| ผู้เขียน | ชญานินทร์ ภูษาทอง |
|---|
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ชี้เป้าปัดฝุ่น ‘ไทยแลนด์ริเวียร่า’
‘หัวหินต้องไปไกลกว่านี้’
เพิ่งแสดงวิสัยทัศน์เฉียบคมบนเวที ‘ISAN NEXT พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก’ ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับ ‘เครือมติชน’ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
เอ่ยวาทะ ‘เราต้องรบบนจุดแข็ง อย่ารบบนจุดอ่อน’ ชวนให้ประเทศร่วมลุยต่อยอดสร้างเศรษฐกิจยั่งยืน เพื่อความกินดีอยู่ดีถ้วนหน้า
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอีกหลากหลายตำแหน่งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย ในวัย 70 หยกๆ ยังกระฉับกระเฉง ทั้งร่างกายและไอเดีย
เพิ่งเปิดบ้าน ทำบุญเลี้ยงพระ ฉลองวันคล้ายวันเกิดไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ท่ามกลางผู้คนหลากวงการหลั่งไหลร่วมอำนวยพร
“ผมเป็นวิศวกร ใช้วิธีการจำ คิดเลขในใจ เบอร์โทรศัพท์ก็จะจำ ไม่ค่อยจดบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์ และไม่เคยพกเครื่องคิดเลข ชอบคิดในใจ เวลาจัดรัฐบาลกระทรวงไหนก็อยู่ในใจ (หัวเราะ) พยายามคิดเพื่อให้สมองทำงาน” คือคำบอกเล่าของ สุวัจน์ ที่เน้นย้ำถึงความทรงจำที่แม่นยำแบบเป๊ะๆ!
พร้อมสนทนาในวันสบายๆ บรรยากาศชิลๆ
จิบชาแก้วโปรด ที่ อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ยืนยันว่า “หัวหินต้องไปได้ไกลกว่านี้”
⦁ อายุ 70 ปีแล้ว ยังดูแข็งแรง สดใส แอ๊กทีฟมาก มีเคล็ดลับอะไร?
โยนความเครียดให้คนอื่น (หัวเราะ) ผมไม่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองมากกว่า 20 ปี มีหลายคนบอกว่า ตอนนี้หน้าสดใสกว่าตอนที่ดำรงตำแหน่งอีก (หัวเราะ)
จริงๆ แล้วผมเป็นคนดูแลสุขภาพ ชอบทำอะไรเอง ไม่ชอบให้ใครทำอะไรให้ มันทำให้ร่างกายเราได้ขยับ และสมองสั่งงาน ตั้งแต่โควิด-19 ที่ผ่านมา ผมขับรถเอง ไปไหนมาไหนเอง การขับรถมันทำให้ร่างกายทุกส่วนทำงาน สายตาเห็น ประสาทสั่งงาน เมื่อสุนัขตัดหน้าเราก็มี เพอร์เซ็ปชั่น แล้วรีแอ๊กชั่นต้องตามมาทันทีว่าต้องเบรก
เวลาเราทำอะไรเองมันเหมือนมีด-ดินสอ ที่ต้องลับอยู่ตลอดเวลา เคล็ดลับที่ทำให้ชีวิตกระปรี้กระเปร่า คือ ทุกอย่างเราทำเองจริงๆ ถ้าให้คนอื่นทำให้หมด จะทำให้เราไม่แอ๊กทีฟ ผมไม่มีคนหิ้วของให้ ผมขึ้นเครื่องบินไปไหนคนเดียวได้ ยกเว้นว่าไปงานที่หาที่จอดรถยากก็จะมีคนขับรถให้
⦁ แล้วออกกำลังกายบ้างไหม?
