| ผู้เขียน | อธิษฐาน จันทร์กลม |
|---|
‘ท่องเที่ยวลาวปลอดภัย ชื่นใจในวัฒนธรรม ธรรมชาติและประวัติศาสตร์’
‘สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว’ มากล้นไปด้วยอัญมณีที่ซุกซ่อน รอการเผยโฉมหลังเจียระไน
ที่ผ่านมาหลายหมุดหมายทั้งแขวงทางเหนือและใต้ ประสบความสำเร็จในการโปรโมต จากปากต่อปากสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ชนิดที่ว่าเสิร์ชกูเกิลแมปจะเจอรูปรีวิวฉ่ำๆ ฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวฝรั่ง แม้แต่สายแบ๊กแพคเกอร์ชาวไทยไปเรียบร้อยแล้ว
หลังผ่านปี 2024 ที่รัฐบาลลาวประกาศเป็นปีท่องเที่ยว (Visit Laos Year 2024) ใส่เกียร์เดินหน้า คลอดโปรดักต์ใหม่ๆ
ล่าสุด เปิดพิกัดลับที่เพิ่งถูกค้นพบใน 2 แขวงภาคกลาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนที่ยังไม่มีใครได้เข้าไปสัมผัส เต็มไปด้วยวิถีชีวิตดั้งเดิม ธรรมชาติยังคงความดิบเขียวขจี
ปลายเดือนแรกของปี 2568 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนพี่น้องเพื่อนบ้านตามคำเชิญของ กรมโฆษณาการท่องเที่ยว กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยว สปป.ลาว โดยมี กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่น
พร้อมจัดทริป พาเปิดแมปสำรวจพิกัดใหม่ในภาคกลางที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เวลคัมนักท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสแรก เป็น 3 เดือนแห่งเทศกาล ทั้งวัน ‘เพ็งเดือน 3’ ตรงกับ ‘มาฆบูชา’ จัดงานใหญ่ประจำปีกราบนมัสการพระธาตุ ต่อเนื่องถึงเมษายน ฉลองปีใหม่ลาว
ไปเห็นมาแล้วกับตาว่าภาคกลางก็อลังการไม่แพ้กัน สมคำร่ำลือ ‘สวรรค์แห่งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์’ นับเป็นก้าวสำคัญที่น่าจับตา เป็นการพัฒนาอันจะเชื่อมเส้นทางให้ครบลูป บูสต์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้รันได้อย่างเต็มสูบ และเห็นศักยภาพการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค
ไม่เพียงลาว แต่ยังประโยชน์ถึงไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างเพียง 3 กิโลเมตร กั้นด้วยร่องน้ำโขง มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผูกร้อย ถ้อยทีถ้อยอาศัยด้วยไมตรีจิตรดั่งญาติมิตรเสมอมา
เปิดแมปใหม่ ‘ภาคกลาง’
บูสต์เศรษฐกิจ 2 ฟากน้ำโขง
“แขวงคำม่วนและสะหวันนะเขต เด่นทั้งในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน”
มะนีสาคอน ทำมะวงไช หัวหน้ากรมโฆษณาการท่องเที่ยว กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยว สปป.ลาว เผยเหตุผลที่เลือกสองแขวงนี้เป็นจุดหมายปลายทาง
ด้วยทำเลภาคกลางมีหลายแขวงติดกับชายแดนไทย ไม่ว่าจะเวียงจันทน์ คำม่วน บอลิคำไซ สะหวันนะเขต ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งเอื้อการคมนาคม เดินทางสะดวกเลือกได้ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดยเฉพาะจากฝั่งไทยที่ถือเป็นกลุ่มหลัก เป็นศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวจากทั้งสองฝั่ง ที่คล้ายคลึงกันทั้งวิถีความเป็นอยู่ สถาปัตยกรรม ยันอาหารการกิน
“คนไทยและลาวใกล้ชิดกันทั้งในด้านภาษา วัฒนธรรม และวิถีชีวิต
การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังช่วยสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ”
สำหรับ ‘แขวงคำม่วน’ แนะนำสายแอดเวนเจอร์ห้ามพลาด The Rock Viewpoint @ภูผาม่าน ที่จะได้โหนซิปไลน์ ผ่านเขตป่าสงวน อุทยานแห่งชาติอนุรักษ์บ้านนาหิน สัมผัสกิจกรรมผจญภัย จากแนวคิดธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสร้างงานให้กับชาวบ้าน
