แท็งก์ความคิด : คุยกับครูอุ้ม

คุยกับครูอุ้ม

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ นั่งเป็นเสมา 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาเกือบปี

ครูอุ้ม ชูนโยบายการศึกษาด้วยแนวคิดที่อยากเน้นย้ำให้เกิดการศึกษาแบบทั่วถึง

สนับสนุนให้เกิดการศึกษาแบบ Anywhere Anytime

Advertisement

แนวคิดนี้เกิดขึ้นด้วยความต้องการผลักดันให้คนที่ไม่มีโอกาสสามารถมีโอกาสเข้าถึงความรู้ได้ง่าย

ตั้งใจให้การเรียนการสอนเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาหรือ Anywhere Anytime

Advertisement

ไอเดียของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน มีมากมายหลายอย่าง แต่ละอย่างต้องการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้เด็กๆ

หวังจะลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

ผลักดันให้หลายโรงเรียนมีความเปลี่ยนแปลง โดยนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วย

ต่อไปครูที่สอนเก่งๆ จะได้รับการติดต่อให้มาถ่ายคลิปเพื่อเผยแพร่

ครูที่มีความสามารถในการสอนวิชาไหนก็ถ่ายคลิปเวลาที่สอน แล้วนำไปเผยแพร่ในช่องทางต่างๆ

ใครอยากเรียนก็เข้ามาเรียน

นักเรียนไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบ แม้จะอยู่นอกระบบการศึกษาก็สามารถเข้าถึงครูได้ทางออนไลน์

ไม่ว่าผู้เรียนจะมีอายุมาก หรือมีอายุน้อย ไม่ว่าจะอยู่โรงเรียนนี้หรือโรงเรียนอื่น และไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดเดียวกันหรือไม่

หากอยากเรียนก็สามารถเข้ามาเรียนได้ทางออนไลน์

ครูที่เก่งและสอนดี ไม่จำเป็นต้องอยู่ในราชการ แม้แต่ครูที่เกษียณอายุไปแล้ว ถ้าสอนวิชานั้นดีเยี่ยม คนฟังแล้วเข้าใจง่าย มีทักษะการถ่ายทอดวิชาให้ผู้อื่นเป็นเยี่ยม ก็มีโอกาสได้สอนหนังสือผ่านทางออนไลน์

สำหรับเมืองไทยที่ผู้คนอยากให้ลูกหลานเข้าเรียนโรงเรียนดังในเมือง โรงเรียนมีชื่อเสียงในกรุง หากใช้แนวคิดแบบ Anywhere Anytime จะช่วยให้โรงเรียน ครู และนักเรียนได้ประโยชน์

หากแนวคิด Anywhere Anytime ได้ผล และขยายไปถึงระดับโรงเรียน ต่อไปนอกจากโรงเรียนพี่โรงเรียนน้องที่มีอยู่แล้ว โรงเรียนดังทุกแห่งอาจจะมีศิษย์ทางออนไลน์

ใครสนใจเป็นศิษย์โรงเรียนดัง สามารถเรียนเพื่อรับความรู้จากโรงเรียนนั้นทางออนไลน์

แต่จะได้อ้างศักดิ์และสิทธิของโรงเรียนต้องผ่านกระบวนการสอบตามมาตรฐานของโรงเรียน

สอบผ่านได้ก็มีมาตรฐาน และมีศักดิ์และสิทธิเพียงพอที่จะเป็นศิษย์ของโรงเรียนนั้น

ถ้าสอบผ่านไม่ได้ก็กลับไปเรียนใหม่ แล้วมาสอบใหม่ สอบผ่านเมื่อไหร่ก็ได้เป็นศิษย์ของโรงเรียนนั้น

ต่อไป นักเรียน 1 คนอาจจะจบ 2 โรงเรียนในปีเดียวกัน

คือโรงเรียนที่ตัวเองเรียน และโรงเรียนที่สมัครเรียนทางออนไลน์

แต่ที่สำคัญครูอุ้มบอกว่า ถ้าทำเช่นนี้ได้ คนไทยจะมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น

ฟังแล้วถ้าเป็นจริง น่าจะช่วยให้ผู้เรียนเลือกผู้สอนที่มีวิธีการสื่อสารให้เข้าใจในวิชานั้นๆ ได้ดีขึ้น

ดีกว่าที่จะให้ชีวิตนักเรียนขึ้นอยู่กับครูประจำวิชาของโรงเรียนนั้นๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น

ด้านอาชีวศึกษา ครูอุ้มสนับสนุนให้เกิดการประสานงานระหว่างสถาบันการศึกษากับผู้ประกอบการ

สนับสนุนให้สถานประกอบการรับนักศึกษาไปเรียนไปฝึกกันที่บริษัท

เหตุที่คิดเช่นนี้เพราะเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว หากพึ่งแต่เครื่องมือจากวิทยาลัยอาชีวะอย่างเดียว กว่านักศึกษาจะเรียนจบ เทคโนโลยีนั้นก็เอาต์ไปแล้ว

เมื่อเกรงว่าวิชาความรู้ของนักศึกษาอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง การให้นักศึกษาเข้าไปเรียนไปฝึกกับผู้ประกอบการในสถานที่จริงเลย ย่อมช่วยแก้ปัญหานี้ได้

แต่ทั้งนี้ หลากหลายวิธีการที่ครูอุ้มบอก เหมาะสมสำหรับเด็กโตเท่านั้น

เด็กเล็กยังจำเป็นต้องมีครูอยู่ใกล้ชิด เพราะชีวิตทุกชีวิตต้องประคบประหงมด้วยการเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่

เด็กน้อยที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนเด็กเล็ก นอกจากจะเรียนวิชาการแล้ว ยังต้องเรียนรู้ทักษะชีวิต

เด็กๆ ต้องเติบโตในวัฒนธรรมของท้องถิ่น วัฒนธรรมของไทย เติบโตท่ามกลางปู่ย่าตายายและพ่อแม่พี่น้อง

ต้องอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างปกติสุข ต้องมีประสบการณ์การพึ่งพาอาศัยกันและกัน

ดังนั้น เด็กเล็กยังจำเป็นต้องอยู่กับครู

ทั้งครูที่โรงเรียน และครูที่บ้าน

ครูอุ้มยืนยันว่า ครูที่ดีที่สุดคือพ่อแม่

เรื่องนี้แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปแค่ไหน แม้รัฐบาลสนับสนุนการเรียนหนังสือทางออฟไลน์และออนไลน์กันอย่างไร

แต่ในที่สุด พ่อแม่ยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดของลูก

ในวัยเริ่มต้นศึกษา แม้เด็กจะเข้าสู่ระบบ แต่เวลาที่ใช้ในโรงเรียนก็มีเพียงวันละ 8-9 ชั่วโมงเท่านั้น

เวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัว

ดังนั้น พ่อแม่จึงมีความสำคัญในการสอนลูก

ตอกย้ำว่าพ่อแม่ยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่จะถ่ายทอดทักษะชีวิตให้ลูกของตัวเอง

นฤตย์ เสกธีระ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image