ออก เพราะเป็นสิ่งสำคัญ ทุกเช้าผมต้องมี 45 นาทีอย่างต่ำๆ เดินลู่วิ่งสายพาน 30 นาที ว่ายน้ำ 15 นาทีทุกวัน จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น อีกอย่างหนึ่งผมกินซุปไก่สกัด เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ แต่กินมาตั้งแต่เด็กๆ กินมาแล้วกว่า 60 ปี ผมน่าจะเป็นคนกินซุปไก่สกัดเยอะที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ (หัวเราะ)
เชื่อไหม ผมไม่เคยเป็นไข้หวัดเลยในชีวิต ไม่ได้เป็นโควิด-19 ผมคิดว่า หรือว่าซุปไก่สกัดมันอาจมีส่วนช่วยร่างกายเราจริงๆ เพราะเขาบอกว่ากินซุปไก่สกัด 1 ขวด เท่ากับกินไก่ 1 ตัว อาจจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้
นอกจากนี้ ผมชอบดื่มชาที่ดีต่อสุขภาพ อย่างชาคาโมมายด์ ชาที่มาจากเกสรดอกไม้ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว คือการได้นอนหลับอย่างสนิทและยาวๆ จะทำให้อายุยืน ใครที่นอนไม่หลับจะสุขภาพไม่ดี สมองไม่สั่งงาน
⦁ อยากให้ย้อนเล่าความผูกพัน ความทรงจำเกี่ยวกับหัวหิน รวมถึงการผลักดันโครงการ ไทยแลนด์ริเวียร่าในอดีต
สมัยที่ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในยุคทักษิณ ชินวัตร มีสึนามิเกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยจำนวนมาก แหล่งท่องเที่ยวเสียหายเป็นบริเวณกว้าง กระทบกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เศรษฐกิจในประเทศไทยตอนนั้นหยุดชะงักทันที
นายกรัฐมนตรีก็มอบหน้าที่ให้ผมไปดูแลพี่น้อง ประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหา ผมเป็นวิศวกร เขาก็ให้ผมไปฟื้นฟู โครงสร้างพื้นฐาน บ้าน ถนน สะพาน สิ่งก่อสร้างที่เสียหาย ตอนนั้นจำได้ว่าผมไปอยู่ภูเก็ตเป็นเดือนๆ
ตอนนั้นอดีตนายกฯทักษิณ เรียกผมแล้วพูดว่า สุวัจน์ สึนามิถ้ากลับมาอีกจะทำอย่างไร มาทีมันก็เสียหาย ท่านเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจมาก ผมก็คิดว่าถ้าอย่างนั้น เราต้องมีสถานที่สำรอง มีแหล่งท่องเที่ยวสำรองเพิ่มมากขึ้น
ตอนนั้นผมเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเรื่องท่องเที่ยวและกีฬา ผมก็มาประชุมกับการท่องเที่ยว เพื่อให้ประเทศไทยมีความหลากหลายในเดสทิเนชั่น (จุดหมายปลายทาง) ไม่ใช่พอสึนามิเข้ามาก็จบเห่เลย
สึนามิที่ประเทศไทยตอนนั้นเป็นฝั่งอันดามัน แต่พื้นที่บริเวณฝั่งอ่าวไทย ตราด ระยอง จันทบุรี เพชรบุรี ชะอำ ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง ยังไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีลักษณะเป็นย่าน แต่มีเป็นจุดๆ
เราก็กลับมาคิดว่า ถ้าสามารถนำฝั่งอ่าวไทยมาเป็นย่านการท่องเที่ยวจุดหมุดหมายใหม่ของประเทศไทยได้ไหม ผมนึกถึงทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ตั้งแต่โมนาโก นีซ แซ็ง-ทรอเป คานส์ เราคิดว่าฝั่งอ่าวไทยน่าจะพัฒนาขึ้นมาให้เป็นย่านได้ ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯมาถึงเพชรบุรี หาดเจ้าสำราญ ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี เมือง 3 อ่าว ไปต่อชุมพรและระนอง ให้ดีไซน์ออกมาเป็นไทยแลนด์ริเวียร่า (Thailand Riviera)
โครงการนี้ออกแบบมาเพื่อพัฒนาให้เป็นย่านท่องเที่ยวใหม่ของประเทศ โดยหัวหินเป็นศูนย์กลางของไทยแลนด์ริเวียร่าและดีไซน์ออกมาใหม่ ถ้าคุณชอบความสนุกสนานก็ต้องชะอำ ถ้าคุณชอบคลาสสิกก็หัวหิน ถ้าคุณชอบชิคๆ ก็ปราณบุรี ถ้าชอบดำน้ำก็ชุมพร มีเกาะเต่า ถ้าชอบน้ำแร่ก็ระนอง บุคลิกแต่ละที่มีความแตกต่างกัน
หลังจากนั้น เราก็ค่อยๆ พัฒนาโครงการนี้มา ผมเป็นรองนายกฯในขณะนั้น ผมนำไทยแลนด์ริเวียร่าเข้า ครม. และได้อนุมัติเงิน 20,000 ล้านบาท ให้มาทำถนนเลียบหาด ทำทางรถไฟ ทำมารีน่า เพื่อให้เป็นย่านท่องเที่ยวใหม่ เหมือนย่านอันดามัน
⦁ เอกลักษณ์ ดีเอ็นเอ ความแตกต่างหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน?