สายแบ๊กแพคเกอร์รักการผจญภัย นั่งรสบัส หรือเรือข้ามฟาก มีรถจักรยานยนต์ให้เช่า จะได้สัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่น แวะเที่ยวนอนพักตามโฮมสเตย์ เรียนรู้วิถีชีวิต สำหรับครอบครัวแนะนำใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือซื้อบริการทัวร์จากคนท้องถิ่นจะสะดวกกว่า
มะนีสาคอนเชื่อมั่นว่าเส้นทางสายใหม่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้สะพัด แลนด์มาร์กใหม่นี้จะกลายเป็นแหล่งรายได้ของประชาชน มาพร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนนหนทางและการเปิดตลาดให้ชาวบ้าน รองรับการท่องเที่ยวที่จะบูมในอนาคต
“ที่แขวงบอลิคำไซกำลังจะเปิดขัวมิตรภาพแห่งที่ 5 (บึงกาฬ) ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงสองประเทศ”
เป็น ‘สะพานโอกาส’ เป็นเรื่องราวดีๆ ในอนาคตอันใกล้ที่มองเห็น
เพื่อสร้างความประทับใจ ปลอดภัย และดึงดูดนักท่องเที่ยวยิ่งขึ้นไปอีก รัฐบาลลาวเล็งเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง 2 แขวงนี้ เพื่อขยายศักยภาพการท่องเที่ยวสู่ระดับภูมิภาค รวมถึงพัฒนาบริการให้ครอบคลุม ร่วมกับภาคธุรกิจเพื่อสร้างสีสัน แต่ยังยึดโยงการอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่น
“ขอเชิญชวนมาสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย นอกจากจะเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอีกด้วย” มะนีสาคอนเอ่ยปากเชื้อชวน
เครื่องยนต์ตัวใหม่ ร่วมมือไทยบูมการท่องเที่ยว
หลากหลาย เป็นมิตร
เพื่อให้ภาพเชิงลึก
ท่านสมสักดา แก้วมะนี รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว (ถวท.) แขวงคำม่วน สปป.ลาว ผู้อำนวยการดูแลงานการท่องเที่ยว เล่าละเอียดยิบถึงดีเทล ‘การท่องเที่ยวแขวงคำม่วน’ ซึ่งสะดวกสบายในการเดินทาง
เพราะมีเส้นทางทั้งสาย 13 12 และ 8 ที่ตัดผ่าน โดยเชื่อมโยงกับแขวงและประเทศใกล้เคียง ที่สำคัญมีด่านสากล 2 ด่านคือ ขรัวมิตรภาพ 3 (ท่าแขก-นครพนม) และสากลชายแดนลาว-เวียดนาม (นาเพ้า-จาลอ) และยังมีด่านท้องถิ่นอีก 6 แห่ง
อัพเดตด้วยว่าจนถึงปัจจุบันทั่วทั้งแขวงมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นบัญชีแล้วกว่า 210 แห่ง ในนั้น 145 แห่งเป็นแหล่งเที่ยวทางธรรมชาติ, ทางวัฒนธรรม 33 แห่ง และด้านประวัติศาสตร์ 32 แห่ง เปิดแล้ว 87 แห่ง และทยอยเปิดอีก 25 แห่ง
เฉพาะในแขวงคำม่วนมีโรงแรมรองรับ 24 แห่ง, บ้านพัก 105, รีสอร์ต 10, ร้านอาหารร้านกินดื่ม 189, สถานบันเทิง 19 และบริษัทท่องเที่ยว 15 แห่ง
“เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว แผนกของเราจึงได้บูรณาการร่วมกับภาครัฐและเอกชนพัฒนาโปรดักต์การท่องเที่ยวให้มีความหลากหลาย เป็นทางเลือกนักท่องเที่ยว กิจกรรมที่เปิดให้บริการและได้รับความนิยมอย่างมากคือ โหนสะลิง ปีนผา ล่องเรือ ตั้งแคมป์ โฮมสเตย์ เดินป่า ฯลฯ” สมสักดาเผย
นอกจากนี้ ยังเป็นตัวกลางในการประสานกับฝั่งไทยจัดกิจกรรมท่องเที่ยวในแขวง ไม่ว่าจะเป็นกีฬามวย การแข่งขันเตะฟุตบอลมิตรภาพลาว-ไทย ที่ท่าแขก-สกลนคร, ปั่น โดด ถีบมิตรภาพ จัดไปแล้วถึง 5 ครั้ง รวมถึงงานแสดงสินค้าและอาหารท้องถิ่น, หนึ่งคนลอย (ว่าย) หลายคนให้ ไปจนถึงจ้างยูทูบเบอร์ชื่อดังของไทย สร้างสารคดีท่องเที่ยวในแขวงคำม่วน
800,000 กว่าคนในปีที่ผ่านมา คือยอดนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเยือนแขวงคำม่วน จากการที่ไม่หยุดเดินหน้า มีแววว่าจะยิ่งสูงขึ้นอีกในอนาคต
‘สะพานโอกาส’ เปิดประตูการลงทุน
ท่องเที่ยวเชื่อมร้อย สัมพันธ์แน่นแฟ้น
นอกจาก ‘ปากเซ’ ในภาคใต้
‘วังเวียง’ ทางผ่านไปในภาคเหนือมุ่งสู่ ‘หลวงพระบาง’ เมืองที่กลายเป็นหนึ่งใน Destination ของนักเดินทาง จากชื่อเสียงเรียงนาม ประเพณีตักบาตรข้าวเหนียว
