ยามเศร้าให้ขยับตัว : คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน

ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าซึ่งมีอาการเบื่อหน่าย เศร้าหมอง ท้อแท้ หลายคนไม่ค่อยอยากรับประทานอาหารค่ะ ท่านเหล่านี้มักจะน้ำหนักลดลงจนเสื้อผ้าหลวมแต่ก็มีบางท่านพอเศร้าก็ะพยายามหาอะไรกินเพราะรู้สึกว่าตอนกินจะมีความสุข ท่านเหล่านี้มักจะน้ำหนักเพิ่มขึ้น เมื่อโรคซึมเศร้าหายและเริ่มหันมามองตัวเองก็จะพบว่าเสื้อผ้าชุดเดิมใส่ไม่ได้เสียแล้ว คุณผู้หญิงหลายท่านยิ่งรู้สึกเสียความมั่นใจจนกระทั่งอารมณ์กลับไปเศร้าอีกได้ค่ะ คุณสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งเป็นถึงผู้จัดการมีอาการของโรคซึมเศร้าต่อเนื่องมาระยะหนึ่ง เธอไม่มีปัญหากับงานชัดเจนแต่มีปัญหาขาดงานบ่อยๆ เนื่องจากรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่อยากทำงาน จากที่ลาป่วยบ่อยๆ ก็เริ่มเป็นขาดงานโดยไม่บอกใคร บางครั้งอยู่ในห้อง 2-3 วันไม่ได้ออกไปไหน กินแล้วก็นอนจนเมื่อรักษาอาการซึมเศร้าดีขึ้น น้ำหนักเธอก็ขึ้นมาเกือบสิบกิโลกรัมและกำลังจะถูกให้ออกจากงานเนื่องจากขาดงานบ่อยเกินไป เดาได้เลยค่ะว่าอาการเธอกลับไปแย่ลงอีกครั้งหลังได้ทราบข่าวร้ายทั้งเรื่องน้ำหนักตัวและเรื่องงาน

การออกกำลังกายช่วยลดความรู้สึกเศร้าหมองได้ดีพอๆ กับช่วยควบคุมน้ำหนักเลยทีเดียวค่ะ มีตอนหนึ่งที่ชอบมากในแอนิเมชั่น “March Comes In Like A Lion” ซึ่งฉายเป็นซีซั่นที่ 2 แล้วในญี่ปุ่น “คิริยามะ เรย์” เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่เป็นนักหมากรุกมืออาชีพตัดสินใจแยกออกมาจากครอบครัวเพื่อนของพ่อที่อุปการะเขาตั้งแต่เมื่อพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เรย์มีปัญหากับลูกแท้ๆ ในครอบครัวนั้นเนื่องจากเป็นครอบครัวของนักหมากรุกอาชีพแต่ลูกแท้ๆ กลับเล่นเก่งสู้เรย์ไม่ได้ เมื่อเรย์ตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียวในห้องเช่าที่ว่างเปล่า ยามที่เขานึกถึงครอบครัวที่เสียชีวิตไป นึกถึงรอยยิ้มของพ่อบุญธรรมที่เขาจำใจต้องจากมา นึกถึงคำกล่าวหาของลูกแท้ๆ บ้านนั้นว่าเรย์เข้ามาเพื่อทำให้ครอบครัวของเธอไม่มีความสุข ความรู้สึกเหงา กลัว และโดดเดี่ยวจะเข้ามาสิงทันที เรย์คิดขึ้นมาว่า “เขารู้จักความรู้สึกนี้ เขารู้ชื่อมันแต่อย่าเรียกมัน อย่าคิดถึงมัน” แล้วเขาก็ออกจากห้องเพื่อเดินค่ะ เดินไปเรื่อยๆ และคิดถึงตาหมากแต่ละตาเพื่อให้ความรู้สึกเศร้าหลุดไปจากหัว วิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆ ค่ะเพราะคุณสุภาพสตรีที่ซึมเศร้าก็บอกเหมือนกัน

“ตกเย็นเพื่อนที่ทำงานก็ชวนไปออกกำลังกายค่ะ เดินในสวนสาธารณะประมาณ 2 กม. แล้วก็ไปกินข้าวด้วยกัน รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ช่วงหลังไม่ค่อยอยากเดินค่ะ”

“เพราะอะไรถึงไม่ค่อยอยากเดินคะ”

Advertisement

“ตั้งแต่รู้ว่าอาจจะต้องออกจากงานก็เครียดมาก ถึงกินยาแต่ก็คิดเรื่องนี้วนเวียนทั้งวันจนไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากคุยกับใคร เพื่อชวนไปออกกำลังกายก็เลยไม่ไปก็ยิ่งไม่ได้เจอคน อยู่แต่ในห้อง แล้วก็กลับมาขาดงานบ่อยๆ อีกเพราะคิดว่าไม่อยากให้ใครถามว่าขาดงานไปไหน”

ความเครียดของเธอเป็นวัฏจักรค่ะ ที่จริงสลายวัฏจักรความเครียดได้แล้วตั้งแต่เธอกินยาและออกกำลังกายแต่เมื่อมีความเครียดระลอกใหม่เข้ามาโดยที่เธอยังจัดการไม่ได้แล้วกลับไปใช้วิธีเดิมคือขาดงานและอยู่แต่ในห้องทั้งวัน อาการก็กำเริบอีก อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผู้ป่วยหลายท่านค่ะ ส่วนใหญ่ให้การว่า “ไม่มีเวลา” หรือ “เหนื่อยเกินไป” แต่ที่จริงแล้วการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องมีเวลามากนักหรือหักโหมจนเหนื่อยค่ะ

บทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Psychology กล่าวถึงกิจกรรมที่ขยับร่างกายช่วยให้ผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้ารู้สึกมีแรงกระตุ้นและอยากทำสิ่งต่างๆ มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับตอนอาการซึมเศร้ากำเริบจนไม่อยากทำอะไรเลย นอกจากนั้น การออกกำลังกายยังช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและสุขภาพดีด้วย สำหรับคนที่มีข้ออ้างหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายมากมาย วิธีที่ดีคือ “ตั้งเป้าระยะสั้นให้ทำได้จริง” โดยการขยับร่างกาย 10 นาทีแต่สามารถทำได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องทำติดกันเป็นชั่วโมงเหมือนการออกกำลังกายแบบดั้งเดิม มีตัวอย่างหลายวิธีค่ะ เช่น เดินรอบตึก 10 นาที ยืดเหยียดร่างกายตอนที่มีโฆษณาทางโทรทัศน์ ฟังเพลง 3 เพลงให้ได้ 10 นาทีแล้วเต้นไปกับเพลงด้วย หรือสร้างชุดออกกำลังกาย 5 ท่า ท่าละ 2 นาทีสำหรับคนขี้เบื่อ

Advertisement

นอกเหนือจากการขยับร่างกายแล้ว มีอีกหลายอย่างที่ช่วยสร้างอารมณ์ทางบวกและแรงกระตุ้นให้สดชื่นขึ้นได้ เช่น การพบปะเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว จำนวนคนที่พบไม่สำคัญเท่าคนที่พบควรเป็นคนที่เรารักหรือเป็นเพื่อนสนิท สิ่งที่ควรงดเว้นคือสารออกฤทธิ์ต่างๆ เช่น สุรา บุหรี่ สารเหล่านี้ให้ความสุขเพียงชั่วครู่และตามมาด้วยอารมณ์ที่แย่ลงกว่าเดิม ไม่ควรอดนอนและหาทางจัดการความเครียดในแบบที่ถนัด เช่น สูดหายใจเข้าออกลึกๆ การนับ 1 ถึง 10 ทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือพูดคุยกับคนที่รัก สุดท้ายแล้วถ้าไม่ได้ผลเลยก็ต้องไปพบแพทย์ค่ะ

การขยับตัวแค่ 10 นาทีไม่ใช่เรื่องยากแต่ปัญหาของหลายท่านคือ “ไม่มีเวลา” ซึ่งไม่เกินความจริงค่ะโดยเฉพาะท่านที่มีภารกิจต้องเช็กโซเชียลมีเดีย เช็กอีเมล์ ฯลฯ ซึ่งกินเวลามาก ในเมื่อตาก็ดูโซเชียลมีเดีย นิ้วก็ไถหน้าจอ ก็ลองก้าวขาเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกันนะคะ รับรองว่าเดินได้เป็นชั่วโมงไม่รู้ตัวเลยค่ะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image