เมื่อวันที่ผมออกจากรองนายกรัฐมนตรีมา ก็มีความคิดว่าหัวหินน่าพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เซเลบ ไฮเอนด์ เพราะว่าเรื่องการท่องเที่ยวเราต้องทำให้มันหลากหลาย ชะอำ หัวหิน เกาะสมุย ภูเก็ต คนละบุคลิกกันเลย สมมุติเราให้บุคลิกแต่ละเมืองแตกต่างกัน อย่าซ้ำกัน ใครชอบสนุกๆ ก็พัทยา ใครชอบสงบๆ แบบไมอามีก็หัวหิน มนต์รักแปซิฟิกก็ไปสมุย
ถ้าเราสามารถพัฒนาได้ทุกแหล่งท่องเที่ยว แล้วทำให้มีความแตกต่าง เมื่อนักท่องเที่ยวมา สามารถพักอาศัยอยู่ได้ยาวๆ เพราะเศรษฐกิจนักท่องเที่ยวมา 1 คน เฉลี่ยอยู่ 10 วัน แล้ว 1 วันใช้เงิน 5,000 บาท เพราะฉะนั้น 1 คนก็ใช้เงิน 50,000 บาท ถ้านักท่องเที่ยวมา 40 ล้านคน ก็เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านล้าน และคนไทยเที่ยวกันเองอีก 1 ล้านล้าน รวมแล้วก็ 3 ล้านล้าน นี่คือรายได้จากการท่องเที่ยว ทำอย่างไรเราจะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว หากสมมุตินักท่องเที่ยวอยากอยู่ต่อวันที่ 11 ก็สามารถเพิ่มเงินไปอีก 5,000 บาท เราจะทำอย่างไรให้เขาอยู่เพิ่มขึ้น
ผมว่าวิธีการที่จะทำให้เศรษฐกิจท่องเที่ยวดี นอกจากเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวแล้ว คือการเพิ่มระยะเวลาในการพักอาศัย ส่วนใหญ่เรามองแต่จำนวนคน แต่ทำไมเราไม่มองว่าเราต้องเพิ่มจำนวนวันท่องเที่ยวให้เขาได้ ธรรมชาติก็ไม่ช้ำ สิ่งแวดล้อมก็ไม่ช้ำ
⦁ ศักยภาพของหัวหิน จะสามารถพัฒนาให้ไปไกลกว่านี้ ไปให้สุด ไปให้ปัง ได้อย่างไร?