ในสายตาของ ปัฐม์ ปัทมจิตร กงสุลใหญ่ ณ แขวง สะหวันนะเขต เห็นอัตลักษณ์ เสน่ห์ที่แตกต่างของแต่ละแขวง
รวมทั้งเห็นโอกาสทั้งในเชิงท่องเที่ยวและลงทุน จากการเปิดแมปใหม่ในภาคกลาง เพราะเต็มไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจ ทั้งแหล่งที่มีอยู่แล้วและพัฒนาขึ้นมาใหม่ แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักนัก
“ในด้านการลงทุนพัฒนา ทั้งเชิงโลจิสติกส์ การเดินทาง ก็เรียกได้ว่าเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนไทย เนื่องจากทางลาวเปิดให้สัมปทานเอกชนดูแลสถานที่ท่องเที่ยว”
โดยเฉพาะในแขวงคำม่วน ที่มีภูเขาสวยงาม ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น ให้ประสบการณ์อีกฟีลหนึ่ง ซึ่งถ้าจะเที่ยวลาวให้เข้าถึงจริงๆ ควรเตรียมความพร้อมทั้งแรงกาย-ใจ ทำประกันการเดินทางไว้อุ่นใจกว่า
กงสุลใหญ่ยังแนะนำเรื่องการเดินทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะขับรถข้ามจากฝั่งนครพนม ผ่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3, ข้ามเรือ เข้าเมืองท่าแขก หรือเครื่องบิน แล้วเช่ารถ/นั่งรถโดยสาร หรือเลือกบริการจากบริษัทนำเที่ยว
พร้อมกระซิบถึงแผนการพัฒนาในอนาคตว่า ทั้งสองแขวงที่เชื่อมโยงภับภาคอีสานของไทย กำลังมีแผนพัฒนาและเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงสถานที่ต่างๆ
ล่าสุด เห็นความร่วมมือจากธนาคาร สามารถสแกนจ่ายผ่านแอพพ์ได้ ทั้งธนาคารกรุงศรี และกรุงไทย ไม่ต้องแลกแบงก์ ช่วยให้เที่ยวลาวได้สะดวกยิ่งขึ้น
เชื่อว่าในอนาคตเมื่อโครงสร้างพื้นฐานพรั่งพร้อมจะยิ่งสะดวกในการไปมาหาสู่ การท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยิ่งบูมอย่างแน่นอน
“ผมไม่รู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศ ถ้าถามถึงเสน่ห์ ลาวยังมีความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามสร้างสมดุลระหว่างปัจจุบันกับประเพณี พนักงานของรัฐ นักข่าว คุณครู ทุกภาคส่วนยังนุ่งผ้าโสร่ง สวมซิ่น เขาสามารถรักษาอัตลักษณ์ได้อย่างน่าชื่นชม
“จากการพบปะกับเจ้าแขวงต่างๆ (คำม่วน สะหวันนะเขต จำปาสัก) พบว่ามีแผนการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่าง ไทย-ลาว-เวียดนาม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคให้เติบโตยิ่งขึ้น” กงสุลใหญ่ ณ แขวง
สะหวันนะเขต เห็นอีกโอกาสสร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านที่พรมแดนติดกัน
ในความรู้สึกของ จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พูดแทนใจสื่อไทย ประทับใจแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารลาวเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะสถานที่สำคัญ ทั้ง พระธาตุสีโคดตะบอง, ถ้ำปลาเซือม, ภูผาม่าน, ขุนกองแลง, น้ำตกตาดเสียงลือ, ถ้ำลอดเซบั้งไฟ ในแขวงคำม่วน และพระธาตุอิงฮัง พระธาตุโพน หอพระไตรปิฎกกลางน้ำฯ และดงลิง ฯลฯ ในแขวงสะหวันนะเขต
“นอกจากได้ดูนโยบายการส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวของรัฐบาลลาวแล้ว สื่อไทยและลาวยังแลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวัฒนธรรม ภาษา คําพูด ฯลฯ เพื่อให้สื่อของทั้งสองประเทศมีความร่วมมือมากขึ้นในอนาคต” เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯแชร์ประสบการณ์ที่มีค่า
การเดินทางครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงทริปท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสานสัมพันธ์สื่อมวลชนทั้งสองฝั่ง ต่อเติมรากฐานความเป็นบ้านพี่เมืองน้องให้ยิ่งเหนียวแน่น สานโอกาสในการพัฒนาสองฝั่งของน้ำโขงให้เป็นไปอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยในอนาคต
