยะยาว

สำหรับข้อ 4 คือ ความโปร่งใสของการมีส่วนร่วม หลังจากมีเสียงเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง เป็นที่น่ายินดีที่ กกต.ระบุว่าจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปสังเกตการณ์ได้ โดยมีหนังสือทางการถึงผู้อำนวยการ กกต.ทุกจังหวัดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ออกมา โดยจะเปิดให้มีการสังเกตการณ์ 2 แบบ คือ 1.องค์กรภาคประชาชนที่ทำ MOU กับ กกต. ให้ส่งรายชื่อไปในการมีส่วนร่วมโดยกำชับ กกต.ทุกจังหวัดว่า เพื่อให้ผู้สังเกตการณ์ของภาคประชาชนที่มีโควต้าเข้ามา ตรวจสอบอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงมีการจัดบริเวณที่สามารถตรวจสอบการเลือก ส.ว.ได้อย่างใกล้ชิด (ไม่ได้อยู่แถบกั้น อยู่รอบนอกที่มองเห็น จะจัดพื้นที่ไว้ในระดับอำเภอและจังหวัด) และ 2.ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าสังเกตการณ์ได้ แต่มีการบอกให้ กกต.ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์หรือเชิญชวนให้ประชาชนที่สนใจการสังเกตการณ์ ยื่นคำขอสังเกตการณ์ต่อ กกต.จังหวัดล่วงหน้า เพื่อที่จะไปออกแบบสถานที่ให้

สำหรับสื่อมวลชนยังไม่มีในหนังสือเสนอ มีแค่การชี้แจงปากเปล่าที่ให้สื่อเข้าเฝ้าสังเกตการณ์ได้เหมือนประชาชน โดยสามารถเอามือถือหรือกล้องเข้าไปถ่ายรูปได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า กกต.จะมีหนังสือออกมาให้ กกต.ทุกจังหวัด แต่พบว่ามีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เช่น บางอำเภอยังไม่ชัดเจนว่าผู้สังเกตการณ์อยู่ตรงไหนและมองเห็นอะไรได้บ้าง หรือบางอำเภอบอกว่าผู้สังเกตการณ์สามารถเอามือถือเข้าไปถ่ายรูปได้เลย แต่บางอำเภอบอกไม่ได้ ซึ่งความขัดแย้งตรงนี้เป็นสิ่งที่ควรต้องเร่งจัดการก่อนที่จะถึงวันที่ 9 มิถุนายนนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย และเพื่อให้ปัญหาที่คาดว่าจะเกิด จะราบรื่นและผ่านไปได้”

กฤต แสงสุรินทร์
ตัวแทนจาก We Watch

ทีมข่าวเฉพาะกิจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image