ผมชอบหัวหิน เพราะหัวหินมีศักยภาพในการพัฒนาเป็น Niche Market เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีบุคลิกเฉพาะ เหตุผลคือ ในจำนวนแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งหมด หัวหินเก่าแก่ที่สุด ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ถึงรัชกาลที่ 7 หัวหินเป็นเมืองตากอากาศอันดับ 1 ของเอเชีย สมัยก่อนโรงแรมที่เป็นโรงแรมแห่งแรก คือโรงแรมรถไฟ กรมพระกําแพงเพชรอัครโยธิน ท่านเป็นผู้ว่าการรถไฟ ได้มาสร้างโรงแรมรถไฟ สร้างสนามกอล์ฟรถไฟ ตัดทางรถไฟจากชะอำมาหัวหิน
ฉะนั้นหัวหินมีความเจริญเป็น 100 ปี แล้วคนหัวหินเวลาเขานับอายุ เขานับจากทางรถไฟตัดมาหัวหิน สมัยก่อนรถไฟจะไปใต้จากกรุงเทพฯ ก็มีถึงชะอำ รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯให้กรมพระกําแพงเพชรอัครโยธินตัดทางรถไฟจากชะอำมาหัวหิน และเปิดหัวหินให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น
ฉะนั้น หัวหินเขาจะนับจากวันที่ทางรถไฟมาถึง วันนี้ก็เกือบ 120 ปี ฉะนั้นหัวหินมีความเก่าแก่ ตั้งแต่อดีตกาล มีวังไกลกังวล มีหาดที่สงบ มีโคโลเนียลสไตล์ มีผังเมืองแบบยุโรป
หัวหินคล้ายโมนาโก นีซ ถ้าเราสามารถพัฒนาหัวหินให้มีบุคลิกเฉพาะตัว ให้เป็นเมืองตากอากาศระดับสูงได้ ก็จะดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
หัวหินมีบรรยากาศที่ดี เป็นเมืองตากอากาศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ หัวหินต้องไปได้ไกลกว่านี้ บางทีเราก็คิดว่าการจัดกิจกรรมที่หัวหินให้เป็นระดับโลกก็จะเป็นสิ่งที่ดี เราต้องใช้ Sport tourism การท่องเที่ยวเชิงกีฬา นำนักกีฬาดังๆ มาพักตากอากาศที่หัวหิน ก็เลยช่วยกันพัฒนา
จนวันนี้ผมคิดว่าหัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ติดอันดับของโลกไปแล้ว แต่แอบเสียจังหวะตรงถนนพระราม 2 (หัวเราะ) ใครมาก็ต้องระวังหัว
⦁ หัวหินมีทางรถไฟรางคู่แล้ว มองอนาคตหัวหินไว้อย่างไร?
ผมคิดว่าถ้าพระราม 2 เสร็จ อะไรๆ ก็จะดีขึ้น ทางรถไฟรางคู่ก็มาหัวหินแล้ว ใครมาหัวหินต้องมารถไฟจะเท่มากเลย เพราะมันเริ่ม Journey ตั้งแต่ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์แล้ว ถ้ามารถยนต์ส่วนตัวจะได้ท่องเที่ยวก็ต่อเมื่อถึงหัวหิน แต่ถ้าคุณมารถไฟ คุณก็สัมผัสบรรยากาศตั้งแต่การขึ้นรถไฟ มีทั้งวิว ข้าวหลาม ข้าวผัดรถไฟ ความทรงจำเก่าๆ ผมว่ามันน่ารัก ปัจจุบันนี้นั่งรถไฟเร็วกว่าถนนพระราม 2 แล้ว
การท่องเที่ยวทางรถไฟจะเป็นอีก Journey หนึ่งที่จะสร้างสมประสบการณ์การท่องเที่ยวของภาคใต้ได้ หัวหินมีอนาคตที่จะเป็นการท่องเที่ยวระดับสูงของประเทศ และคนต่างประเทศรู้จักหัวหินจาก ชีวาศรม สปาอันดับ 1 ของโลก
