เนติพร เสน่ห์สังคม เจ้าของรางวัล จารุพงษ์ ทองสินธุ์ 2567 ในวันที่ไร้ลมหายใจ

เนติพร เสน่ห์สังคม เจ้าของรางวัล จารุพงษ์ ทองสินธุ์ 2567 ในวันที่ไร้ลมหายใจ

ประกาศชัดเจนแล้วสำหรับเจ้าของรางวัล ‘จารุพงษ์ ทองสินธุ์เพื่อประชาธิปไตย’ ในปีนี้ ว่าตกเป็นของ ‘บุ้ง’ เนติพร เสน่ห์สังคมนักกิจกรรมทางการเมืองผู้ล่วงลับ

เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ได้รับรางวัลจารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย 2567

รางวัลดังกล่าวมีเจ้าภาพคือ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มอบให้ผู้เคลื่อนไหวเรียกร้องและปกป้องประชาธิปไตย เช่นเดียวกับ จารุพงษ์ ทองสินธุ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะศิลปศาสตร์ รั้วแม่โดม ผู้สละชีวิตต่อสู้กับความอยุติธรรมในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519

เตรียมมอบอย่างเป็นทางการในงานรำลึก 48 ปี 6 ตุลาฯ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แม้ในวันที่เจ้าตัวไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้

ADVERTISMENT

ไม่ต่างจาก วาฤทธิ์ สมน้อย เยาวชนผู้เสียชีวิตจากคมกระสุนปริศนาใกล้ สน.ดินแดง ซึ่งได้รับรางวัลนี้ไปเมื่อปี 2565 ในวาระครบรอบ 46 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519

ย้อนไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ณ ที่ทำการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ‘ไอลอว์’ อาคาร All rise ย่านลาดพร้าว มีการจัดกิจกรรมครบรอบ 112 วันจากการไปของ บุ้ง เนติพร ผู้อดอาหารประท้วงในเรือนจำ

ความในใจจากผู้คนถูกขีดเขียนลงบนโปสการ์ด ‘ถึงบุ้งในความทรงจำ’

บทกวีโดย รอนฝัน ตะวันเศร้า ถูกเอื้อนเอ่ยอย่างทรงพลัง

ดนตรีสดจาก หนวด ริมทาง ถูกบรรเลงขับร้องกระหึ่ม

ถ้อยคำขบคิดวิเคราะห์และทวงถามจากวิทยากรหลากวงการพรั่งพรู

บุ้ง เนติพร เสียชีวิตในวัยเพียง 29 ปี หลังอดอาหารประท้วงในเรือนจำ

พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

คือทางออกแม้แก้ไขที่ ‘ปลายเหตุ’

พรรณิการ์ วานิช อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคอนาคตใหม่ เปิดประเด็นว่า เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยมีกฎหมายหลายฉบับที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ อย่างไรก็ตาม ยังมีทางออกแม้เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ กล่าวคือ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

“แม้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแต่เรื่องนี้ก็สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะมันจะเป็นการเริ่มต้นการกอบกู้ทางเสรีภาพทางความคิดที่ถูกทำลายกลับคืนมาได้บางส่วน

รายงานร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกำลังจะเข้าสู่สภา ซึ่งเป็นรายงานของคณะกรรมาธิการจากหลายพรรคการเมือง จะเข้าสู่การพิจารณาในปลายเดือนกันยายนนี้ เราก็ได้แต่หวังว่าจะมีพรรคการเมืองเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของตนเองทั้งพรรคประชาชน พรรครวมไทยสร้างชาติ และอาจจะรวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย

ตอนนี้ยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย แต่คิดว่าจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคแน่นอน หลังจากนี้จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อภายในสิ้นปีนี้ เพราะถ้าการเสนอร่างในวาระที่ 1 ผ่านจะนำไปสู่วาระ 2 ซึ่งจะนำไปสู่การพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะมีการรวมนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 เข้าไปด้วยหรือไม่ ฝ่ายนักการเมืองในสภาได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว เราถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นต้นที่ประเด็นนี้ยังไม่ถูกปิดตาย” ช่อ พรรณิการ์กล่าว

รำลึกการจากไปของบุ้ง เนติพร ครบ 2 เดือน หน้าศาลอาญา รัชดาฯ 14 ก.ค.67

จากนั้น ยังย้ำว่า ไม่มีใครควรตายเพราะความเห็นต่างในอุดมการณ์ทางการเมือง

“หาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้รับความเห็นชอบ บุ้ง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้แล้ว เรายืนยันด้วยความเคารพต่อผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองว่าไม่ควรมีใครต้องตายเพราะอุดมการณ์ทางการเมือง จริงอยู่ที่มีคนจำนวนมากบนโลกและประเทศไทยยอมตายเพื่อแลกกับอุดมการณ์ทางการเมือง เราไม่เคยคิดว่าจะมีใครสักคนที่ต้องตายเพื่อยืนยันอุดมการณ์ของตนเองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ชีวิตของมนุษย์เป็นสิ่งมีค่ามากที่สุด แต่โลกแบบไหนที่ทำให้มนุษย์แลกสิ่งมีค่ามากที่สุดกับความเป็นสัจธรรมในสังคม

“เราไม่คิดว่าบุ้งจะเป็นคนสุดท้ายในประเทศนี้ที่ตายเพื่อเรียกร้องสิทธิของตนเอง การต่อสู้ทางการเมืองของพวกเรายังเป็นแบบนี้เสมอ เสียทุกอย่างไปเพื่อแลกกับสิทธิที่ควรจะได้ตั้งแต่แรกในฐานะพลเมืองไทย เราจึงพูดอยู่เสมอว่าไม่เป็นไร จะแพ้กี่ครั้งก็ได้ เพราะความพ่ายแพ้ของเรามันคุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องได้มันมา” ช่อทิ้งท้าย

จุดเทียนอาลัย บุ้ง เนติพร หน้าศาลอาญารัชดาฯ ในวันที่เสียชีวิต 14 ก.ค.67

สานต่ออุดมการณ์บุ้ง มุ่งเบรกวงจรรัฐประหาร

แนะสื่อ ‘ตรงไปตรงมา’

ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ตั้งคำถามถึงมาตรฐานของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ทั้งยังมุ่งต่อยอดอุดมการณ์ของบุ้ง หยุดวงจรรัฐประหาร และตั้งความหวังไปยังพรรคประชาชนชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป

สำหรับ อธึกกิต แสวงสุข หรือ ‘ใบตองแห้ง’ เผยมุมมองในฐานะสื่อมวลชน ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคนี้แตกต่างจากสมัยก่อน กล่าวคือ ยุคนี้มีความเป็นอิสระในตัวเองสูง ไม่ได้เหมือนกับยุคของตนที่การรวมกลุ่มต่างๆ ขึ้นอยู่กับศูนย์นิสิตนักศึกษา ขณะที่สื่อมวลชนยุคนี้ บางส่วนจงใจพาดหัวข่าวแบบหวือหวา ฉาบฉวยเพื่อเรียกยอดวิว กลุ่มของบุ้ง ถูกจับผิด และปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง

“เมื่อสังคมปัจจุบันมีการระบายความเกลียดชังสูง เกิดการตัดสินผู้อื่นไปก่อนที่จะมีข้อเท็จจริงออกมา มีการปลุกอารมณ์ของผู้คน นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งบุ้ง ใบปอ (ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์) และตะวัน (ทานตะวัน ตัวตุลานนท์) ผมว่าสื่อเองควรจะนำเสนอประเด็นข่าวอย่างตรงไปตรงมาไม่เช่นนั้นผลกระทบจะตกไปถึงบุคคลที่เป็นเหยื่อ” ใบตองแห้งฝากไว้ให้คิด

(จากซ้าย) ทานตะวัน ตัวตุลานนท์, ทนายพูนสุข พูนสุขเจริญ, ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์, อธึกกิต แสวงสุข, นพ.เหวง โตจิราการ และพรรณิการ์ วานิช

หวังเคสบุ้ง ตัวอย่างสร้างความเปลี่ยนแปลง

ถัดมา คือ ความคืบหน้าทางคดีจาก พูนสุข พูนสุขเจริญ หรือ ทนายเมย์ ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่เผยว่าขณะนี้คดีของบุ้ง หลังการชันสูตรพลิกศพ ทางตำรวจได้สรุปและส่งสำนวนการชันสูตรแก่อัยการธัญบุรีเรียบร้อยแล้ว โดยกำลังจะมีการพิจารณาประมาณ 30 วัน และขยายเพิ่มได้อีกไม่เกิน 90 วัน หลังจากนั้นจึงนำคำร้องไปยื่นต่อศาล โดยหวังว่าการเสียชีวิตของบุ้งจะกลายเป็นกรณีตัวอย่างสร้างความเปลี่ยนแปลงในการทำงานของกรมราชทัณฑ์และหน่วยแพทย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะบุ้งไม่ใช่นักโทษคดีทางการเมืองคนแรกที่เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง

ปิดท้ายด้วยคอมเมนต์จาก ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เปิดใจว่า ระหว่างการเรียกร้องในประเด็นต่างๆ พวกตนต้องพบเจอความอยุติธรรมหลายอย่าง และเชื่อว่าไม่ใช่นักกิจกรรมเท่านั้นที่รู้สึกว่ามีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคม ประชาชนทั่วไปก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกัน

ใบปอยืนยันว่า การแก้ที่ปลายเหตุเพียงอย่างเดียว ‘ความบิดเบี้ยว’ ก็จะยังคงอยู่ ดังนั้น ต้องไม่เพียงดำเนินการแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่ต้องแก้ไขทั้งกระบวนการให้มีมาตรฐานและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ภูมิดนัย สารพันธ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image