‘โบท็อกซ์ เกาหลี’ ป่วน ผุดโรงงานใหม่เกลื่อน…!!! แนะศึกษาก่อนฉีดหวั่นสารกลายพันธุ์

ความงามกับผู้หญิงมักเป็นของคู่กันเสมอ โดยเฉพาะปัจจุบันมูลค่าตลาดที่มาแรงแซงหลายธุรกิจคงหนีไม่พ้นตลาดของคลินิกเสริมความงาม ที่ผู้หญิงเรานิยมใช้บริการเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า ตลอดจนทำให้ใบหน้าเรียววีเชฟ ในชื่อที่คนไทยคุ้นเคยเรียกกันว่า “การฉีดโบท็อกซ์”

หากแต่แท้จริงแล้วคำว่า “โบท็อกซ์” เป็นชื่อสามัญของ “โบทูลินัม ท็อกซิน” หรือที่เรียกกันว่า “ท็อกซิน” โดยแปลตรงตัวว่า “สารพิษ” นั่นเอง

เมื่อตลาดธุรกิจความงามเติบโตแบบก้าวกระโดดและมีมูลค่าสูงถึง 21 ล้านล้านบาท จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครๆ ต่างจดจ้องชิ้นปลามันเพื่อมีส่วนร่วมในขุมสมบัติดังกล่าว โดยเฉพาะตลาด “ท็อกซิน” ในประเทศเกาหลี ที่มีโรงงานยักษ์ใหญ่เกิดขึ้นถึง 3 แห่ง ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่ด้วยความยากลำบากในสภาวะแวดล้อมปกติที่จะสามารถหาสารตั้งต้นที่ใช้ผลิตสารท็อกซินได้อย่างในปัจจุบัน จึงเป็นที่สงสัยถึงความไม่ถูกต้องและไม่ปลอดภัยของการจัดตั้งโรงงานทั้ง 3 แห่งใหม่ที่เกิดขึ้นถึงการแจ้งจดรายละเอียดของต้นกำเนิด และการได้มาของเชื้อจุลชีพซึ่งถือเป็นวัตถุอันตรายสูง สามารถทำลายล้างมนุษยชาติ ซึ่งหากนำมาใช้ในทางการรักษาต้องแจ้งให้หน่วยงานสาธารณสุขทราบโดยทันที

โรงงานเมดิท็อกซ์ในเกาหลี
โรงงานเมดิท็อกซ์ในเกาหลี

ดร.ฮุน โฮ จอง ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมดิท็อกซ์ จำกัด ผู้ผลิต วิจัย และพัฒนายาชีววัตถุจากสารโปรตีนบริสุทธิ “โบทูลินัม ท็อกซิน” รายแรกในประเทศเกาหลี และลำดับที่ 4 ของโลก เปิดเผยว่า ท็อกซินมีหลายชนิด แต่ที่สำคัญคือ “สายพันธุ์” หรือ “สารตั้งต้น” โดยท็อกซินที่เมดิท็อกซ์ทำการวิจัยและพัฒนามาเป็นสายพันธุ์เดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา คือ สายพันธุ์ Hall A ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จะทราบกันดีว่าจุลชีพสายพันธุ์ Hall A จะพบได้ยากในสิ่งแวดล้อมทั่วไป อีกทั้งสารดังกล่าวยังสามารถสร้างโปรตีนที่เฉพาะเจาะจงให้กล้ามเนื้อร่างกายคลายอาการเกร็ง ในขณะที่สายพันธุ์อื่นๆ ให้ผลด้อยกว่า

Advertisement

“ในปัจจุบัน มี ‘ท็อกซิน’ ประเทศเกาหลีจากโรงงาน 3 แห่ง ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขในประเทศ และยังมีบริษัทจ่อคิวจดทะเบียนอีกหลายแห่ง โดยไม่ได้แจ้งรายละเอียดของต้นกำเนิด และการได้มาของเชื้อจุลชีพว่าเป็นสายพันธุ์ Hall A หรือไม่ จากเดิมมีแค่โรงงานเดียว คือ โรงงานเมดิท็อกซ์ ที่จำหน่ายในชื่อแบรนด์นิวโรน็อกซ์ กว่า 60 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย

อีกทั้งบางโรงงานแอบอ้างว่าค้นพบสารตั้งต้นในอาหารกระป๋องและอานม้า ซึ่งผมในฐานะนักวิจัยที่คิดค้นสารนี้มาตลอด 30 ปี ฟังแล้วตกใจมาก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครค้นพบสารนี้อีกเลย ซึ่งหากสารเหล่านี้สามารถค้นพบได้ในอาหารกระป๋องหรืออานม้า นั่นหมายความว่าชีวิตคนเราอยู่ใกล้อันตรายมากขึ้นทุกที โอกาสที่จะค้นพบสารตัวนี้อีกครั้งก็เหมือนการถูกฟ้าผ่า ซึ่งไม่มีความเป็นไปได้เลย

จากการรายงานไม่เคยมีผู้พบเห็นจุลชีพดังกล่าวตั้งแต่ปี 2012 ผมจึงพยายามเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรวจสอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ให้บริษัทต่างๆ ออกมาชี้แจงถึงจุดกำเนิดของสารที่นำมาผลิตโบท็อกซ์ เพราะมันสร้างความเสียหายให้ประเทศ และหากเป็นจุลชีพดังกล่าวจริงต้องแจ้งให้หน่วยงานราชการ และสาธารณชนทราบ เพื่อให้ แพทย์ เภสัชกร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่ใช้ในการรักษามั่นใจในความปลอดภัย” ดร.ฮุน โฮ จอง กล่าว

Advertisement
เภสัชกร สุรวุฒิ วูวงศ์ -ดร.ฮุน โฮ จอง
เภสัชกร สุรวุฒิ วูวงศ์ -ดร.ฮุน โฮ จอง

ทางด้าน เภสัชกร สุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เซเลส ประเทศไทย จำกัด ผู้นำเข้าท็อกซินจากประเทศเกาหลีภายใต้ชื่อ “นิวโรน็อกซ์” (Neuronox) กล่าวถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นว่า เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อได้ทราบข่าวการสร้างโรงงานผลิตสารท็อกซินถึง 3 แห่งในประเทศเกาหลี เพราะเท่าที่ทราบมาคือการหาสายพันธุ์เพื่อจะมาเป็นสารตั้งต้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่งต่อผู้บริโภคหากไม่ทราบข้อมูลที่ถูกต้องก่อนการตัดสินใจ

“เรานำเข้าท็อกซินปี 2008 เพื่อใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของกล้ามเนื้อ และใช้รักษาอาการปวดไมเกรนได้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ท็อกซินเป็นยาที่มีศักยภาพสูง เพราะมีข้อบ่งชี้เกือบร้อยอย่าง แต่เนื่องจากเป็นสารชีววัตถุหรือเป็นยาที่ได้จากสิ่งมีชีวิต เกณฑ์การอนุมัติจึงมีความเข้มงวดมากกว่ายาปกติ

ปัจจุบันองค์กรอาหารและยาใน 27 ประเทศทั่วโลกได้ให้การยอมรับยาตัวนี้แล้วทั้งเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย แต่น่าเสียดายที่ในประเทศไทยผมพยายามผลักดันให้เรื่องนี้เข้าไปอยู่ในระบบสุขภาพของไทย แต่ยังไม่สำเร็จเพราะแม้กระทั่งในเด็กเล็กที่เกิดมาแล้วมีความผิดปกติที่สมองทำให้มีปัญหาเรื่องการเดิน พอได้รับท็อกซินช่วยทุก 3-6 เดือน แล้วเข้าสู่กระบวนการรักษาของแพทย์เด็กคนนั้นสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ”

ภก.สุรวุฒิกล่าวทิ้งท้ายถึงการเลือกใช้สารท็อกซินว่า การฉีดท็อกซินนั้นต้องฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณ

นั้นไม่หดตัว ถ้าฉีดผิดมัดกล้ามจะส่งผลให้ใบหน้าเบี้ยว

ฉะนั้นการฉีดท็อกซินจึงควรเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือเรื่องความปลอดภัย และกระทำโดยแพทย์เท่านั้น

โบท็อกซ์ ความงาม ผู้หญิง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image