เราต้องปัดฝุ่นโครงการไทยแลนด์ริเวียร่าให้ได้
ถ้าทำกลับมาได้ จะไม่ได้ประโยชน์เฉพาะหัวหิน แต่จะได้ไปถึงชะอำ ปราณบุรี แหลมผักเบี้ย สามร้อยยอด ชุมพร ระนอง จะทำให้เกิดเป็นย่าน
ประเทศไทยต้องมี 3 ย่าน 1.ไทยแลนด์ริเวียร่า 2.พัทยา 3.อันดามัน คือมันต้องไปให้สุดๆ ด้านการท่องเที่ยว ผมคิดว่าวันนี้เศรษฐกิจไม่ดี และ INDUSTRY (อุตสาหกรรม) อย่างอื่นก็จะลำบาก เพราะเรามีแต่ Sunset Industry อุตสาหกรรมที่เราเริ่มไม่ทันแล้ว
เมื่อก่อนเราเคยเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์อันดับ 1 วันนี้ไปเป็นรถไฟฟ้าแล้ว เราเห็นข่าวกันมากมายว่าอุตสาหกรรมในประเทศไทยย้ายฐานการผลิตรถยนต์ ฉะนั้นอุตสาหกรรมอื่นๆ เราก็ไม่ค่อยทันสมัย แต่จุดแข็งของประเทศไทยในวันนี้คือ เรื่องการท่องเที่ยว ไม่มีใครมาลบเหลี่ยมเราได้
ฉะนั้นเราต้องรบเศรษฐกิจบนจุดแข็ง อย่าไปรบบนจุดอ่อน ต้องขายจุดแข็ง แต่งเนื้อแต่งตัวให้เต็มที่ ต้องไปให้สุด ถ้าจะสู้กับเขา แล้วจะทำให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องทำเรื่องการท่องเที่ยวให้ได้
เพราะเรามีจุดแข็งรองรับตั้ง 4 ภาค วัฒนธรรมไม่เหมือนกัน เรามีชายหาดไม่รู้กี่พันกิโลเมตร มีภูเขาไม่รู้กี่ลูก มีอาหารการกินที่เป็นเอกลักษณ์ แบงค็อกไม่มีใครไม่รู้จัก นิสัยของคนไทยเจอหน้ากันก็ยิ้มให้กันแล้วเฟรนด์ลี่
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้ามาก็มีเรื่องเข้ามามากมาย วุ่นวายกันหมด แต่เรื่องท่องเที่ยวแน่นอนที่สุด
⦁ ในฐานะแฟนตัวยงของหัวหิน มาถึงที่นี่แล้ว ต้องกินอะไร?
เดิมทีถ้านึกถึงหัวหิน ต้องนึกถึงฟิชชิ่งวิลเลจ เพราะหัวหินเป็นเมืองประมงเก่า ชื่อหัวหินเดิมคือ บ้านสมอเรียง ต่อมาเรียกเป็นบ้านแหลมหิน จากนั้นก็เป็นหัวหิน ฉะนั้นถ้ามาหัวหินก็ต้องกินซีฟู้ด
ผมสังเกตนักท่องเที่ยวเวลามาพักในโรงแรมจะออกไปกินข้างนอก ทั้งเขาตะเกียบ หมู่บ้านประมง ไปที่มีซีฟู้ดและขนมอร่อย อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วงป้าเจือ ขนมหวานแม่เก็บ แต่วันนี้หัวหินเริ่มเป็นเมืองอินเตอร์แล้ว มีร้านสเต๊ก มีร้านอาหารอิตาเลียนเพิ่มมากขึ้น
⦁ วงการต่างๆ ถูกดิสรัปต์โดยเทคโนโลยี แล้วการท่องเที่ยวโดนด้วยหรือไม่?
เทคโนโลยีอาจจะมาทำลายอุตสาหกรรม เมื่อเทคโนโลยีใหม่มาอุตสาหกรรมบางอย่างก็อยู่ไม่ได้แล้ว แต่เทคโนโลยีไม่สามารถทำลายการท่องเที่ยวได้เลย มีแต่มาเสริม เราไม่สามารถเสิร์ฟโอโซนบรรยากาศหัวหินจากออนไลน์ คุณต้องมา เพียงแต่เทคโนโลยีจะเข้ามาเสริมให้การท่องเที่ยวง่ายขึ้น จองโรงแรมง่ายขึ้น ฉะนั้นเรื่องท่องเที่ยวไม่มีเทคโนโลยีดิสรัปชั่น มีแต่เทคโนโลยีซัพพอร์ตการท่องเที่ยว
⦁ มองความเหมือนและต่าง ระหว่างโคราชกับหัวหินอย่างไร?
