ยลโฉม 14 เล่ม ‘เครือมติชน’
ขึ้นแท่น 100 ปกสวย 2567
จากโครงการ 100ABCD
เพราะ ‘หน้าปก’ ถือเป็นส่วนสำคัญของหนังสือ
พ็อคเก็ตบุ๊กมากมายบนแผง ผ่านการออกแบบดีไซน์อย่างสวยงามไม่มีใครยอมใคร
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย หรือ PUBAT ร่วมกับ ThaiGa และ THAGGA จัดโครงการ 100 Annual Book and Cover Design 2024 (100ABCD) คัดเลือกหนังสือที่มีการออกแบบปกโดดเด่นสวยงาม ประจำปี 2567 โดยมีการลงคะแนนคัดเลือกหนังสือที่มีการออกแบบปกอย่างโดดเด่นสวยงาม จำนวน 100 ผลงาน โดยปีนี้มีผู้ส่งเข้าร่วมกว่า 365 เล่ม
100 ผลงานที่ได้รับคัดเลือก จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณและของที่ระลึกจากประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ที่กำลังจะมาถึงในเดือนตุลาคมนี้ รวมถึงจัดแสดงในนิทรรศการทางออกสู่โลกหน้าอีกด้วย
ในปีนี้สำนักพิมพ์มติชน ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ และ Brocoli ในเครือมติชน ได้รับการคัดเลือกถึง 14 ปก ดังนี้
ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย
(พิมพ์ครั้งที่ 15 ฉบับปรับปรุง)
ผู้เขียน : คริส เบเคอร์ และ ผาสุก พงษ์ไพจิตร
งานเขียนที่ไล่เรียงกระแสความเปลี่ยนแปลงในหลายมิติที่ค่อยๆ ก่อรูปนับตั้งแต่ยุคก่อนกรุงเทพฯ ที่ค่อยๆ กลายมาเป็นไทยสมัยใหม่ได้ในปัจจุบัน ย้อนรอยภูมิหลัง เรื่องราวของเราในยุคหลังในมิติต่างๆ ทั้งเชิงสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ที่ค่อยๆ มีผลสืบเนื่องจนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นลำดับ
คนดีศรีอยุธยา
ผู้เขียน : เสนีย์ เสาวพงศ์
นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เล่าเรื่องราวหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ซึ่งชาวบ้านทั้งหลายแตกกระสานซ่านเซ็นแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า ระส่ำระสายจากการกวาดต้อนและหวาดผวาจากการเอาเปรียบซึ่งกันและกันเอง
โต เล็ก และน้อย สามพี่น้องผู้มีใจรักชาติเสียยิ่งกว่าชีวิตตน ออกเดินทางไปยังชุมนุมต่างๆ เข้าไปปลุกสำนึกความรักความหวงแหนแผ่นดินเกิดให้กับชาวกรุงศรีฯ ที่เหลือรอด ชายทั้งสามรวบรวม “ชาวบ้าน” ที่ไม่จำเพาะแค่ผู้ชาย แต่รวมไปถึงสตรี คนแก่ และเด็ก คนธรรมดาทั้งหลายเหล่านี้รวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเพื่อกอบกู้กรุงศรีฯ
Capitalism Magic Thailand เทวา มนตรา คาถา เกจิ : ไสยศาสตร์สมัยใหม่กับทุน(ไทย)นิยม
ผู้เขียน : Peter A. Jackson แปลโดย : วิราวรรณ นฤปิติ
ในโลกสมัยใหม่ที่ไสยศาสตร์ถูกมองว่าเป็นความงมงายและล้าหลัง ทว่าการบูชาพระเครื่องเพื่อเสริมโชคลาภบารมี การกราบไหว้ขอเงินขอทอง การทรงเจ้าเข้าผี การนับถือเกจิอาจารย์ และอีกสารพัดพิธีกรรมกลับเฟื่องฟูขึ้นในประเทศไทย สวนทางกับยุคแห่งเทคโนโลยีและความก้าวหน้า ชวนผู้อ่านสำรวจความเชื่อและการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลากหลายรูปแบบท่ามกลางกระแสประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจรุ่งเรืองถึงขีดสุด ไปจนถึงช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 รวมทั้งการเกิดขึ้นของทุน(ไทย)นิยมอันเป็นเอกลักษณ์