โคราชกับหัวหินต่างกัน เพราะคนละโลเกชั่น หัวหินติดทะเลไม่มีภูเขา โคราชมีภูเขาแต่ไม่มีทะเล เป็นความแตกต่างในเชิงโลเกชั่น พูดถึงว่าการเป็นเมืองท่องเที่ยว ก็ท่องเที่ยวกันคนละแบบ หัวหินเป็นเมืองเล็ก มีประชากร 6 หมื่นคน แต่ถ้าพูดถึงชื่อเสียงนี่โด่งดังมาก ขณะที่โคราชมีประชากร 2.5 ล้านคน แหล่งท่องเที่ยวคนละแบบ โคราชเป็นเมืองอุทยาน เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก
ยูเนสโกมารับรองสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของโคราชเป็นจังหวัดที่ 4 ของโลกที่มี 3 มงกุฎ คือ 1.เขาใหญ่ 2.พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช มีป่าไม้สงวนที่ทรงคุณค่าของโลก และ 3.Khorat Geopark หรืออุทยานธรณีโคราช ในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอสูงเนิน อำเภอสีคิ้ว อำเภอขามทะเลสอ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ เมื่อขุดลึกลงไปใต้ดินจะเจอแหล่งซากดึกดำบรรพ์ หรือบรรพชีวิน ฟอสซิล เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก
⦁ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะสร้างโคราชให้เป็นเมืองการท่องเที่ยวของโลก?
ได้ เพราะมีพื้นฐานที่ยูเนสโกมารับรอง วันนี้คนมาเที่ยวช้อปปิ้งน้อยลง แต่กิน local food มากขึ้น มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรม วันนี้รัฐบาลสร้างมอเตอร์เวย์ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ไปโคราชแล้ว ถ้าเปิดใช้งานจะย่นระยะเวลาการมาโคราชได้อย่างสะดวกสบาย และกำลังจะสร้างทางรถไฟความเร็วสูง ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ 1 ชั่วโมง 10 นาที ถึงแน่นอน
ฉะนั้นถ้าเมื่อระบบคมนาคมเป็นใจ โคราชก็จะเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ อีกทั้งโคราชยังมีเรื่องโบราณคดี เป็นเมืองหน้าด่านที่จะนำไปสู่โบราณคดีภาคอีสาน อย่างสูงเนินมีปราสาทจำนวนมาก ถ้าบอกว่าปราสาทหินต้องเริ่มต้นที่ไหน ต้องสูงเนิน
โคราชเป็นประตูสู่อีสาน มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นจังหวัดที่มีความเป็นตัวตนของตนเอง มีภาษาโคราช ซึ่งภาษาโคราชไม่ใช่ภาษาอีสาน มีอาหารโคราช มีเพลงโคราช มีผ้าไหมโคราช มีมวยไทยโคราช มีลิเกโคราช พูดได้เลยว่าโคราชเป็นเมืองซอฟต์พาวเวอร์ นี่คือเสน่ห์จากการพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองโคราช ถ้าจะพัฒนาให้เต็มที่ต้องรอวันที่ระบบคมนาคมไปโคราชครบ
⦁ ภาพที่อยากเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวในประเทศไทย
เวลาจัดรัฐบาล ปกติแล้วเขาก็จะบอกว่าอะไรคือ กระทรวงเกรด A ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน พรรคก็จะแชร์กัน เอากระทรวงหลักๆ แต่ผมอยากเห็นคนแย่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
อยากให้ทุกคนให้น้ำหนักเรื่องการท่องเที่ยวให้กระทรวงได้เป็นเกรด A ได้คนที่ Get smart เท่ๆ แล้วเศรษฐกิจไทยจะรอด
ชญานินทร์ ภูษาทอง