The Ruling game ชนชั้นนำและอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้เขียน : รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช
ชวนผู้อ่านย้อนกลับไปมองถึงโครงสร้าง รากฐานแนวคิด การสะสมอำนาจ และการใช้อำนาจของกลุ่มชนชั้นนำต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค ตั้งแต่ยุคโบราณ ยุคอาณานิคม ยุคปลายอาณานิคม-สงครามเย็น และโยงใยมาจนถึงศตวรรษที่ 21 โดยต้องการให้เข้าใจรายละเอียดจากภาพเล็กๆ จนสามารถมองและวิเคราะห์ภาพใหญ่ได้ และนำไปสู่การเห็นความสัมพันธ์ที่เกาะเกี่ยวกันอย่างแยกไม่ขาด เพื่อรับมือและรู้ทันเกมการเมืองของผู้ปกครองเหล่านั้น
แด่ทุกต้นกล้าความฝัน : ประวัติศาสตร์ กรณีศึกษา และเส้นทางการต่อสู้สู่รัฐสวัสดิการ
ผู้เขียน : ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
ไม่เพียงมุ่งนำเสนอแนวคิดว่าด้วยรัฐสวัสดิการ คลี่ขยายให้เห็นถึงเส้นทาง อุปสรรค ความเป็นไป และความเป็นไปได้ในการสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าจากหลายกลุ่มประเทศกรณีศึกษา รวมถึงข้อเสนอแนะต่อสังคมไทยเท่านั้นทว่ายังค่อยๆ ชี้ให้เราเห็นว่า “หัวใจ” สำคัญของการเปลี่ยนแปลงน้อยใหญ่ที่จะช่วยรักษาต้นกล้าความฝันของทุกคนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากผู้มากอำนาจ หากแต่ก่อร่างขึ้นมาจากพลังและเสียงเล็กๆ ของผู้คน
The Museum of Other People พิพิธภัณฑ์แห่งผู้เป็นอื่น
ผู้เขียน : Adam Kuper แปลโดย : วรรณพร เรียนแจ้ง
พิพิธภัณฑ์ คืออะไร?
เพชรน้ำเอกแห่งอารยธรรม?
ประจักษ์พยานต่ออัจฉริยภาพทางความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์?
รูปธรรมของความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม ความเป็นเลิศในศิลปวิทยา?
หรือแท้ที่จริงสถานที่แห่งนี้คือ
โกดังเก็บของโจร
ประจักษ์พยานต่อความโหดเหี้ยมอำมหิตของจักรวรรดินิยมตะวันตก
รูปธรรมของการรีดนาทาเร้น ขูดเลือดขูดเนื้อ และย่ำยีบีฑา
เบื้องหน้าของสถานที่แห่งนี้ คือพิพิธภัณฑ์ที่ทำหน้าที่จัดแสดงโลกอันแปลกประหลาดของผู้คน “ดั้งเดิม” (primitive) หรือ “ชนเผ่า” ที่อยู่ห่างไกลออกไปหรือมีชีวิตในช่วงอดีตกาลนานโพ้น
แต่เบื้องหลังของที่นี่เป็นอย่างไร? อดัม คูเปอร์ พร้อมทำหน้าที่มัคคุเทศก์ในการนำเดินชมครั้งนี้
The Lost Forest: ประวัติศาสตร์(การทำลาย)สิ่งแวดล้อมไทย
ผู้เขียน : วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์, คำนิยม : นิ้วกลม
นำเสนอเรื่องราวการทำลายสิ่งแวดล้อมในไทยนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกทำลายป่า การสูญพันธุ์ของสัตว์ป่า การต่อสู้ของชาวบ้านกับรัฐและนายทุน อุตสาหกรรมที่กระทบลมหายใจของผู้คน ไปจนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมยุคใหม่อย่างการก้าวเข้าสู่ยุคโลกเดือด ฝุ่นพิษ PM2.5 และการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
เป็นจีนเพราะรู้สึก : ประวัติศาสตร์เสื่อผืนหมอนใบที่เพิ่งสร้าง
ผู้เขียน : สิทธิเทพ เอกสิทธิพงษ์
เรื่องราวของ “ชนชั้นกลางไทยเชื้อสายจีน” ที่ผ่านมา มักตั้งต้นศึกษาจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ-การเมืองเป็นสำคัญ ขณะที่มิติอันซับซ้อนอย่าง “อารมณ์ความรู้สึก” กลับถูกละเลย หรือเป็นเพียงอาภรณ์ของการศึกษาที่ไม่สลักสำคัญเท่าเศรษฐกิจ-การเมือง
ผู้เขียนจึงได้บุกเบิกการศึกษาประวัติศาสตร์ความรู้สึกของชนชั้นกลางไทยเชื้อสายจีน ผ่านหนังสือ “เป็นจีนเพราะรู้สึก : ประวัติศาสตร์เสื่อผืนหมอนใบที่เพิ่งสร้าง” โดยมุ่งเผยให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงทางความคิดและเข้าใจพลังทางอารมณ์ความรู้สึกของชนชั้นกลางไทยเชื้อสายจีนอย่างลุ่มลึก นับจากยุคระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการกระทั่งลูกจีนรักชาติเคลื่อนไหวทางการเมือง
สยามโมเดิร์นเกิร์ล
ผู้เขียน : ภาวิณี บุนนาค
ด้วยเงื่อนไขที่สถานภาพของผู้หญิงกลายมาเป็นมาตรวัดระดับความก้าวหน้าหรือระดับความศิวิไลซ์อีกอย่างหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่านางผดุงครรภ์และนางพยาบาลถือเป็นวิชาชีพแรกที่ทำให้ผู้หญิงเข้าไปมีส่วนร่วมในโลกสาธารณะอย่างเป็นทางการ “สยามโมเดิร์นเกิร์ล” จึงมุ่งการศึกษาไปที่ช่วงเวลาระหว่าง พ.ศ.2439 อันเป็นปีที่มีการจัดตั้งโรงเรียนหญิงแพทย์ผดุงครรภ์และการพยาบาลไข้ ซึ่งถือเป็นโรงเรียนพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทยจนถึง พ.ศ.2478 เพื่อศึกษาเรื่องราวของ “สาวสมัยใหม่” ใน “สยามใหม่” ซึ่งซ้อนทับอยู่ภายใต้เบื้องหลังประวัติศาสตร์ของนางพยาบาลและนางผดุงครรภ์ในสยาม
ปาตานีฉบับชาติ(ไม่)นิยม สงครามช่วงชิงอำนาจก่อนปักปันเส้นเขตแดน
ผู้เขียน : วันอิฮซาน ตูแวสิเดะ, คำนิยม : อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์
ทำไมเมืองมลายูอย่าง “ปาตานี” ต้องตกเป็นของสยาม ส่วนเมืองมลายูที่เหลือตกเป็นของอังกฤษและกลายเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียในเวลาต่อมา
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มองเพียงสยามเป็น “ผู้กระทำ” และปาตานีเป็น “ผู้ถูกกระทำ” และไม่ได้มองการกระทำของสยามต่อปาตานีว่าเป็นไปเพื่อความก้าวหน้าและความมั่นคงของชาติตามที่มีคำกล่าวอ้าง แต่หนังสือเล่มนี้มุ่งก้าวให้พ้นกับดักคู่ตรงข้ามของประวัติศาสตร์ชาตินิยมสยามและปาตานี โดยพาผู้อ่านย้อนกลับไป 1 ศตวรรษก่อนการทำ “สนธิสัญญาแองโกล-สยาม 1909” อันเป็นช่วงเวลาที่ปาตานีถูกสยามแบ่งออกเป็น 7 หัวเมือง เพื่อชี้ให้เห็นการค่อยๆ เปลี่ยนแปลงระลอกใหญ่ จนนำมาสู่การปักปันเส้นเขตแดนในเวลาต่อมา
สถาปัตย์-สถาปนา: การ(เมือง)ดีไซน์พื้นที่และความนัยสถาปัตยกรรม
ผู้เขียน : ชาตรี ประกิตนนทการ
รวมบทความจากคอลัมน์พื้นที่ระหว่างบรรทัดในมติชนสุดสัปดาห์ เน้นเรื่องพื้นที่ (Space) และความหมายนัยซ่อนเร้น แฝงฝังด้วยอุดมการณ์ในสถาปัตยกรรมที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
“พื้นที่เมือง” ว่าด้วยความนัยที่ยอกย้อนซ่อนเร้นของการออกแบบพื้นที่เมือง ตั้งแต่เมืองที่กำลังเปลี่ยนกลายไปสู่เมืองของชนชั้นสร้างสรรค์ ปัญหาการศึกษาสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในพื้นที่เมือง
“พื้นที่ความเชื่อ” ถอดรหัสความหมายของปรากฏการณ์ทางศิลปะและสถาปัตยกรรมที่อยู่ในพื้นที่ความเชื่อทางศาสนา ที่บางอย่างก็กลายมาเป็นมายาคติร่วมกันของสังคม บางอย่างก็เป็นปมขัดแย้งทางความเชื่อระหว่างผู้คน และบางอย่างก็เป็นข้อถกเถียงทางวิชาการที่ต้องได้รับการทบทวนใหม่
“พื้นที่อุดมการณ์” วิเคราะห์นัยทางการเมืองที่แฝงอยู่ในงานออกแบบเมืองและงานสถาปัตยกรรมซึ่งสอดคล้องกับความขัดแย้งทางการเมืองร่วมสมัยของไทย
Downtown Ayutthaya ต่างชาติต่างภาษา และโลกาภิวัตน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์
ผู้เขียน : กำพล จำปาพันธ์ และโมโมทาโร่
ตั้งแต่การก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา เมืองแห่งนี้ได้ถูกวางภูมิศาสตร์ให้เป็นเมืองท่าการค้าในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อเศรษฐกิจการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทวีความรุ่งเรืองขึ้น กรุงศรีอยุธยาจึงขยับสถานะเป็นเมืองท่าการค้านานาชาติ ส่งผลให้คนต่างชาติต่างภาษาจำนวนมากเข้ามาแวะเวียนกรุงศรีอยุธยา บ้างก็อยู่เพียงชั่วคราว บ้างลงหลักปักฐาน มีทั้ง แขก ฝรั่งเศส จีน ลาว เขมร พม่า ญวน มลายู ซึ่งต่อมาก็ได้ผสมกลมกลืนกันกลายเป็นมนุษย์อยุธยา เนื้อหาภายในเล่ม จะพาผู้อ่านสำรวจย่านร้านตลาดชุมชนของชนชาติต่างๆ ในกรุงศรีอยุธยา และติดตามดูชีวิตประจำวัน ความเป็นมา เพื่อหาคำตอบว่า การเป็นเมืองท่าการค้านานาชาติของกรุงศรีอยุธยาทำได้อย่างไร และทำไมจึงถือได้ว่าเป็น “โลกาภิวัตน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์”
Lovable Japan เมืองนี้ที่(คน)รัก
ผู้เขียน : ปริพนธ์ นำพบสันติ
ความร่วมมือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราเผชิญปัญหาที่รายล้อมอยู่ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่อง “เมือง” ที่จำเป็นต้องถูกวางแผนและออกแบบมาอย่างเข้าใจในวิถีชีวิตของผู้คน
“Lovable Japan เมืองนี้ที่(คน)รัก” ชวนสำรวจความร่วมมือของผู้คนทุกภาคส่วน ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญและทำให้เมืองในญี่ปุ่นกลายเป็นเมืองที่ดี เป็นเมืองที่ใครๆ ก็อยากจะรัก และเป็นเมืองที่ผู้คนอยากจะก้าวเท้าออกจากบ้านมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
Restorative Cities ให้นครเยียวยาใจ
ผู้เขียน : Jenny Roe, Layla McCay แปลโดย : ธาม โสธรประภากร
ในศตวรรษที่ความเหงาเกาะกุมทุกซอกซอย โลกหันหน้าสู่ยาต้านเศร้า โรคระบาดครั้งใหญ่อย่างโควิด-19 ขีดเส้นแบ่งเพิ่มระยะห่างระหว่างผู้คนให้ชัดมากกว่าเคย คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ว่าเราจะ “อยู่อย่างไร” แต่จะทำอย่างไรให้ “อยู่อย่างเป็นสุข” ร่วมสำรวจเมืองในฝันที่หล่อเลี้ยงความสุข ออกแบบทุกหัวมุมถนนเพื่อฟื้นฟูชีวิต และเขียนเมืองใหม่ที่ชุบชูหัวใจของทุกคน
ตามเก็บหนังสือปกสวยทุกเล่มให้ครบได้ที่ เว็บไซต์สำนักพิมพ์มติชน
https://www.matichonbook.com